ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล - MINT
ปี 2556 ภาพรวมยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง
Bloomberg │ Reuters
MINT TB │ MINT.BK
Thailand Equities Research
21 มีนาคม 2556
Report type: Company Update
ลักษณะธุรกิจ
ประกอบธุรกิจโรงแรมและเกี่ยวเนื่อง, เช่าพื้นที่ศูนย์การค้า, บริการเพื่อ
สุขภาพ (สปา), บันเทิง, อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอาหาร โดยมีธุรกิจ
โรงแรมและอาหารเป็นรายได้หลัก
• กำไรสุทธิปี 2555 เพิ่มขึ้น 18.35% y-y แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ
จะโต 65.97% และได้แจ้งจ่ายปันผล 0.30 บาท XD 11 เม.ย. 56
• คาด 1Q56 ยังเห็นการเติบโต จาก ม.ค. - 20 ก.พ. 56 อัตราการเข้า
พักยังปรับตัวขึ้น 2% เป็น 76% Revpar รวม Oaks เพิ่มขึ้น 3-4%
และร้านอาหาร SSSG ในเดือน ก.พ. กลับมาเป็นบวกหลัง ม.ค. ติด
ลบจากฐานที่สูงในปีก่อน
• ยังจะเห็นการขยายตัวทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในปีนี้ จากทั้ง
จากจำนวนโรงแรมและร้านอาหารที่เพิ่มขึ้น และรายได้เฉลี่ยที่ดีขึ้น
• ปรับคาดการณ์กำไรปี 2556 ขึ้น 9% อิงวิธี DCF ราคาพื้นฐานอยู่ที่
29 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”
ประเด็นข่าว ?
กำไรสุทธิปี 2555 เพิ่มขึ้น 18.35% y-y มาจากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของ
ธุรกิจโรงแรมที่ 42.38% เป็นหลัก โดยที่ธุรกิจร้านอาหารและจัดจำหน่าย
สินค้าโตที่ 10.94% และ 12.60% ตามลำดับ ซึ่งหากไม่รายการพิเศษ
กำไรจะโตที่ 65.97% และได้แจ้งจ่ายปันผล 0.30 บาท XD 11 เม.ย. 56
ในช่วง ม.ค. – 20 ก.พ. 56 อัตราการเข้าพักในธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น 2%
เป็น 76% และ Revpar ซึ่งรวม Oaks เพิ่มขึ้น 3-4% ในขณะที่ธุรกิจร้าน
อาหาร แม้ในเดือน ม.ค. SSSG จะติดลบ จากฐานที่สูงในปีก่อนที่ได้รับ
ผลบวกจากน้ำท่วม แต่เดือน ก.พ. SSSG กลับมาเป็นบวกได้แล้ว
ความเห็น ?
คาดจะเห็นผลประกอบการใน 1Q56 ยังขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึง
ภาพรวมในปี 2556 จากการขยายของทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร
คำแนะนำการลงทุน ?
