วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2562

AGM SPALI 1st 2019

AGM SPALI 1st 2019

2018
ปีนี้ครบรอบ 30 ปี 
-ศุภาลัยเอสเซ้นส์ทาวน์เฮ้าส์ราคาสูง บ้านเดี่ยวบ้านแฝดทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ขายดีมาก ขายเกือบหมดแล้ว

-Veranda สุขุมวิท 117 ที่ดินผอมบาง แต่ออกแบบเก่ง ออกแบบแล้วก็ขายดี มีดีไซด์ใหม่ๆ มีบันไดสายรุ้ง มีสกายเล้าจ์ชั้นบน 2ชั้น ตช ที่รู้ก็มาจองเอง ไม่ได้ผ่านเอเจ้นท์
-Loft ประชาธิปปก ขายดีมาก เกือบหมดแล้ว ทำเลดี บริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ เลยส่งต่อให้ลูกค้าได้ถูก
-Veranda รามคำแหง ประมูลมา 180,000 ต่อวา  นำมาขาย ตรม ละ 6-70,000  หน้าติดรถไฟฟ้า  ใกล้ กกท ขายดีมาก ด้านหลัง Tops มาเหมาไป เราทำ Best buy เสมอในทุกทำเล
-Prima Villa บางขุนเทียน พระราม2 ติดถนนใหญ่ ติดคลองใหญ่ อากาศดี โครงการนี้บ้าน 100 ตรวา ทั้งหมด เป็น Home Automation  ราคาตั้งแต่ไม่ถึง 10 ลบ จน 10 ล้านกว่า
-Tris Rating A stable ให้เรามาหลายปีแล้ว ในบ.อสังหามีได้ A เพียง 3 บ.เท่านั้น เราเป็น 1 ใน 3
-Supalai Veranda รัชวิภา-ประชาชื่น ได้รางวัลประหยัดพลังงาน และรางวัลต่างๆ

ปี 2018 ตลาดอสังหาดีในช่วงต้นปีและดรอปลงในช่วงท้ายปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากประกาศมาตรการ LTV ทำให้ผู้บริโภคเป็นกังวล ผลกระทบจริงๆมีไม่ได้มากนัก และเป็นปีที่ดีมากๆของบริษัท

Pre-sale
ปีที่แล้วตั้งเป้า  33,000 ลบ เราจบปีไปที่ 33,343 ลบ เติบโต 8%    2019 ตั้งเป้า 35,000 ลบ

2018 Presale มาจากคอนโด 52% (Bkk 47%, ตจว 5%)   Low rise Bkk 27% , Low rise ตจว 21%
เท่ากับเรามียอดขายจากภูมิภาค 26% เราเป็น บ.ที่มียอดขายจาก ตจว มากที่สุดเมื่อเทียบกับทุก บ.ในประเทศ เรายินดีและ เป็นแผนต่อเนื่องของเราอยู่แล้วที่จะเติบโตใน ตจว ในทุกๆปีตลอด 10ปีหลังมานี้

ปีนี้เป็นปีที่ดีในทุกด้าน คอนโดใน กทม +11% yoy บ้านในกทม +1%, บ้านในตจว +12%, คอนโดในตจว +18% yoy
ปี 2019 ตั้งเป้าไว้ 35,000 ลบ สัดส่วน คอนโด ตจว 3% คอนโดกทม 47%, บ้านตจว 24 และบ้าน กทม 26%

ตจว ตอนนี้เราทำไปแล้วทั้งหมด 12 จังหวัด เชียงรายเชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช  ภูเก็ต สงขลา อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมาอุบลราชธานี

รายได้ ปี 2018 จบไปที่ 25,810 ลบ ปี 2019 ตั้งเป้าที่ 28,000 ลบ คิดเป็นการเติบโตประมาณ 8% โดยรายได้ของปี 2019 จะมาจาก Backlog 13,407 ลบ ที่เพิ่มเติมจากนี้จะมาจาก ยอดโอนแนวราบ ที่ขายในปีนี้แล้วโอนในปีเดียวกัน และคอนโดที่เสร็จสมบูรณ์ในปีนี้แล้วขายแล้วโอนในปีนี้ จนถึงวันนี้ เราเชื่อว่าเราสามารถทำได้ตามเป้า เนื่องจากมี Backlog ที่แข็งแรง

งบลงทุนปี 2019 ตั้งงบซื้อที่ได้ 8,000ลบ และงบก่อสร้าง 9.8 พันล้าน

ปีนี้วางแผนเปิดตัว 34 โครงการ มูลค่า 40,000 ลบ เราจะเป็นคอนโดมิเนียม 6โครงการ 48% มูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้าน แนวราบในกรุงเทพฯมูลค่า 26% ของที่เราจะเปิด (13 โครงการ) บ้านไปต่างจังหวัด 26 เปอร์เซ็นต์  15 โครงการ เห็นว่าเรายังรุกตลาดต่างจังหวัดอยู่ ที่ดินทั้งหมดของ 34 โครงการเราซื้อเอาไว้หมดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อให้เปิดตัวได้ ปีนี้การเปิดตัวจะกระจายอยู่ในไตรมาส 2 3 และ 4 เป็นหลัก

การเปิดตัวในปีนี้ 2019 จะเป็นการเปิดตัวโครงการที่มากที่สุดตั้งแต่เราตั้งบริษัทมา และเป็นปีที่เราเปิดตัวมูลค่าโครงการมากที่สุดเช่นกัน ตลอดปีนี้บางคนก็มองตลาดดีมากมีน้อยแต่เราเชื่อว่าการกินส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทรายใหญ่จะมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ถ้าสนใจสามารถไปหลายที่ทำ product ให้เหมาะกับลูกค้า ในราคาที่เป็นมิตร มันจะทำให้เราสามารถเพิ่มยอดขายและกินส่วนแบ่งตลาดได้แม้จะเป็นปีที่มีปัจจัยลบบ้างก็ตาม

Supali ICON SATHORN Presale 25-26 May 9 - 280 MB

ปี 2560 มีขายอาคารสำนักงานในฟิลิปปินส์ มีกำไร 400 กว่าลบ ทำไมในปี 2560 มีกำไรค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับปี 2561 เลยดูเหมือนจะโตไม่มาก

รายได้จากการโอน ในปี 2018 มียอดโอน 25,203 ล้านบาท มากกว่าปี 2017 อยู่ 802 ล้านบาท +3%
เป็นยอดโอนจากแนวราบ 55 เปอร์เซ็นต์
รายได้รวมปี 2018  ยอด  25,810 ล้านบาท +1% จากปี 2017 เพราะปี 2017 มีการขายอาคารสำนักงาน สำหรับให้เช่า  ที่ฟิลิปปินส์   การขายออกไปทำให้มีกำไร 400 กว่าล้านในปีที่แล้ว (2017) ทำให้ปีที่แล้วมีรายได้ค่อนข้างสูง

