คาดงบ cpall 1Q56
ถ้า 1Q56 โตต่ำกว่า 15% จะมีอาการ "วงแตก" ไหมนะ
เท่าที่ไปหาข้อมูลคือ รอบแรก ปรับค่าแรง เฉพาะ กทม และ ปริมณฑล จาก 215 เป็น 300
เท่ากับปรับเพิ่มประมาณ 39.5% รอบแรกปรับ 1/4/2555
และ ตจว ค่าแรงเดิมอยู่ที่ประมาณ 160-190 หาก ตจว ปรับเป็น 300 (การปรับรอบสอง)
เท่าที่ไปหาข้อมูลคือ รอบแรก ปรับค่าแรง เฉพาะ กทม และ ปริมณฑล จาก 215 เป็น 300
เท่ากับปรับเพิ่มประมาณ 39.5% รอบแรกปรับ 1/4/2555
และ ตจว ค่าแรงเดิมอยู่ที่ประมาณ 160-190 หาก ตจว ปรับเป็น 300 (การปรับรอบสอง)
เท่ากับต้องปรับเพิ่มประมาณ 70% (คิดค่าแรง ตจว เดิมเฉลี่ย 175)
CPALL สาขา กทมและปริมณฑล ต่อ ตจว ปี 2012 อยู่ที่ 47% ต่อ 53%
ผลจากการปรับเพิ่ม ค่าแรงรอบแรก ทำให้ คชจ ในการขายเพิ่มมาประมาณ 2% เมื่อเทียบกับยอดขาย
สรุปคือ การปรับรอบสอง น่าจะทำให้ คชจ ในการขายเมื่อเทียบกับยอดขาย
มีภาระเพิ่มจาก 2Q54 อีกประมาณ 0.9%-1.4%
มีภาระเพิ่มจาก 2Q54 อีกประมาณ 0.9%-1.4%
ผมก็ลองปรับประมาณการให้ยอดขายโต 30% yoy (หรือเท่ากับ 8.44% QoQ) และให้ GPM ของรายได้จากการขาย ที่ 26.35% จากที่ 4Q55 มี GPMของรายได้จากการขายที่ 25.5%
และ 1Q55 มี GPMของรายได้จากการขายที่25.68%
คือ พูดง่ายๆ ลองให้ 1Q56 มี%กำไรขั้นต้นของรายได้จากการขายเพิ่มมากที่สุดในรอบ 2ปีย้อนหลัง ก็ยังไม่สามารถชดเชยกับ คชจ ที่จะเพิ่มขึ้นจาก การปรับค่าแรงได้ ส่งผลให้ กำไรโกรทลดลง
และ 1Q55 มี GPMของรายได้จากการขายที่25.68%
คือ พูดง่ายๆ ลองให้ 1Q56 มี%กำไรขั้นต้นของรายได้จากการขายเพิ่มมากที่สุดในรอบ 2ปีย้อนหลัง ก็ยังไม่สามารถชดเชยกับ คชจ ที่จะเพิ่มขึ้นจาก การปรับค่าแรงได้ ส่งผลให้ กำไรโกรทลดลง
สรุป คิดว่าโกรทไม่น่าจะเกิน 13% ได้ ยกเว้น บ. หารายได้อื่นๆมาชดเชยได้ชั่วคราวไปก่อน
เพื่อให้งบคิวนี้รอดตัวไปก่อน
เพื่อให้งบคิวนี้รอดตัวไปก่อน