ราคาพื้นฐาน บนวิธี DCF อยู่ที่ 29 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ”ซื้อ”
กำไรสุทธิปี 2555 เพิ่มขึ้น 18.35% y-y
กำไรสุทธิปี 2555 อยู่ที่ 3,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.35% y-y มาจาก
ธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก ในขณะที่อาหารและค้าปลีกยังเติบโตดี แต่หาก
ไม่รวมรายการพิเศษต่าง ๆ กำไรจะโตที่ 65.97% y-y และได้แจ้งจ่าย
ปันผล 0.30 บาท/หุ้น XD 11 เม.ย. และจ่าย 30 เม.ย. 56
รายได้รวมเพิ่มขึ้น 19.79% y-y ที่ 31,310 ล้านบาท 1) โตจากกลุ่มโรง
แรม อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวต่อเนื่องที่ 29.57% จากอัตรา
การเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 65% เป็น 69% ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก
ปลายปี 2554 มีเหตุการณ์น้ำท่วมทำให้นักท่องเที่ยวชะลอลง และการ
รวม Oaks เต็มปี จากปีก่อนที่รับรู้ 7 เดือน นอกจากนี้ค่าห้องเฉลี่ย
ปรับตัวขึ้น 3.79% y-y ส่งผลให้ RevPar (รายได้เฉลี่ย/ห้อง) เพิ่มขึ้น
11.37% เป็น 3,871 บาท/คืน และจำนวนห้องพักทั้งที่เป็นเจ้าของเอง
และรับจ้างบริหารเพิ่มขึ้น 5.37% เป็น 10,348 ห้อง ทำให้ธุรกิจ
โรงแรมรายได้โต 42.38% และดึงภาพรวมทั้งกลุ่มให้โตขึ้น 2) รายได้
จากกลุ่มอาหารเพิ่มขึ้น 10.94% y-y รายได้ร้านอาหารเพิ่มขึ้น
10.58% จากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่โต 15.1% สาขาเพิ่มขึ้น
124 แห่ง เป็น 1,381 แห่ง รวมแฟรนไชส์ที่ 621 แห่ง โดยแฟรนไชส์
เพิ่มขึ้น 75 แห่ง ทำให้รายได้จากแฟรนไชส์เพิ่มขึ้น 22.06% y-y 3) จัด
จำหน่ายสินค้าโต 12.60% y-y จากยอดขายที่ดีขึ้น แม้สาขาจะลดลง
11 แห่ง เหลือ 235 แห่ง แต่ไม่มีผลกระทบจากน้ำท่วม ในแง่ของ
ต้นทุนปรับตัวขึ้นตามยอดขายและค่าใช้จ่ายขาย/บริหารควบคุมได้ดี
และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ซึ่งหากไม่รวมรายการพิเศษ
ในปีก่อนมีกำไรที่ 3,243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.97% y-y จาก 1,954
ล้านบาทในปีก่อน
2 เดือนแรกธุรกิจโรงแรมและอาหารยังคงเติบโตอยู่
ใน ม.ค.- 20 ก.พ. อัตราการเข้าพักยังคงปรับเพิ่มจากปีก่อน 2% เป็น
76% Revper ซึ่งรวม Oaks เพิ่มขึ้น 3-4% และจำนวนห้องพักที่
เพิ่มขึ้น ในส่วนของธุรกิจอาหารในเดือน ม.ค. SSSG ติดลบ เนื่องจาก
มีเทศกาลตรุษจีนและในปีก่อนยังมีน้ำท่วม ที่ส่งผลให้มียอดขายสูงผิด
ปกติ และในเดือน ก.พ. กลับมาเป็นบวกได้แล้ว รวมถึงการมีสาขาที่
เพิ่มขึ้นและการเข้าซื้อ Riversides ที่จีน ก็จะรับรู้รายได้เข้ามาเป็น
ไตรมาสแรก ทำให้โดยรวมรายได้จากร้านอาหารยังคงเติบโตอยู่
ปี 2556 ยังคงขยายทั้งธุรกิจโรงแรมและอาหารต่อเนื่อง
ในธุรกิจโรงแรมในปี 2556 จะมีโรงแรมใหม่ที่เป็นส่วนของ MINT เพิ่ม
อีก 5 แห่ง รวม 268 ห้อง และที่เซ็นสัญญารับจ้างบริหารอีก 10 แห่ง
รวม 1,194 ห้อง ซึ่งอาจจะมีเพิ่มเติมอีก เพราะยังอยู่ระหว่างการ
เจรจาอีก โดย MINT คาดอัตราการเข้าพักจะอยู่ที่ 72-73% จากปี
ก่อนที่ 69% ค่าห้องเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6-7% ซึ่งจะทำให้ RevPar เพิ่มขึ้น