ค่าใช้จ่ายในการบริหาร คิดเป็น 10.9 % เมื่อเทียบกับรายได้รวม ในขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 10.4 % เหตุผลในการเพิ่มขึ้นก็คือ ค่าใช้จ่ายหลักๆเพิ่มขึ้นตามจำนวนโครงการที่เพิ่มมากขึ้น จะเห็นว่าแต่ละปีละเปิดโครงการค่อนข้างมาก ในส่วนของกำไรสุทธิ ปี 2561  อยู่ที่ 5,770 ล้าน ปี 2060 อยู่ที่  5,814 ล้าน เหตุผลก็อย่างที่แจ้งไป คือปีที่แล้วบ.ย่อยมีขายในอาคารสำนักงาน เป็นกำไรพิเศษ ในส่วนของ Net profit margin  ยังอยู่ในอัตราที่ดี  22.4 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ เทียบกับบริษัทอสังหาทั่วไปที่ต่ำกว่า 20%

กำไรต่อหุ้น ในปี 2018 มีกำไรต่อหุ้น 2.92 บาท ปีก่อนหน้า 3.39 บาทต่อหุ้นสาเหตุหลักคือกำไรสุทธิลดลงนิดนึงอีกส่วนเกิดจากการที่เราออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ออกไปแล้วผู้ถือหุ้น Exercise เกือบหมดเหลือเพียงประมาณ 2 ล้านหน่วยเท่านั้นที่ไม่มา Exercise ทำให้มีการไดลูดลงไป

งบแสดงฐานะการเงิน
สินทรัพย์รวมในปี 2561 แบบตัวค่อนข้างมากคือเพิ่มขึ้นจาก 55,746 ล้านบาทเป็น 57,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุหลักคือเราขยายโครงการเรามีการสร้างอาคารรองรับการส่งมอบให้กับลูกค้ารวมทั้งบ้านด้วย  แต่พอหันมาดูทางภาระหนี้สิน กลับตรงข้ามจริงๆถ้าเราสร้างเยอะก็ควรจะกู้เยอะด้วยแต่เรามีการรองรับ
1 มีการเพิ่มทุนจากการออก Warrant-4
2 มีการโอนเยอะมีเงินมาชำระคืนหนี้สถาบันการเงินเยอะ
ปลายปีที่ผ่านมานี่สถาบันการเงินของเราเป็นศูนย์
มีเฉพาะภาระหนี้ที่เป็นหุ้นกู้ที่เราออกไปก่อนหน้านี้เมื่อหลายปี และก็ภาระหนี้ที่เรามีต่อสถาบันการเงินที่เป็นศูนย์ก็ต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1
จะเห็นว่าหนี้สถาบันการเงินของเราลดไปตั้ง 26 เปอร์เซ็นต์จากเดิม 19,971 ล้านพอถึงสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 14,767 ล้าน
ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น หลักๆก็คือเพิ่มทุนจากการ Exercise Warrant  และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ทำให้เติบโต 22 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันทุนจดทะเบียนชําระแล้ว 2143 ล้าน ในขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 1717 ล้าน

Net Gearing  (ภาระหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายจริงๆ ) ปี 2560 อยู่ที่ 60  อยู่ที่ 68 เปอร์เซ็นต์

Net Gearing  คือภาระหนี้สถาบันการเงินหรือภาระหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายจริงๆ คือถ้าดูทางด้านงบแสดงฐานะการเงินทางด้านหนี้สินจะมีหลายอย่างหนึ่งมีหนี้เจ้าหนี้การค้าการรับเงินจากการขายโครงการที่เป็นเงินดาวน์เงินจองเงินผ่อนชำระต่างๆก็ถือเป็นหนี้สินเหมือนกันคือเรารับมาแล้วยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าพวกนี้คือหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ย ส่วนหนี้ที่มีความเสี่ยงคืนหนี้ที่เราต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับเจ้าหนี้ก็คือสถาบันการเงินรวมทั้งผู้ถือหุ้นกู้ต่างๆที่เราออกบอนด์ไป  จะเห็นว่ามันลดลงค่อนข้างเยอะเหลือแค่ 39% ณ สิ้นปีที่ผ่านมาจาก 68% เหลือ 39% ในปีที่ผ่านมาเราโอนเยอะและเพิ่มทุนด้วยทำให้ฐานะทางการเงินของเราค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้ปีนี้ Tris รีวิวและก็ยังคงอันดับให้เรา  A stable ทำให้ต้นทุนทางการเงินค่อนข้างต่ำอยู่ที่ 2.3 9%

(ดร. ประทีป กล่าว )
ท่านเห็นตัวเลขต่างๆทางบัญชี ทางการเงิน ท่านสามารถรับรู้ตัวเลขต่างๆ เรื่องของหุ้น เรื่องเกี่ยวกับบริษัทในเชิงตัวเลขจากโบรกเกอร์จากนักวิเคราะห์จาก oppday ที่เราเปิดแถลงข่าวปีละ 2 หน ดูย้อนหลังได้ ถ้าท่านอยากจะรับรู้เกี่ยวกับโครงการของบริษัทว่าเป็นอย่างไรบ้าง ดูใน Social Media เปิดเข้าไปดูในเว็บไซต์ศุภาลัยดอทคอม เปิดดูใน Facebook YouTube  เปิดดูได้  Search Google ก็ได้ พวกเราเป็นเจ้าของร่วมกัน ก็สามารถดูได้ดูได้หมด แล้วมีหนังสือ at home เป็น Magazine  ความรู้เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์เรื่องของชีวิตเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมแจกฟรี อีกเล่มหนึ่งก็คือ Home Choice โครงการที่ขายอยู่มีอะไรบ้าง เจอเพื่อนเจอญาติอะไรก็ช่วยกันเผยแพร่เพราะเราเป็นเจ้าของร่วมกันอยู่แล้ว

ถาม เรามีคอนโดอยู่ 52 เปอร์เซ็นต์ มาตรการ ltv  ส่งผลอย่างไรบ้าง บริษัทมีกลยุทธ์อะไร ที่ให้ยอดขายไม่ตกต่ำกว่าปีที่ผ่านมา

ตอบ มาตรการ ltv เท่าที่เราศึกษามาผลกระทบจริงๆจะกระทบกับสินค้าแนวราบมากกว่าอย่างน้อยสำหรับศุภาลัย  เพราะคอนโดของเรามีการเก็บเงินดาวน์ลูกค้าตั้งแต่ 16 เปอร์เซ็นต์ 18 เปอร์เซ็นต์ 20% ถึง 25% อยู่แล้ว แปลว่าถึง ltv  cap ปกติคนจะมองว่าแอลทีวีจะลดเหลือ 80 เปอร์เซ็นต์จากเมื่อก่อน 100 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่จริงๆแล้วลูกค้าคงกู้เกินกว่า 3 ปี ถ้ากู้มาแล้วเกิน 3 ปี LTV Cap จะอยู่ที่  90% แปลว่าลูกค้าแทบทั้งหมดของเราคือเขาจ่ายเงินดาวน์มาแล้ว 16 เปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำ  การที่เหลือ LTE Cap 90% เขาก็เหลือเฟือ ก็เพียงพอกับการที่เขาจะกู้บ้านหลังนั้นได้อยู่ ดังนั้นคอนโดมิเนียนที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเป็นบริษัทที่
1.เราเก็บเงินดาวน์เยอะ
2.เรามีอัตราลูกค้าที่เก็งกำไรค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว

