วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2562

AGM TIPCO 2019 ครั้งที่ 1

AGM TIPCO 2019 ครั้งที่ 1
TIPCO ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1 ปี 2562
วันที่ 4/4/62
ณ วันนี้ Operation ที่สำคัญคือการผลิตน้ำแร่ออร่า ปัจจุบันมีโรงงานผลิตที่เชียงใหม่และเพชรบูรณ์ เพชรบูรณ์เป็นโรงงานใหม่เพิ่งเปิดดำเนินการเมื่อปลายปีที่แล้ว

บริษัทลูกที่ tipco ถืออยู่ ประกอบด้วย

1.ทิปโก้ไพน์แอปเปิ้ล ถือ 100% ผลิต รับจำหน่ายสับปะรดกระป๋องส่งออก

2.บริษัททิปโก้เอฟแอนด์บี เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้และน้ำแร่และเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ

3.บริษัททิปโก้รีเทล มีสาขาในส่วนของผลไม้ปั่น ร้านอาหารออแกนิค ถือหุ้นโดยทิปโก้โดยตรง 88% และถือหุ้นผ่านทิปโก้เอฟแอนด์บี 12 เปอร์เซ็นต์

4.บริษัททิปโก้ไบโอเท็คถือหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์โดยทิปโก้ฟูดส์ ประกอบด้วย 2 ธุรกิจหลักคือในส่วนของสับปะรดหอมสุวรรณที่เป็นสับปะรดสด ขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ และก็ในส่วนของการผลิตสารสกัด 

5. บริษัทถือหุ้นอยู่ในบริษัททิปโก้แอสฟัลท์ (tasco) 24%

ธุรกิจแรกในส่วนของบริษัททิปโก้ไพน์แอปเปิ้ล คือธุรกิจที่ทำผลิตจำหน่ายสับปะรดกระป๋องเป็นการส่งออก 100% ในปีที่ผ่านมาเรามีวัตถุดิบที่เข้าโรงงานใกล้เคียงกับในปี 2560 มีสับปะรดเข้าโรงงาน  157,000 ตันโดยประมาณ ราคาสับปะรดเฉลี่ยเคยขึ้นไปสูงในปี 2559 เฉลี่ยเกือบ 10 บาท บางเดือนขึ้นไปถึง 12 - 13 บาท และลดลงมาจนเหลือ 4.99 บ  และลดลงมาในปีที่แล้ว 3 บาท 10 สตางค์ ในขณะที่ปริมาณการส่งออกจำนวนตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นพอสมควร ประมาณ 5-7 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 2,900 คอนเทนเนอร์ ยอดขายลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ไม่ใช่เรื่องของปริมาณแต่เป็นเรื่องของราคา เนื่องจากราคาสับปะรดลดลงค่อนข้างรุนแรงในปีที่แล้ว ปริมาณสับปะรดช่วงที่ออกมาน้อยน้อยในประมาณปี 2015-2016  เราจะเห็นว่าราคาของสับปะรดพุ่งขึ้นไป จากเดิมที่ 2013 อยู่ที่ประมาณ 4 บาทขึ้นไปสูงสุดถึง 12 บาท 94 สตางค์ สินค้าเกษตรเมื่อราคาดีก็หันมาปลูกกันมากขึ้น  เมื่อปริมาณสับปะรดมากขึ้น ราคาสับปะรดลดลงค่อนข้างเยอะมาก จนกระทั่งปีที่แล้วต่ำสุดอยู่ที่ 2 บาทต้นๆ Cycle  ของสับปะรดที่เป็นประมาณนี้ทุกๆ 5 ปี

เวลาที่สับปะรดราคาแพงเราสามารถขึ้นราคาสินค้าหรือราคาต่อตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นไปถึงประมาณเกือบ 8 แสนบาทต่อตู้แต่เวลาที่ราคาสับปะรดลงเนี่ยราคาสับปะรดต่อตู้ก็จะต่ำกว่า 5 แสนบาทต่อตู้ ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำก็คือพยายามลดผลกระทบ ในเรื่องของความแตกต่างของราคาสินค้าให้มากที่สุด และปรับตัวให้ตัวเองมีประสิทธิภาพในแง่ของการผลิตให้มากที่สุด

ธุรกิจเครื่องดื่ม ในส่วนของน้ำผลไม้ทิปโก้ยังคงครองอันดับ 1 ในแง่ของส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในน้ำผลไม้ 100% ที่เป็น Premium  tipco มี market Share อยู่ที่ 31 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว ทิ้งห่างอันดับ 2 ระดับ 3 ที่อยู่ที่ 20% และ 19%  แต่ทั้งนี้ในปีที่แล้วตลาดน้ำผลไม้ถดถอย อาจจะเป็นเพราะความกังวลในเรื่องของน้ำตาล และ ในเรื่องของการที่มีสินค้าหลากหลาย มีตัวเลือกเยอะขึ้น