12-13% ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ โครงการเซ็นต์ รีจิส ได้เซ็น
สัญญาขายได้อีก 8% ของโครงการ คาดจะโอนได้ภายใน 3-6 เดือน
และรายได้จากโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา (Time Share) คาด
ว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนยูนิตที่เพิ่มขึ้นจาก 46 ยูนิต เป็น
อย่างน้อย 100 ยูนิต จะทำให้มีรายได้เพิ่มจาก 51 ล้านดอลลาร์ เป็น
80 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ส่วนธุรกิจอาหารจะขยายสาขาเพิ่มอีก 8-10%
ตั้งเป้ายอดขายโต 12-15% ซึ่งส่วนหนึ่งจะมาจาก Riverside ที่เข้าไป
ถือหุ้นปลายปี และจะทำให้ภาพรวมของธุรกิจร้านอาหารในจีน จะมี
กำไรได้ในสิ้นปีนี้
ปรับกำไรสุทธิและราคาพื้นฐานปี 2556 ขึ้น
จากธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งในแผนระยะ
ยาวถึงปี 2560 ตั้งเป้าจะมีโรงแรมทั้งบริหารและเป็นเจ้าของเองเป็น
อย่างน้อย 140 แห่งจากสิ้นปี 2555 ที่ 82 แห่ง ร้านอาหารเป็นกว่า
2,700 แห่ง จาก 1,381 แห่ง โครงการที่พักอาศัยรวมกว่า 200 ยูนิต
จาก 67 ยูนิต และโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลาเป็นกว่า 400 ยู
นิต จาก 46 ยูนิต และค้าปลีกที่ 260 แห่ง จาก 235 แห่ง และพื้นที่
ขายเป็นกว่า 23,000 ตรม. จาก 20,062 ตรม. ซึ่งในระยะยาวมองยัง
เห็นการเติบโตอยู่ต่อไป ทางฝ่ายปรับคาดการณ์รายได้ขึ้นเป็น 38,399
ล้านบาท และกำไรสุทธิขึ้นเป็น 4,066 ล้านบาท จากเดิมที่ 3,731
ล้านบาท บนวิธี DCF (WACC 8.94% และ Terminal g 3%) ราคา
พื้นฐานปรับเป็น 29 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”
ไมเนอร์ อินเตอรเ์ นชัั่นแนล (MINT)วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556
คำแนะนำการลงทุน
ซื้อ
ราคาปัจจุบัน : 25.50 บาท
Fair Value 56: 29.00 บาท
มูลค่าตลาด : 94,706 ล้านบาท
แนวโน้มสดใสทุกธุรกิจ....คาดผลักดัน 1Q56 มีโอกาสพีคสุดของปี
เป้ากำไรเติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปี ผ่านขยายโรงแรม ที่พักอาศัยและอาหาร
กลยุทธ์ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2556-2560) ตั้งเป้ากำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% จากการขยายฐาน
ธุรกิจหลักผ่านนโยบายการลงทุนแบบ Organic และประหยัดสินทรัพย์ (Asset Light Strategy)
รวมถึงซื้อกิจการ โดยจะเน้นการลงทุนในต่างประเทศโซนเอเซีย เพื่อเพิ่มสัดส่วนกำไรใน
ต่างประเทศเป็น 50% (งวดปี 2555 สัดส่วนกำไรจากต่างประเทศ 21%) โดยธุรกิจโรงแรมเน้น
การลงทุนเองและรับบริหารเพิ่มภายใต้แบรนด์ ANANTARA, AVANI และ OAKS เพื่อเพิ่ม
จำนวนโรงแรมภายใต้การบริหารเท่าตัวจาก 82 แห่ง เป็นกว่า 140 แห่งในปี 2560 ซึ่งล่าสุด
บริษัทเตรียมเปิดโรงแรมใหม่ภายใต้การลงทุนเอง 10 แห่ง และรับบริหาร 20 แห่งในช่วง 3 ปี
ข้างหน้า นอกจากนี้มีแผนพัฒนาโครงการที่พักอาศัยเพิ่มเติมในแถบโรงแรม Anantara
Riverside BKK, Anantara Phuket, และ ที่ดินเปล่าที่เขาหลัก เป็นต้น ด้านธุรกิจอาหารมุ่งขยาย
สาขาร้านอาหารใหม่ผ่านการลงทุนเองและให้สิทธิแฟรนไชส์ในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มสาขา
ร้านอาหารจากสิ้นปี 2555 จำนวน 1,381 สาขา เป็นกว่า 2,700 สาขาในปี 2560 สำหรับการ