จะสังเกตเห็นได้ชัดว่าหลายโครงการเวลาเราเปิดจองอย่างเช่นประชาธิปกหรือเจริญนครเราบังคับเลยว่าลูกค้าคนนึงซื้อได้แค่ห้องเดียวในขณะที่มีบาง developer มีการ Encourage ให้ลูกค้าซื้อมากกว่า 1 ห้องด้วยซ้ำแต่เรานี่ตรงข้ามกันเลยเราต้องการแน่ใจว่าลูกค้าที่มาซื้อแค่ 1 ยูนิตเพราะเราหวังว่าเขาจะโอนกรรมสิทธิ์และอยู่ด้วยตัวเอง เพราะเมื่อเราทำอย่างนี้เนี่ย ทำให้ความเสี่ยงที่ลูกค้าจะเพิ่งกู้มาไม่เกิน 3 ปีมีน้อยลง ทำให้โอกาสที่เขาจะกู้โดยไม่โดนมาตรการ ltv มาบีบบังคับมีมากขึ้น

แต่จริงๆแล้วผลกระทบมีกับสินค้าแนวราบมากกว่าสินค้าอะไรที่สร้างเสร็จพร้อมขายพร้อมโอนจะได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะจะทำให้ลูกค้าไม่มีเวลาเตรียมตัวในการผ่อนดาวน์ ยอมรับตามตรงว่าลูกค้าจะซื้อบ้านเดี่ยวทาวน์โฮมหรือคอนโดที่สร้างเสร็จพร้อมโอนเนี่ยจะมีบางส่วนที่ไม่มีเงินวางดาวน์ 10% ก้อนนั้น แต่เท่าที่เราศึกษามาก็มีประมาณ 5-6 เปอร์เซ็นต์ของตลาดเท่านั้น ผลกระทบมีบ้าง บังเอิญนโยบายของเราช่วยเหลือให้เราไม่โดนผลกระทบจากมาตรการ ltv โดยตรงอยู่แล้วเพราะเราสกัดกั้นการเก็งกำไรอยู่แล้วเรามีการเก็บเงินดาวน์ในอัตราที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้วดังนั้นเราแทบไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมากในแง่ของคอนโดมิเนียม แต่ในแนวราบสิ่งที่เราทำได้บ้างคือจะมีการขายบ้านในลักษณะผ่อนดาวน์มากขึ้น ทำให้มีเวลาให้กับลูกค้าในการผ่อนชำระ เมื่อถึงเวลาโอนกรรมสิทธิ์เขาจะได้ผ่อนดาวน์มาแล้ว 10 เปอร์เซ็นต์ และสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้โดยได้ LTV 90%
และโครงการที่เรานำมาเสนอในปีนี้อยู่ในทำเลที่น่าสนใจ แนวราบขายทำเลเราต่อยอดจากปีที่ผ่านมา เช่นแนวราบเรามีทำบ้านระดับ 10 ล้าน แล้วขายได้ค่อนข้างดี เราก็จะทำต่อยอดไป และต่างจังหวัดก็ยังเป็นตลาดที่เราให้ความสำคัญและยังไปได้ดีมากๆในช่วงปีที่ผ่านมา โครงการใหญ่เช่นศุภาลัยไอคอนเราเชื่อว่าน่าจะทำยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ

(ดร ประทีป ตั้งมติธรรม)
วาระที่7 วาระอื่นๆ ท่านสามารถสอบถามได้ทุกเรื่อง หลังจากนั้นก็จะปิดประชุมแล้วจะเป็นการพูดคุยหลังการจดรายงานการประชุมท่านสามารถทำได้ทุกถามได้ทุกเรื่องผมก็อยู่ที่นี่ถ้าจะคุยอะไรกับผมก็ได้เดินเข้ามาคุยกับผมได้เลยหลังประชุม มีคำถามที่อยากจะให้จดลงในรายงานการประชุมไหมครับถ้าไม่ได้จำเป็นอย่างนั้นเราก็จะปิดประชุมอย่างเป็นทางการเพื่อที่ท่านที่ ธุระจะได้กลับไปส่วนท่านที่ไม่มีธุระจะพูดคุยอะไรก็ตามสะดวก ถ้ามีความเห็นอะไรจะแนะนำบริษัท ท่านไปดูโครงการของบริษัทที่โน่นที่นี่มันชอบอะไรมาเล่าสู่กันฟังชอบใจสินค้าของบริษัทในด้านไหนโครงการไหนชอบใช้บริการของพนักงานที่โครงการไหนยังไงมีอะไรมาเล่าสู่กันฟังได้  หรือท่านมีเกี่ยวกับการลงทุนเกี่ยวกับหุ้นศุภาลัย เป็นอย่างไรก็มาพูดคุยกันได้ มีไหมครับ
(ความเห็นส่วนตัว 👍👍👍)
เล่าให้ฟังเล่นๆที่ออสเตรเลียเราไปลงทุนอยู่โครงการ 1 เมืองจูล่อง ไปซื้อโรงงานปูนซีเมนต์เก่าบนไหล่เขาเป็นยอดเดินมีแท่งปูนอยู่เนื่องจากเป็นปูนซีเมนต์ เราก็เก็บไว้ทีแรกก็คิดว่าจะทุบทิ้งแต่มันจะต้องเสียเงินทุบอีกเราก็เลยเก็บไว้ แล้วไปเพ้นท์เป็นฮีโร่ของออสเตรเลีย 3 คน ทั้งแชมป์พาราลิมปิกที่เป็นผู้หญิงหน้าตาดี , อะบอริจินอล Queen  แล้วก็คนงาน คนก็แชร์ใน Social Media กันภายในเดือนเดียวคนดูทั้ง 6 ล้านวิวทั่วโลก ฮือฮามาก เราได้เซฟค่าทุบแล้วยังได้โฆษณาประชาสัมพันธ์ฟรี ทั่วโลก เป็นโครงการ GEN Fydford 

ถาม รถบรรทุกมาราคาที่ดินในเขตกรุงเทพฯปีนึงเพิ่มหลายๆเปอร์เซ็นต์ ท่านประธานและคณะกรรมการมีวิธีการติวเกี่ยวกับที่ดินหรืออย่างไรก่อนที่มาเป็นผลิตภัณฑ์ของศุภาลัย