ตลาดน้ำแร่ ปีที่แล้วมูลค่าตลาดอยู่ที่ 4200 ล้านบาทมีการเติบโตเล็กน้อยที่ประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ ชะลอตัวจากสองสามปีก่อนหน้าที่เติบโตถึง 15 เปอร์เซ็นต์  ออร่าเป็นอันดับ 2 ในตลาด  สำหรับอันดับ 1 มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 26%

ผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่ในปีที่แล้ว จะเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำตาลน้อยเช่นฟรุ๊ตตี้มิกซ์ น้ำผักและผลไม้ผสมในไซส์ที่เป็นไซส์ขนาดใหม่คือ 750 ml  เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ปกติน้ำผลไม้จะมีขนาด 200 ML กับขนาด 1 ลิตรเลย เราทดลองออกขนาด 750 ML ซึ่งก็ได้ผลดีพอสมควร  มีวางจำหน่ายอยู่ที่ Tesco  และก็จะขยายออกไป

อีกตัวนึงก็คือ tipco me เป็นสินค้าน้ำตาลน้อยที่ออกในปีที่แล้วบรรจุในขวด PT ขวดพลาสติกวางจำหน่ายในเซเว่น

และยังคงเน้นน้ำผลไม้และจะกระตุ้นตลาดต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีน้ำตาลน้อยลง อีกส่วนก็ต้องมองหา การเติบโตที่มากขึ้นใน category อื่นด้วย

ในส่วนของน้ำแร่ปีนี้จะเป็นปีที่จะเร่งให้มีเรื่องของการเติบโตมากขึ้น ในส่วนของน้ำผลไม้ที่เป็น Premium เรามีส่วนแบ่ง 31%  และถ้าในตลาดน้ำผลไม้ทั้งหมด เรายังคงความเป็นอันดับหนึ่งต่อเนื่อง

ทิปโก้ไบโอเท็ค มีธุรกิจสารสกัดจากกระชายดำ และจากสับปะรดเพื่อส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นกับอีกธุรกิจคือธุรกิจสับปะรดสดก็คือธุรกิจสับปะรดหอมสุวรรณ ทิปโก้ไบโอเท็คมีการเติบโตและเติบโตจากสารสกัด ในปีที่แล้วได้รับผลกระทบจากราคาสับปะรดที่ตกลงค่อนข้างมาก แต่ในส่วนของสารสกัดมีการเติบโตค่อนข้างสูงและมีผลประกอบการที่ค่อนข้างดี
การขายสับปะรดหอมสุวรรณมีแนวโน้มในการขายที่เพิ่มขึ้น ในแง่รายได้จะมีการกระทบจากราคาที่ไม่ดีนักแต่ผลผลิตและการขายสารสกัดมีการเติบโตที่ค่อนข้างดีในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา  ณ วันนี้ในส่วนของสารสกัดค่อนข้างจะเต็มกำลังการผลิตปีนี้จะมีการขยายกำลังการผลิตของสารสกัดด้วย

ในส่วนของธุรกิจค้าปลีก ปีที่แล้วได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ไม่ค่อยดีนัก ปัจจุบันร้าน Squeeze มีสาขาทั้งหมด 46 ที่ด้วยกัน เราค่อนข้างที่จะเน้นการบริหารผ่านแฟรนไชส์ค่อนข้างเยอะ มากกว่าที่จะบริหารเองและก็เน้นการควบคุมต้นทุนต่างๆแต่ในขณะเดียวกันเราก็มีการขยายในส่วนของร้านอาหารที่เป็น Organic ที่ชื่อว่าร้านอาหาร ออกัส  (August)  แต่ยอดขายยังไม่มีการเติบโตมากนัก

สรุป ในปีที่แล้วธุรกิจที่เราได้รับผลกระทบค่อนข้างเยอะก็มาจากธุรกิจสับปะรด และธุรกิจค้าปลีกที่ยอดขายยังไม่ค่อยดีนัก ส่วน ธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องและไปได้ค่อนข้างดีเป็นในส่วนของธุรกิจเครื่องดื่มธุรกิจสารสกัดเป็นหลัก

อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเรียนย้ำกับทางผู้ถือหุ้นก็คือในเรื่องของนโยบายในการต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นของบริษัทเขาเรียนว่าบริษัทมุ่งมั่นในการดำเนินงานธุรกิจที่โปร่งใสเป็นไปตามกฎหมายและการกำกับดูแลกิจการที่ดียึดมั่นในการต่อต้านทุจริตทุกรูปแบบซึ่งได้กำหนดไว้ในจรรยาบรรณของบริษัทเพื่อให้พนักงานถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดโดยในปีที่ผ่านมาเราได้มีการจัดอบรมนโยบายการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น มีการประเมินผลกำกับดูแล ตลอดจน สื่อในแนวปฏิบัติผ่านช่องทางความรู้ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสนับสนุนให้คู่ค้าดำเนินนโยบายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการคอรัปชั่นด้วย