ลงทุนเพื่อขยายกิจการตามแผนข้างต้น ตั้งงบ 2.2-2.5 หมื่นล้านบาทในช่วง 5 ปีข้างหน้า หรือ
เฉลี่ย 4-5 พันล้านบาท/ปี และเตรียมไว้อีก 4-5 พันล้าบาทต่อปีสำหรับธุรกิจธุรกิจใหม่ แหล่ง
เงินทุนมาจากกระแสเงินสดภายใน, การแปลงสภาพ Warrant และเงินกู้ยืม
คาดกำไร 1Q56 พีคสุดของปี.....ปี 2556 ประเมินกำไรเติบโต 18% yoy
ฝ่ายวิจัยคงประมาณการเดิม โดยแนวโน้มผลประกอบการงวด 1Q56 คาดเติบโตต่อเนื่องและมี
โอกาสทำจุดสูงสุดของปี เนื่องจากธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นธุรกิจที่มาร์จิ้นสูง ได้แรงหนุนจากช่วง
ฤดูกาลท่องเที่ยว (Peak Season) มาผลักการเข้าพักของธุรกิจโรงแรม โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ย
ของทุกโรงแรมช่วงเดือน ม.ค. 2556 ยืนเฉลี่ย 71% และคาดจะเพิ่มมากขึ้นในเดือน ก.พ. จาก
อานิสงค์ของช่วงเทศกาลตรุษจีน นอกจากนี้จะเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนจากโรงแรมใหม่ที่
เวียดนาม 2 แห่ง รวม 158 ห้อง หลังซื้อกิจการเมื่อต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจพัฒนา
อสังหาริมทรัพย์ จะยังมีการบันทึกรายได้จากโครงการ Time Share ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
และการโอนคอนโด St Regis ซึ่งปัจจุบันรอเซ็นสัญญาและโอนคิดเป็นพื้นที่ 7% หรือ มูลค่า
ประมาณ 350 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจอาหารคาดยังเติบโตได้ดีจากการขยายสาขาร้านอาหารใหม่
และการสร้างรายได้เต็มไตรมาสของร้านอาหาร Riverside หลังซื้อกิจการสัดส่วน 49% ตั้งแต่
ปลายเดือน ธ.ค. 2555 คาดทั้งปี 2556 มีกำไรสุทธิ 4 พันล้านบาท เติบโต 18% yoy
4 ซื้อ...Upside 14% และเงินปันผลงวดปี 2555 หุ้นละ 0.30 บาท
คงแนะนำซื้อ มูลค่าพื้นฐานปี 2556 ภายใต้ DCF-WACC 9.4% อยู่ที่ 29 บาท มี upside 14%
ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2555 หุ้นละ 0.30 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD
วันที่ 11 เม.ย. 2556 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 30 เม.ย. 2556
ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
คำแนะนำพื้นฐาน: ซื้อ
เป้าหมายพื้นฐาน: 29.00 บาท
ราคา (21/02/13): 24.30 บาท
กำไรไตรมาส 4/55 สูงกว่าทุกคาดการณ์ คาดกำไร
หลักไตรมาส 1/56 มีแนวโน้มทำสถิติใหม่
ประเด็นการลงทุน
MINT รายงานกำไรหลักไตรมาส 4/55 ที่ 1.2 พันล้านบาท เติบโตก้าว
กระโดด 152% YoY และ 102% QoQ ผลประกอบการมากกว่าที่เราคาด
34% เนื่องจากรายได้และรายได้อื่นสูงกว่าที่เราประมาณการ ภาษีลดลง
กว่าที่คาดและการขาย The Estate ที่สมุย กำไรสุทธิไตรมาส 4/55 สูง
กว่าที่ตลาดคาด 20% ทั้งนี้ผลประกอบการไตรมาส 4/54 มีฐานต่ำมาก
(เหตุการณ์น้ำท่วมทำให้ต้องตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ 238 ล้านบาท จาก
ความเสียหายของสินค้าคงคลัง)
ตรงกับทุกคาดการณ์ MINT ประกาศเงินปันผลต่อหุ้นปี 2555 ที่ 0.30 บาท
(อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 1.3%) ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่
11 เม.ย. และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 เม.ย.