ตอบ อันนี้เป็นจุดแข็งของเราเราสามารถซื้อที่ดินในทำเลที่ดีมากในราคาที่ไม่สูง เรามีวิธีของเรา ยังที่จะไป icon เราก็ประมูลมาในราคา 1 ล้าน 400,000 บาทต่อตารางวาหลายคนไม่ได้ไปประมูลเพราะคิดว่าสงสัยราคาต้องมีวาละ 1.8 ล้าน 1.9- 2 ล้าน เขาก็เลยไม่เข้าแต่เราประมูลได้ไม่ถึงล้านห้า คนอื่นเขาก็เสียดาย

อย่างที่รามคำแหงที่ดีมากเลยเราก็ประมูลได้ที่ 1 ราคาก็ไม่สูงวาระแค่แสนแปดเดี๋ยวนี้ถ้าไปซื้อก็ต้องมี 2 แสนกว่า เราก็ประมูลได้แล้วก็ขายดีมาก ด้านหนึ่งก็คือใครที่ร้อนเงินมาหาเรา เราก็จะตัดสินใจเร็ว เราเงินพร้อมต้นทุนทางการเงินเราต่ำเราสามารถที่จะจ่ายเงินเร็วได้ อันนี้เป็นสิ่งที่เป็นจุดแข็งของเราทางด้านการเงินที่ทำให้เราได้ที่ดีๆมา อีกด้านหนึ่งคือเรามีกำลังเงินที่เข้มแข็งและสามารถประมูลที่ใหญ่ๆได้ อย่างแปลงสถานทูตออสเตรเลียบริษัทขนาดกลางจะเข้าไม่ได้ สถานทูตเขาก็จะดูคุณได้ Credit Rating เท่าไหร่ ถ้าไม่ได้ A เขาก็ไม่พิจารณาซึ่งมันก็มีแค่ 3 บริษัทที่ได้ A  อีก 2 บริษัทไม่เสนอ ก็เหลือเราที่ได้ A ความเข้มแข็งทางด้านการเงินมีส่วนช่วยในเรื่องของการซื้อที่ เรามีวิธีการวิเคราะห์โครงการที่รวดเร็ว เรามีแบบ One Page analysis เราสามารถคิดวิเคราะห์โครงการได้ภายในเวลา 10 นาทีถ้าเรามีข้อมูลเรื่องของราคาที่ดินถ้าเรารู้ราคาขายในแถวนั้นเราจะทำอะไรเรามีสูตรที่จะคำนวณในเวลาที่เร็วมากทำให้เราตัดสินใจได้เร็ว แล้วทำอย่างนี้มาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว ก็ไม่มีการขาดทุนเลย เราค่อนข้าง Out Performance  คู่แข่งที่ส่วนใหญ่เขาไม่ทำกัน

ส่วน Leased Hold เราก็มีดู แต่ถ้าอย่างเช่นในเมือง แถวราชดำริ ถ้ามีให้เช่า เราก็พิจารณามันต้องเป็นที่อะไรที่เราหาซื้อ Free Hold ไม่ได้

ท่านผู้ถือหุ้นไม่รู้จักใครที่จะขายที่ต่างๆก็ช่วยมาเสนอที่บริษัทเรารับซื้อที่ เรามีทีมงานดูทุกวันฝ่ายจัดหาที่ดินวิเคราะห์โครงการพร้อมที่จะคุยทุกวัน เราซื้อที่ใหม่ทุกอาทิตย์ ช่วยกันเสนอราคามาได้

ท่านผ่านที่ไหนก็แวะเข้าไปดูได้ที่เป็นศุภาลัยเปิดใหม่ มีหนังสือแจกฟรี ศุภาลัย at home เราแจกทุก 3 เดือนท่านก็จะได้ข่าวคราวต่างๆ

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2562

Oppday TVO 2018 END YEAR 2018

Oppday TVO 2018 END YEAR 2018
มีโรงงานหลักๆ 4 แห่ง อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันอำเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐม เป็นโรงสกัดน้ำมันถั่วเหลืองขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลิตจำหน่าย ผลิตภัณฑ์น้ำมันถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง รวมถึงน้ำมันทานตะวันน้ำมันข้าวโพดและคาโนล่าเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันมะกอกจากต่างประเทศด้วย

2561 บริษัทมีรายได้รวม  25,077 ล้านบาท เป็นรายได้มาจากขายในประเทศเป็นหลัก รายได้จากการส่งออกมีประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ รายได้จากการขายกากถั่วเหลืองมีสัดส่วน 61 เปอร์เซ็นต์น้ำมันถั่วเหลือง 25 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือมาจากผลิตภัณฑ์ใบ product อื่นๆและบรรจุภัณฑ์ โดย เราถือหุ้นในพรอดดิจิ เป็นบริษัทผลิตน้ำมันพืชพลาสติกให้แก่เรา

ต้นทุนของบริษัทเกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เป็นต้นทุนจากเมล็ดถั่วเหลือง ที่เรานำเข้ามาจากต่างประเทศ เพราะผลผลิตถั่วเหลืองในประเทศไทยมีน้อยมาก มีเพียง 4-5 หมื่นตัน ทำให้ไม่เพียงพอใช้ โดยเราจะนำเข้าจากบราซิลละ 80 ถึง 85 เปอร์เซ็นต์และอเมริกา  10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์

น้ำมันพืชที่ใช้ในการบริโภคในประเทศไทย ไม่รวมน้ำมันเพื่อพลังงาน  จะเป็นน้ำมันปาล์มประมาณ 70% และถั่วเหลือง 24% น้ำมันรำข้าว 1% ซึ่ง TVO เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทน้ำมันบริโภคไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรําข้าวยี่ห้อคิง ในน้ำมันบริโภคของเมืองไทยที่เหลือจะเป็นประเภทอื่นๆรวมๆกันประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์

TVO ขายน้ำมันภายใต้แบรนด์องุ่น อยู่ในตลาดค้าปลีก 37%  และในอุตสาหกรรม 46 เปอร์เซ็น ในอุตสาหกรรมจะส่งเป็นรถเป็นแท้งค์ขนาดใหญ่เป็นอุตสาหกรรมทูน่ากระป๋อง  อุตสาหกรรมน้ำพริกเผา น้ำมันเพื่อการทอดต่างๆ และ 17% ส่งออกต่างประเทศเมียนมาร์ กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์และอื่นๆในโซนใกล้บ้านเรา

น้ํามันตราองุ่นของเรามีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 64 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ได้จากการผลิตนอกจากน้ำมันแล้วก็จะได้กากถั่วเหลือง ซึ่งจะมีโปรตีนประมาณ 46-50 เปอร์เซ็นต์ ตัวนี้จะไปผสมทำเป็นอาหารสัตว์และไปใช้เลี้ยงสัตว์ในฟาร์มอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ซึ่งในเมืองไทยมีประมาณการใส่อาหารสัตว์รวมสูงถึง 19.5 ล้านตันและในบรรดาอาหารสัตว์ทั้งหมดจะมีกากถั่วเหลืองเป็นสัดส่วนประมาณ 28 เปอร์เซ็นต์ กากถั่วเหลืองจะไปเติมในส่วนของโปรตีนของอาหารสัตว์