โดยหลักๆแล้วจะมีคู่แข่ง 2 ประเภท 1 คู่แข่งในประเทศ เรามีแพคเกอร์ในประเทศ ประมาณ 5 รายที่เป็นรายใหญ่และรายย่อยอีกเกือบ 20 ราย เนื่องจากประเทศไทยเราผลิตและส่งออกสับปะรดมากที่สุดในโลก คู่แข่งในประเทศจึงมีส่งผลกระทบกับเรามากที่สุด
ของการเคลื่อนไหวของราคา
คู่แข่งต่างประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และก็ยังมีประเทศอื่นเข้ามาด้วยหลักๆ Business Model อาจจะต่างกันนิดนึงในแง่ของหลักต่างประเทศ ชาวไร่ที่ปลูกเราจะเรียกว่าเป็นพนักงานของบริษัทเลยก็ได้คือบริษัทที่ผลิตมีพื้นที่ปลูกเองและปลูกเองด้วยชาวไร่ของตัวเอง ดังนั้นในการควบคุมต้นทุนจะไม่เป็นลักษณะเหมือนของประเทศไทย ประเทศไทยจะเป็นลักษณะ Contact Farmer ชาวไร่เป็นอิสระเป็นส่วนใหญ่ บริษัทแทบจะไม่ได้ปลูกเองเลย แต่ในต่างประเทศบริษัทดูแลเองตั้งแต่วัตถุดิบในเรื่องของการเพาะปลูกเก็บเกี่ยวด้วยตัวเอง ดังนั้นในเรื่องของการควบคุมต้นทุนปัญหาของบ้านเราก็คือขึ้นอยู่กับ Supply มากน้อยแค่ไหน เวลา สับปะรด  ราคาดีคนก็แย่งกันปลูก เวลาสับปะรดราคาตกต่ำคนก็เลิกปลูกมีผลกระทบใน 16-18 เดือนถัดมาตาม Cycle  แต่ถ้าในอินโดนีเซียหรือฟิลิปปินส์ เนื่องจากปลูกในพื้นที่ดินของบริษัทการปลูกจะใช้ลักษณะของเครื่องจักรเครื่องมือในการเพาะปลูกได้เต็มที่ในของต้นทุนในแง่ของยิวด์ ผลผลิตต่อไร่ของเราจะน้อยกว่าของต่างประเทศประมาณครึ่งนึง มาตรการควบคุมต้นทุนของต่างประเทศจะควบคุมได้ดีกว่า ราคาของสับปะรดกระป๋องค่อนข้างจะเปลี่ยนแปลงตามต้นทุนของสับปะรดวัตถุดิบในประเทศไทยเป็นหลัก

งบแสดงฐานะทางการเงิน โดยสรุปไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนักเมื่อเทียบกับปี 2560  แต่หลักๆในงบการเงินเฉพาะกิจการจะสังเกตเห็นว่าสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่เรียกว่า Fixed Asset มีแนวโน้มที่สูงขึ้น จาก 2686 ล้านเป็น 3197 ล้าน หลักๆมาจากเรื่องการลงทุนในโรงงานน้ำแร่แห่งที่ 2 ที่เพชรบูรณ์ และมีเรื่องของหนี้สินหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ตามการผลิตน้ำแร่ที่เพิ่มขึ้น เราคาดว่าจะมีผลการตอบแทนการลงทุนที่ดีในอนาคต

งบการเงินเฉพาะกิจการมีรายได้หลักๆจากธุรกิจน้ำแร่ออร่า จากการผลิตและการขายให้กับบริษัทลูก รายได้อาจจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าจาก 421 ล้านเหลือ 379 ล้าน ส่วนหนึ่งตอนปี 2560 มีสินค้าใหม่ที่ทางบริษัททิปโก้พยายามที่จะเข้าสู่ตลาด ซึ่งต้องเรียนตามตรงว่าเป็นสินค้าตัวใหม่อยู่นอก category น้ำผลไม้เป็นการทดลองตลาดเข้าไปแต่ต้องเรียนว่าตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่เราพยายามจะมองหาสินค้าที่นอกเหนือจากสินค้าในปัจจุบันที่เรายังคนมีส่วนแบ่งตลาดที่ดีเพื่ออนาคต ในแง่ของกำไรขั้นต้นอาจจะลดลงบ้างแต่เรามีรายได้อื่นที่มาจากเงินปันผลโดยเฉพาะเงินปันผลของบริษัทลูกเข้ามา เสร็จแล้วเรามีกำไรก่อนส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วม คำว่าบริษัทร่วมใน ที่นี่คือ  TASCO ในส่วนของที่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มเรามีกำไร 389 ล้านเมื่อเทียบกับ 252 ล้านในปีก่อนหน้า ทำให้เรามีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 72 สตางค์ ในปี 2561