ประเด็นหลักจากผลประกอบการ
กำไรเติบโตเป็นที่น่าพอใจหนุนโดยรายได้จากธุรกิจโรงแรมขยายตัว 14%
YoY (เป็น 3.1 พันล้านบาท) รายได้จากธุรกิจอาหารเติบโต 9% YoY (เป็น
2.9 พันล้านบาท) และรายได้จากโครงการที่อยู่อาศัย (อสังหาฯ) เติบโตสูง
22% (เป็น 965 ล้านบาท) รายได้ต่อห้องเฉลี่ยของโรงแรมในไตรมาส
4/55 เพิ่มขึ้น 9% YoY มาจากอัตราการเข้าพักค่าเฉลี่ย 71% (68% ใน
ไตรมาส 4/54 และ 68%ในไตรมาส 3/55) และราคาห้องพักเพิ่มขึ้น 5%
อัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขาสำหรับธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้น
11.4% YoY และอัตราการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิม 4.6%
ยอดขายโครงการที่อยู่อาศัย (อสังหาฯ) เติบโตก้าวกระโดด 22% YoY
และ 36% QoQ หนุนโดยรายได้โครงการปันส่วนเวลา (timeshare) และ
การขาย The Estate สมุย สำหับกำไรที่เติบโต QoQ ดีมากนั้นเป็นผลตาม
ฤดูกาลที่ทุกธรุกิจปรับตัวดีขึ้น
ในไตรมาส 4/55 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย
ลดลง 4% YoY และ 2% QoQ เป็น 38.2% หนุนโดยรายได้ขยายตัว
สำหรับอัตราภาษีที่แท้จริงต่ำมากที่ 2% เนื่องมาจากการปรับโครงสร้าง
ภาษีสำหรับธุรกิจในต่างประเทศ ทำให้อัตรากำไรหลักเพิ่มขึ้นจาก 10%
ในไตรมาส 4/54 เป็น 14% ในไตรมาส 4/55 (8% ในไตรมาส 3/55)
อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิลดลงจาก 1.2 เท่าในสิ้น
เดือนก.ย. เป็น 1.1 เท่าในสิ้นเดือนธ.ค.
แนวโน้ม
เราคาดกำไรหลักสูงทำสถิติใหม่ในไตรมาส 1/56 (เติบโตแข็งแกร่งทั้ง
YoY และ QoQ) หนุนโดยไฮซีซั่นของกลุ่มท่องเที่ยว นอกจากนี้การ
ขาดทุนจากจีนจะลดลงหลังจากที่ MINT เข้าซื้อกิจการ Beijing Riverside
& Courtyard restaurant (ถือหุ้นอยู่ 49%) ในปลายปีที่แล้ว
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป?
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไร 8% สำหรับปี 2556 และ 7% สำหรับปี
2557 เพื่อสะท้อนผลประกอบการดีในไตรมาส 4/55 โดยเราคาดกำไรหลัก
เติบโต 20% ในปีนี้ (กำไรต่อหุ้น fully diluted เพื่มขึ้น 9%) รายได้ต่อ
ห้องเฉลี่ยของโรงแรมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 13% และอัตราการเติบโตของ
ยอดขายรวมทุกสาขาสำหรับธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้น 12.5% ทั้งนี้การเข้าซื้อ
กิจการใหม่และ/หรือรายละเอียดของโครงการที่อยู่อาศัย (อสังหาฯ)
(Anantara Residences ภูเก็ต) อาจทำให้มีอัพไซด์ต่อประมาณการของเรา