สัตว์ปีกเป็น Sector ที่ค่อนข้างใหญ่จะเป็นไก่เนื้อและไก่ไข่  ไก่เนื้อจะใช้ 37 เปอร์เซ็นต์ของอาหารสัตว์ทั้งหมดที่ประเทศไทยผลิต ไก่เนื้อใช้กากถั่วเหลืองประมาณครึ่งหนึ่งของกากถั่วเหลืองที่ผลิตได้ในประเทศไทยทั้งหมด เราจะส่งกากให้ฟาร์มขนาดใหญ่ประมาณ 50% อีกครึ่งนึงจะไปที่ผู้ผลิตอาหารสัตว์

ผลประกอบการของปี 2018  ต้นปีราคาถั่วเหลือง ที่เป็นวัตถุดิบ  ขยับขึ้น เพราะเกิดฝนแล้งในอาร์เจนตินาซึ่งเป็นผู้ผลิตถั่วเหลืองอันดับ 3 ของโลก และอาร์เจนตินาเป็นผู้ส่งออกจากถั่วเหลืองอันดับ 1 ของโลกทำให้ ราคาถั่วเหลืองขยับขึ้นและราคากากถั่วเหลืองขึ้นแรงกว่าอีก จากนั้นราคาก็ทรงตัวที่ราคาระดับสูงเพราะกังวลสงครามการค้าระหว่างจีนกับอเมริกา จนในที่สุด อเมริกาและจีนตั้งกำแพงภาษีทำให้ราคาถั่วเหลืองปรับลง เนื่องจากจีนตั้งกำแพงภาษีนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐ 25%  แต่ถ้านำเข้าจากที่อื่นก็จะนำเข้าได้ในอัตราภาษีปกติ ทำให้กองทุนอเมริกามีการขาย Short สัญญาถั่วเหลืองในตลาดฟิวเจอร์ของอเมริกา ทำให้ราคาไหลลงมาอย่างรุนแรง เพราะราคาถั่วเหลืองที่ตลาดอเมริกาใช้ เป็นราคาอ้างอิงในการซื้อขายราคาถั่วเหลืองทั่วโลก หลังจากนั้นมีการปรับตัวกันมาเรื่อยๆ ในส่วนของสงครามการค้าจนกระทั่งสุดท้ายทั้งสองฝ่ายรู้สึกว่าตัวเลขเศรษฐกิจไม่ค่อยดีแล้วทั้งคู่ จึงมีการเจรจาการค้ากันประมาณวันที่ 1 ธันวาคมของปีที่ผ่านมาราคาถั่วเหลืองถึงจะเริ่มขยับขึ้นได้ จะเห็นว่าราคาถั่วเหลืองมีความผันผวนเยอะมาก

ในช่วงต้นปี 2561 ที่ราคาขึ้นแรงเราได้ซื้อต้นทุนถั่วเหลืองราคาถูกสะสมเอาไว้แล้วพอที่จะใช้ในไตรมาสที่ 1 ถึงไตรมาสที่ 2  ดังนั้นกำไรไตรมาส 1-2 ของปีที่ผ่านมาจึงมีกำไรดีมากเพราะเราจับจังหวะได้ถูกมีต้นทุนถูกไว้ใช้ หลังจากนั้นที่ราคาถั่วเหลืองปรับลดลง ราคาที่ลดลงเป็นราคาของอเมริกา ในขณะที่ตลาดถั่วเหลืองบราซิลราคาไม่ลง เพราะจีนวิ่งไปซื้อบราซิลแทน เพราะถ้าซื้ออเมริกาต้องจ่ายภาษี 25%  เราก็หันมาซื้อถั่วเหลืองอเมริกามาใช้แทน ซึ่งตรงนี้ใช้เวลาในการปรับตัวสต๊อกเก่านิดนึง ดังนั้นต้นทุนใหม่ที่เป็นราคาถูกจะเริ่มเข้ามาเห็นผลชัดประมาณเดือนธันวาคมและต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาส 1 ของปีนี้ดังนั้นไตรมาส 1 ของปีนี้ต้นทุนวัตถุดิบจะต่ำลงเพราะเราได้อานิสงส์จากการใช้โอกาสตรงนี้

ในส่วนของราคาขายผลิตภัณฑ์ราคาขายกากถั่วเหลืองซึ่งทำรายได้ 60% ของรายได้ทั้งหมดของเราปีที่แล้ว กำไรในส่วนของกากถั่วเหลืองดีมากเพราะที่อาร์เจนตินาผลผลิตลดลงจากภัยแล้งปกติผลิตถั่วเหลืองได้ 55-58 ล้านตันแต่พอเกิดภัยแล้งเหลือแค่ 37 ล้านตัน ทำให้ราคากากถั่วเหลืองสูงกว่าราคาเมล็ดถั่วเหลืองค่อนข้างมาก แต่ว่าในส่วนของน้ำมันถั่วเหลือง ปีที่แล้วจะเหนื่อยนิดนึงเราพยายามอย่างเต็มที่ที่ไปเพิ่มในส่วนของการส่งออก คือปีที่แล้วน้ำมันปาล์มในภูมิภาคของเรามีแนวโน้มที่ปรับลดลง ตัวน้ำมันถั่วเหลืองเองก็เลยปรับลดลงไปด้วย แต่โชคยังดีที่ต้นทุนวัตถุดิบคือเมล็ดถั่วเหลืองของเราลงมาด้วยเช่นกัน ดังนั้นโดยรวมบริหารออกมาก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและทำให้ค่าการสกัดถั่วเหลืองขั้นต้นหรือที่เรียกว่า Crush margin คือเป็นตัวแทนของกำไรขั้นต้นของธุรกิจนี้ดีมากในปีที่ผ่านมา

ในปีนี้2019 Crush margin อยู่ในระดับที่โอเค ปีที่แล้วจากภาพที่กล่าวไปสรุปก็คือบริษัททำรายได้จากการขายได้ 25,077 ล้านบาท ได้กำไรสุทธิ 1,867 ลบ เป็นอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 13.1 เปอร์เซ็นต์ อัตรากำไรสุทธิ 7% ปีที่แล้วในไตรมาส 4 กำไรเริ่มลดลงมาแต่อย่างที่บอกไปไตรมาส 1 ต้นทุนจะกลับมาถูกลงเพราะเราอาศัยจังหวะจากการซื้อถั่วเหลืองสหรัฐในราคาถูกไว้ จะทำให้ในส่วนของกำไรค่อยๆปรับตัวดีขึ้น ปีที่ผ่านมา(2018)  ROE 22% เปอร์เซ็นต์ อัตราส่วนสภาพคล่อง 3.91 เท่า de ratio  0.25 เท่า  โดยนโยบายบริษัทมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 60% ของกำไรสุทธิ ที่เราจ่ายจริงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 83 เปอร์เซ็นต์ของกำไร ไปบริษัทจะจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง

