วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

บทความเก่า WG


บทความเก่า WG
โพสใน FB เมื่อ  27 May 2012 

เมื่อวานได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนๆ ถึง WGเพื่อนถามว่าถือทำไมตัวนี้ มีอะไรน่าสนใจเลยอยากเอามาแชร์นลท ที่ลงทุนในหุ้น หลายท่านชอบโกรทและการเติบโตของราคานอกจากหุ้นแล้วบางม่านก็ลงทุน ใน money market พวกกองทุนตราสาร กองทุนอสังหาจุดประสงค์ในการลงทุนใน asset เหล่านั้น คือการกระจายความเสี่ยง ส่วนใหญ่เป้นการลงทุนระยะยาว และที่สำคัญคือเงินต้นไม่หาย แต่ได้ผลตอบแทนค่อนข้างจำกัด 4%-7% โดยประมาณการลงทุนเหล่านั้น ก็เปรียบได้กับ การซื้อ bond ทีนี้มาเกียวอะไรกับ WGอย่างแรกเลยคือ เป็น บ.ที่เปิดมากนานกว่า 50ปี ผู้ถือหุ้นใหญ่คือ กลุ่ม โอสถานุเคราะห์จ่ายปันผลปีละครั้ง ประมาณ 50% ของกำไรสุทธิเริ่มที่ฐานะการเงินและทรัพย์สินของ บ. ห่อนนะครับข้อมูล ณ วันที่ 31/12/2550 สินทรัพย์รวม (ล้านบาท) 1,079.79ข้อมูล ณ วันที่ 31/12/2551 สินทรัพย์รวม (ล้านบาท) 1,164.04 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน +7.80% ข้อมูล ณ วันที่ 31/12/2552 สินทรัพย์รวม (ล้านบาท) 1,242.90 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน +6.77%ข้อมูล ณ วันที่ 31/12/2553 สินทรัพย์รวม (ล้านบาท) 1,364.39 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน +9.77%ข้อมูล ณ วันที่ 31/12/2554 สินทรัพย์รวม (ล้านบาท) 1,423.02 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน +4.30%หากสังเกต ปี 2554 การเพิ่มขึ้นของ ทรัพย์สิน บ.น้อยกว่าที่ควรเป็นเพราะ เหตุจากลูกค้าของ บ.ถูกน้ำท่วม

คราวนี้หากดูทรัพย์สิน อาจคิดว่าที่ทรัพย์สินเพิ่มเพราะ มีหนี้สินเพิ่มหรือเปล่า เรามาดูหนี้สินกันคับหนี้สินรวม (ล้านบาท) 2550 หนี้สินรวม 181.99 2551 หนี้สินรวม 192.13 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน +5.57%2552 หนี้สินรวม 193.23 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน +0.57%2553 หนี้สินรวม 209.35 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน +8.34%2554 หนี้สินรวม 184.36 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน -11.93%จะเห็นว่าหนี้สินน้อยมาก เท่านั้นยังไม่พอ มาดู ดอกเบี้ยจ่าย ว่าแต่ละปี บ.ต้องจ่ายดอกเบี้ยสำหรับหนี้สินเท่าไร ดอกเบี้ยจ่าย (ล้านบาท) - N.M. - N.M. - N.M. - N.M. - ครับ ดูไม่ผิดหรอกคับ ไม่มีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเลย แสดงให้เห็นว่า หนี้สินที่มี ไม่ใช่หนี้สินเงินกู้เป็นเพียงหนี้สินจากเจ้าหนี้การค้าที่ให้เครดิตในการซื้อสินค้าเท่านั้น

คราวนี้มาดูส่วนของ ผถหส่วนของผู้ถือหุ้น (ล้านบาท) 1,237.99 +7.22 1,154.59 +10.03 1,049.37 +7.99 971.72 +8.25 897.69 10.57จะเห็นได้ว่าเติบโตมาตลอดไม่ต่ำกว่าปีละ 7%จุดนี้หมายถึง หากเราเป็น ผถห เงินต้นเราจะโตขั้นต่ำปีละ 7% เป็หนอย่างน้อยตามหลัก บัญชีบ.มีเงินกำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรร 804,157,170 บ. ที่ยังค้างใน บ. หรือคิดเป็นกำไรสะสมต่อหุ้นที่ 45 บ. ต่อหุ้น (ราคาหุ้นเมื่อวันศุกร์ 80 บ เป็นกำไรสะสมครึ่งนึงแล้ว)และ ณ วันที่ 31/12/54 บ.มีเงินสด คงเหลือใน บ. 352,383,555 หรือคิดเป็น 19.7 บ.ต่อหุ้น

การจ่ายปันผล บ.จ่ายปันผลมาตลอดต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1981(เท่าที่ผมมีข้อมูล จริงๆแล้วอาจมีการจ่ายก่อนหน้าอีกหลายปีแต่ผมไม่มีข้อมูลจึงไม่ได้นำมาบอก) จนถึงปัจจุบัน ประมาณ30ปีไม่เคย ไม่จ่ายแม้แต่ปีเดียว จ่ายปันผลทุกปีตลอด 30ปีที่ผ่านมาล่าสุด ปี 2012 จ่ายปันผล ต่อหุ้นที่ 4.50 บ. คิดจากราคาตลาดเมื่อวันศุกร์ ที่ราคา 80.50 บ.เท่ากับ 5.59% โดยที่สามารถเครดิตภาษีได้อีกต่างหาก

สรุปก็คือ หุ้นตัวนี้ เปรียบเสมือน Bond ที่ได้ ดอกเบี้ยปีละประมาณ 5.5% (คิด ณ.ราคาตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมา ) โดยที่ เงินปันผล(หรือดอกเบี้ยที่เราได้) โตอีกปีละประมาณ 7%(คาดการ์จาก การเพิ่มขึ้นของส่วน ผถห)

แน่นอนคับ การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงสูงกว่าใน bond แต่ บ.นี้เป็น บ.ที่มีเงินสดเหลือเฟือ ความเสี่ยงค่อนข้างจำกัดอย่างมาก เหมาะที่จะใช้ กระจายพอร์ตการลงทุน เพราะหากลงทุนใน bond จริงๆแล้ว โอกาสได้ ดอกเบี้ย 5.5% และโตปีละ 7% นี่ไม่มีเลย