Tvo เป็นหุ้นปันผล  Capital gain อาจจะไม่หวือหวา สภาพคล่องในตลาดอาจจะไม่มากเท่าคนอื่นๆ เราอาจจะมีโครงการอะไรอื่นๆเพิ่มขึ้นมาที่จะทำให้สภาพคล่องมีมากขึ้นก็ได้เราคอยมาดูกัน แต่เราจะพยายามรักษาความเป็นหุ้นปันผลที่สูงมากเอาไว้ เรามีดูโครงการใหญ่อยู่โครงการนึง  ถ้าเราตัดสินใจลงทุนแล้วปันผลจะได้แบบเดิมอยู่ไหมอันนี้คือจุดที่เรามอง

ปี 62 น่าจะล้อกันกับปี 61 ทิศทางถั่วเหลืองจะมีทิศทางที่ เพิ่มขึ้น เราชอบเพราะกว่าเรือจะเล่นจากต้นทางมา จากบราซิล จากอเมริกา จากอาเจนติน่า  เราซื้อของถูก กว่าเรือจะมาถึงเอามาผลิตแล้วเราขายได้ของแพงขึ้นเพราะทิศทางเป็นขาขึ้น แต่ถ้าราคาตกลงก็กลับทางกัน

3 แหล่งใหญ่ อเมริกา บราซิล อาเจนติน่า
อเมริกากับบราซิลส่ง ถั่วเหลืองออกเยอะมาก กำลังการผลิตของเขาเป็นร้อยล้านตันต่อปีส่วนอาร์เจนตินาปลูกเยอะจริงแต่ว่าส่งกากออกเยอะกว่าไม่ได้ส่งเมล็ดถั่วออก ซึ่งมันจะกระทบ ถ้าอาร์เจนตินาแห้งแล้งเหมือนปีที่ผ่านมากากในตลาดจะน้อย ราคากากก็เลยจะวิ่งขึ้นตัวนี้จะมีผลเยอะมาก

บราซิล ปีนี้ไม่ค่อยดีนักจะแล้ง จะปลูกได้น้อยผลผลิตจะได้น้อยกว่าปีที่ผ่านมา ตอนนี้ผลผลิตก็ยังลดลงเรื่อยๆ แต่ว่าถั่วในตลาดจะน้อยลง ราคาจะขึ้น
อเมริกาเหมือนจะดี แต่ยิ่งเข้าไปในฤดูมากขึ้นเท่าไหร่เขาเดาว่ามันจะลดลง เพราะมีน้ำท่วมเข้ามาอีก
อาร์เจนตินาปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ดีเท่าปีก่อน

Demand ถั่วเหลืองของทั้งโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้ผลผลิตคาดว่าน่าจะดีกว่าปีที่แล้วซัก 2 ล้านตันแต่ก็ถือว่ายังไม่ดี ถั่วเหลืองไม่ค่อยเยอะ จีนก็มีปัญหาเรื่อง อหิวาหมู ทำให้คาดการณ์ได้ยาก ว่าราคาถั่วเหลืองจะสูงขึ้นไปอีกหรือไม่เพราะมีเรื่องอหิวาต์หมูเป็นปัจจัยเข้ามา ถ้าโลกในหมูแพร่ระบาดมากจะทำให้มี การใช้กากถั่วเหลืองลดลง

ปกติน้ำมันถั่วเหลืองจะอิงจากน้ำมันปาล์ม เพราะเป็นตลาดเดียวกัน น้ำมันปาล์มส่วนหนึ่งนำไปใช้เป็นพลังงานได้มันก็เลยไปเกี่ยวกับราคาน้ำมันปิโตรเลียม

ราคาน้ำมันปาล์มมีทิศทางที่จะขึ้นราคาเพราะอินเดียลดภาษีนำเข้า 

EU เคยประกาศจะแบนน้ำมันปาล์มแถวมาเลย์ อินโด มีผลต่อกันราคาซื้อขายน้ำมันปาล์มค่อนข้างมากมันจะสะท้อนให้ราคาน้ำมันปาล์มถูกลง

แต่ถ้าอินเดียบอกว่าลดภาษีให้แล้วนำเข้ามาได้เลย เพราะอินเดียใช้น้ำมันปาล์มเยอะมาก เป็นอันดับ 1 ของโลก จุดนี้ก็จะผลักดันให้ราคาน้ำมันปาล์มสูงขึ้นได้

แล้วต้องมาดูราคาน้ำมันปาล์มในบ้านเราด้วยว่าเป็นอย่างไรเพราะทางใต้บ้านเราปลูกเยอะมากทางภาครัฐบอกว่าราคาน้ำมันปาล์มไม่ดีเลยเพราะสต๊อกในน้ำมันปาล์มมีอยู่ประมาณ 400,000 ต้องพยายามช่วยเหลือชาวสวนปาล์มด้วยการหาทางใช้ปลามากขึ้นข้างซ้ายก็คือเอาไปเติมเป็น bร้อยแล้วเติมเป็นน้ำมันรถยนต์ อีกหน่อยจะเป็นปี 20  จากที่ใช้บี 3 บี 7 ทำให้ปริมาณการใช้มันเพิ่มขึ้น
อีกด้านหนึ่งทางภาครัฐประกาศจะให้นำน้ำมันปาล์มไปเผาตรงเพื่อเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งหมดประมาณ 160,000 ตัน ตอนนี้รับเข้าไปแล้ว 83,000  ตัน ตอนนี้พรรคการเมืองต่างๆก็หาเสียงกันจะประกันราคาจะดูแลชาวสวนปาล์ม ทางเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าราคาปาล์มจะมีราคาสูงขึ้น ผลพลอยได้ก็คือราคาน้ำมันถั่วเหลืองในบ้านเราก็อาจจะขยับตัวตาม

กากถั่วเหลือง มีโปรตีนสูงมากไปทำเป็นอาหารสัตว์หาอะไรมาทดแทนยาก อาหารสัตว์ในบ้านเรา ประมาณ 30 ล้านตัน มีอยู่ประมาณ 5 ล้านตันที่เป็นถั่วเหลืองเป็นสูตรอยู่ในอาหารสัตว์  2ล้านตันผลิตในประเทศอีก 3 ล้านตันเป็นการนำเข้า ตลาดกากถั่วเหลืองมีรองรับอยู่เต็มที่ มองไปข้างหน้าการใช้กากถั่วเหลืองหรือการใช้อาหารสัตว์ในบ้านเรายังมีการเติบโตที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีที่ผ่านๆมา จีนต้องการนำไก่เข้าจากบ้านเราเพิ่มมากขึ้น เขามาตรวจโรงงานผลิตไก่ในบ้านเรา ผ่านการตรวจแล้ว 7 แห่งมีการส่งออกไปและการปริมาณการส่งออกของเราก็เพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เราเป็นประเทศที่มีเลี้ยงไก่อยู่ประมาณ 3.3 ล้านตัน แต่เราส่งออกถึง 28% เราส่งออกไก่เยอะมาก ถ้าอาหารสัตว์ดีกากถั่วก็จะไปได้ดี การส่งออกเนื้อไก่ของบ้านเรามีการเติบโตมาตลอด

DDGS ในอเมริกาเขาเอาข้าวโพดไปทำเอทานอล
ส่วนที่เหลือของข้าวโพดที่ไปทำเอทานอลแล้วก็เป็นอาหารสัตว์ได้ ตัวนี้เรียกว่า DDGS ทางอเมริกาทำ External กันเยอะมากทำให้มี ddgs เหลือเยอะมาก แล้วก็ส่งออกมาเป็นอาหารสัตว์ในบ้านเรา ปลายปีที่ผ่านมาเราเจอว่าใน ddgs ของอเมริกามีแมลงปีกแข็งที่เป็นอันตราย ทางเราจึงได้ประกาศว่าให้ทางอเมริกาไปแก้มาให้เรียบร้อย ทางอเมริกายังไม่สามารถกำจัดตัวนี้ตามความต้องการของกรมปศุสัตว์ได้ เขาต้องหยุดการนำเข้า ตัวนี้เป็นอาหารสัตว์เมื่อเขาหยุดนำเข้าตัวที่จะชดเชยก็คือกากถั่วเหลือง มาชดเชยกากข้าวโพดที่นำเข้าไม่ได้

ปีนี้ Crush margin ไม่ได้สูงเหมือนปีที่แล้วแต่ก็ไม่ได้ต่ำ ยังสามารถทำกำไรได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของที่ผ่านๆมา

เรามี 3 กลยุทธ์หลัก
เพิ่มกำลังการผลิตและประสิทธิภาพ ปีนี้จะสำเร็จเพิ่มมาอีกประมาณ 1,000 ตันต่อวัน
ในช่วงแรก  ในช่วงประมาณเดือนเมษายนจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเราใช้กำลังการผลิตเดิมของเราที่เราไม่ได้ใช้งานแล้วเรานำมาปรับปรุงและให้ใช้งานได้ เพิ่มมาอีกประมาณ 500 ตันต่อวัน แล้วไปเพิ่ม ผลิตภัณฑ์ใหม่ เรา Import เม็ด คาโนล่า จากต่างประเทศเข้ามาแล้วมาสกัดเป็นน้ำมันคาโนล่า น้ำมันคาโนล่าเป็นน้ำมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองเป็นน้ำมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน) นอกจากน้ำมันคาโนล่าเรายัง มีตัวอื่นที่เราพยายามทำกันอยู่ออกมาอีกด้วย จะพยายามต่อยอดเพื่อเพิ่ม Value  ในธุรกิจของเรา

อีก 500 ตันเป็นช่วงปลายปีประมาณสิงหาคมกันยายนเราจะมีหน่วยที่เรียกว่า expander เสร็จ จะได้เพิ่มมาอีก 500 ตัน ( 500 ตันถั่วจะออกมาเป็นกากถั่วประมาณ 400 ตันและน้ำมันประมาณ 100 ตันต่อวัน )

ในแง่ของยอดขาย เราต้องทำให้ยอดขายเติบโตตลอดเวลา เราจะไปเร่งที่ฝ่ายขาย วอลุ่มขายจำเป็นมาก เราเริ่มขยายออกไปต่างประเทศด้วย เราค่อนข้างมีความสำเร็จมากที่ต่างประเทศ เล่าเรื่องขยายไม่ว่าตลาดของน้ำมันและตลาดกากถั่วออกไปต่างประเทศแล้วทำราคาได้ดี หลายครั้งที่ขายได้ราคาสูงกว่าในประเทศ เรามุ่งหน้าต่อไปสำหรับทิศทางนี้

ที่บอกว่ากำลังการผลิตใหม่จะเสร็จช่วงราวๆ สิงหาคมกันยายน2019 เพิ่มกำลังการผลิตได้ประมาณ 500 ตันต่อวัน จะได้เป็นน้ำมัน 100 ตันต่อวันและกากถั่ว 350 ตันต่อวัน และกากถั่วที่เอาไปทำเป็น by Product  อื่นๆอีกประมาณ 50 ตันต่อวัน ตรงจุดนี้เราน่าจะมีรายได้ เพิ่มขึ้นมาสองพันแปดร้อยล้านบาทต่อปี แต่ มันมาขึ้นที่เดือนสิงหาคมกันยายนเพราะฉะนั้นเป็นปลายปี

ส่วนตัวคาโนล่า  จะเป็นช่วงเดือนเมษายน 2019 ใช้ เม็ดคาโนล่า  ประมาณ 500 ตัน ต่อวันเหมือนกัน ถ้าเป็นคาโนล่าเราจะได้น้ำมันเยอะขึ้นคือ 200 ตันต่อวันและได้กากประมาณ 280 ตันต่อวัน น่าจะเพิ่มเป็นรายได้เพิ่มขึ้นมาได้ประมาณ 2,800 ล้านบาทต่อปีเช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตลาดคาโนล่าบ้านเราว่าจะรองรับได้มากน้อยแค่ไหน หากคาโนล่า ขายช้าเราสามารถ Switch เอาน้ำมันถั่วเหลืองมาลงที่หน่วยนี้ได้

เราสร้างโรงบรรจุน้ำมันบริสุทธิ์ใหม่ มีกำลังการบรรจุ  118 ล้านขวดต่อปี เพียงพอต่อการขยายตลาด เพียงพอต่อการขยายกำลังการผลิต

เรามีการเปลี่ยนขวด น้ำมันถั่วเหลืองใหม่ อวดโฉมใหม่จะมีจุดที่จับง่ายฝาจุกก็เปลี่ยน เพื่อให้เปิดแล้วค้างอยู่ และออกแบบเพื่อให้เทแล้วน้ำมันไหลออกลื่นไหลดี และขวดออกแบบใหม่เพื่อให้ใช้เม็ดพลาสติกน้อยลง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

เราพยายามที่จะดูแลผู้ถือหุ้นทุกท่านในเรื่องของกำไรและปันผลกลับคืนสู่ท่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

วัตถุดิบเราใช้ของในประเทศเป็นหลักก่อนเราพยายามส่งเสริมเกษตรกรของเรา แต่ก็มีไม่เยอะในบ้านเรามีแค่ 4 5 หมื่นตันต่อปีแต่เราใช้ถึง 1,500,000 ต่อปีทำให้เราต้องนำเข้า

ถาม ตามที่รัฐบาลประกาศให้ลดราคาน้ำมันพืชบริษัทมีผลกระทบหรือไม่

ตอบ ไม่ได้ประกาศให้ลดแต่ประกาศลอยตัว เพราะราคาน้ำมันปาล์มมันต่างกันมาก ประกาศราคาเพดานไว้มันก็เป็นราคาลอยสูงกว่าความเป็นจริงเยอะ เลยเลิกควบคุมเลิกกำกับเพดานราคาสำหรับน้ำมันพืช เพียงแต่จะมีราคาแนะนำ

เมล็ดถั่วเหลือง 100 ส่วนเป็นกาก 80 ส่วนเป็นน้ำมัน 20 ส่วน น้ำมันได้ราคาดีแต่มันมีแค่ 20%  ส่วนกากแม้ราคาจะถูกแต่มีปริมาณเยอะ

บริษัทใช้ Future อยู่ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของราคาถั่วเหลืองที่นำเข้ามา แต่ถ้าตลาดมีความผันผวนมากกว่านั้นหรือเราเห็นช่องที่มีโอกาสมากกว่านั้นในการล็อคกำไรในระดับที่ดีก็มีโอกาสที่จะทำได้มากกว่านั้นบางช่วงของปีก็จะทำสูงถึง 50% ก็มี นอกจากฟิวเจอร์ถั่วเหลืองแล้วก็ยังมีเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนที่เราใช้อยู่ด้วย

ถาม ด้วยธุรกิจของเราถ้าราคาถั่วเหลืองเพิ่มกำไรก็จะเพิ่ม  แต่ช่วงไตรมาส2 ปีที่แล้วราคาถั่วเหลืองมันตกลงมาก
แล้วทำไมเราถึงมีกำไรเยอะมากในช่วงนั้นเรามีกลยุทธ์ยังไง

ตอบ ปีที่แล้วผมโชคดีโชคช่วยเพราะอาร์เจนตินาแรงมาก เคยผลิตถั่วเหลืองได้ประมาณ 50 ถึง 60 ล้านตันต่อปีลดลงมาเหลือ 30 ล้านตัน อาร์เจนตินาเป็นประเทศที่ส่งออกจากถั่วเหลืองเยอะที่สุดในโลก พอเมล็ดถั่วเหลืองผลิตได้น้อยลง กากก็ออกมาน้อย ราคากากก็เลยวิ่งสูงมาก ผมก็เลยไปได้ตรงนั้น 

อย่างที่บอก กากถั่วเหลือง  ในประเทศเรานำเข้า 3 ส่วนแล้วผลิตเอง 2 ส่วน ราคานำเข้ามันแพงราคากากที่เราขายก็เลยแพงตามตลาดไปด้วยมันเลยบังคับให้รวยครับ เราโชคดีตรงนั้น จริงๆแล้วมันไม่ดีสำหรับประเทศที่เรานำเข้าสินค้ามาแพงแต่มันช่วยไม่ได้จริงๆตลาดกากในโลกมันหายไป 20 ล้านตัน มันเลยทำให้ราคาวิ่งสูงเหลือเกิน นี่ยังดีว่าน้ำมันปีที่แล้วน้ำมันปาล์มทั้งโลกเหลืออยู่เยอะมาก ถ้าปาล์มอีกตัวหนึ่งไป ผู้ถือหุ้นว่าผมแย่เลยกำไรสูงเยอะเกิน ก็ยังโชคดีกำไรได้แค่นั้น ปีที่แล้วกำไร 1,800 ล้านนับว่าใช้ได้

ปีนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
ปีนี้จะคนละแบบยังโชคดีที่ราคามันทิ้งดิ่งลงมา ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่จีนกับอเมริกา ยังถกกันไปเรื่อยๆอย่างนี้ ทำให้ราคาค่อยๆยกขึ้น และกำลังการผลิตของถั่วเหลืองไม่ได้เยอะมากในปีนี้ ทำให้ราคาอาจจะเหวี่ยงวิ่งขึ้นไป

ปีหน้าน้ำมันคาโนล่ากับโรงงานที่ขยายเพิ่มจะรันได้เต็มปี เราพยายามจะหาทางที่จะลงทุนให้น้อยเพื่อขยายกำลังการผลิตให้ได้

โครงการใหม่ในอนาคตน่าจะมี ในการสร้างโรงงานใหม่เพราะโรงงานเก่าเราก็ใช้มานานแล้ว แต่ยังเป็นเรื่องของอนาคต

จีนประกาศว่าจะเอา DDGS ของอเมริกาเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นถ้าอเมริกาส่งออก ddgs ได้ จะไหลไปทางจีนมากกว่า ก็จะไม่น่าจะกระทบกับประเทศไทย

โรงบรรจุเดิมบรรจุได้ประมาณเกือบ 100 ล้านขวดต่อปี และโรงงานใหม่ ขนาด 1 ลิตร กำลังการผลิต 118 ล้านขวด

ในน้ำมัน 100% แล้วจะไปรีเทล ประมาณ 37 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือไปในภาคอุตสาหกรรมซึ่งไม่ต้องบรรจุขวด จะเป็นลักษณะของรถแท้งค์

ราคาน้ำมันกับกากในปีนี้ 2019  น่าจะไม่สูงเท่าปีที่แล้ว ต้องรอดูผลการเลือกตั้งดูว่ารัฐบาลจะช่วย ชาวสวนปาล์มอย่างจริงจังแค่ไหน

เงินลงทุนในการ คาโนล่าใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านในการปรับปรุงโรงงานเก่า

ความเสี่ยงเกี่ยวกับเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
ในส่วนของวัตถุดิบนำเข้ามาจ่ายเป็นดอลลาร์ในส่วนการขายแบ่งเป็น 2 ส่วน ในตลาดกากถั่วเหลือง เมืองไทยนำเข้ามา ประมาณ 3 ล้านตันผลิตในประเทศ 2 ล้านตัน กากถั่วเหลืองเมื่อมีราคานำเข้ามาเป็นตัวเลือกให้กับผู้ซื้อ ตอนเขาซื้อเป็น US Dollar ดังนั้นราคาขายกากในประเทศถึงแม้จะเป็นไทยบาทแต่มันจะเป็น pairity กับตัวราคานำเข้า ดังนั้นมันจะมีการ price in Exchange Rate  เข้าไปในราคากากถั่วเหลืองที่เราตั้งราคาขายอยู่แล้ว หมายความว่าต้นทุนวัตถุดิบ 100 รายได้จากถั่วเหลืองประมาณ 60 กว่าเปอร์เซนต์ตรงนี้จะเป็น natural hedge หมายความว่าตอนซื้อเราซื้อมาเป็นดอลลาร์แต่ตอนขายเราไปขายเป็นบาทที่ Price in FX เข้าไปแล้ว ดังนั้นจะเหลือ exposure FX จริงๆประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ณจุดนั้นบริษัทจะมีการบริหารตลอด เราก็จะดูแลเฉพาะส่วนนั้น ความเสี่ยงจริงๆไซส์มันไม่ได้ใหญ่มาก
By Joe789