ในปี 2560  จะมีกำไรจากการดำเนินงานที่ยกเลิก 296 ล้านอันนี้คือเรามีการโอนกิจการในส่วนของธุรกิจสับปะรดกระป๋องให้กับบริษัทลูก แต่ว่าในช่วงต้นปีในช่วงประมาณ 9 เดือนแรกธุรกิจสับปะรดกระป๋องยังอยู่ในส่วนของบริษัทแม่อยู่ซึ่งในส่วนนั้นมีกำไรอยู่ 296 ล้านเลยทำให้กำไรในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทในปีก่อนหน้าอยู่ที่ 472 ล้าน

ในส่วนของงบการเงินรวมยอดขายลดลงและกลับมาจากราคาสับปะรดที่ลดลงไป มีผลทำให้ในแง่ของ กำไรขั้นต้นลดลงด้วยอยู่ที่ 895 ร้าน และกำไรก่อนส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมมีผลขาดทุนอยู่ที่ 55 ล้านบาทซึ่งการขาดทุนมาจากส่วนของธุรกิจสับปะรดกระป๋องและในส่วนของธุรกิจค้าปลีกด้วย แต่ว่าในส่วนของธุรกิจเครื่องดื่มและธุรกิจสารสกัดยังคงไปได้พอสมควร อีกส่วนที่ได้รับผลกระทบคือส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับลดลงไปเยอะจากบริษัทร่วม tasco
สุดท้ายแล้วทำให้กำไรในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทขาดทุนอยู่ 31 ล้านในงบการเงินรวม

งบการเงินเฉพาะกิจการจะมีกำไรหลักๆมาจาก 2 ส่วนส่วนหนึ่งคือ Aura ส่วนที่เยอะที่สุดคือเงินปันผล ตัว บริษัทแม่วันนี้เกือบๆจะเป็น holding Company ยกเว้นแต่มีการขาย Aura ให้กับบริษัทลูกเท่านั้นเอง

ธุรกิจสับปะรดที่มีภาระขาดทุนกับธุรกิจค้าปลีกในปีที่แล้วที่มีภาระขาดทุนธุรกิจเครื่องดื่มธุรกิจ สารสกัดมีกำไรที่ค่อนข้างดีตามแผน ในแง่ของธุรกิจสับปะรดเราอยู่ในช่วงที่ต่ำสุดของไซเคิล และในปีที่แล้วเราได้ลดต้นทุนในส่วนของ conversion cost ไปได้สิบกว่าเปอร์เซ็นต์คือค่าใช้จ่ายในการผลิต ในปีนี้น่าจะอยู่ในช่วงของไซเคิลที่ดีขึ้น เราก็พยายามมองหาตลาดใหม่ๆและก็พยายามไดเวอร์ซิไฟด์ทำธุรกิจเกี่ยวกับผลไม้แปรรูปที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงของธุรกิจสับปะรดลงไป ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกจะมีการปรับโครงสร้าง มีผู้บริหารท่านใหม่เข้ามาร่วมในส่วนของธุรกิจค้าปลีกมีแผนงานใหม่ที่อยู่ในระหว่างดำเนินการที่จะปรับให้ธุรกิจค้าปลีกมีการเติบโตและมีกำไรที่ดี

ถาม : จากเมื่อสักครู่งบกิจการที่บอกว่าบริษัทขายออร่าอย่างเดียวและก็มี เงินปันผลของบริษัทลูกเข้ามารวมด้วย  400 กว่าล้าน ถ้าสมมุติบริษัทมีทำ ออร่า อย่างเดียวจากบรรทัดสุดท้าย 349 ล้านแสดงว่าถ้าไม่ได้เงินปันผลจากบริษัทลูกแสดงว่าออร่ากำไรหรือขาดทุนครับ

ตอบ : ออร่ามีกำไรแต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารส่วนหนึ่งก็ต้องบริหารให้กับบริษัทลูกด้วย ก็จะมีส่วนกลางอย่างเช่นฝ่ายบัญชีการเงินฝ่ายบุคคลฝ่ายไอทีซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายส่วนกลางในฐานะที่เราโฮลดิ้งเราต้อง support งานทั้งหลายอยู่ในนี้ด้วยพูดง่ายๆคือเราต้องดูรายได้ที่ ที่เราได้มานี้ของเงินปันผลแล้วหักค่าใช้จ่ายที่เราทำเพื่อ support ให้กับบริษัทลูกด้วย

วาระที่  4 พิจารณา กำไรและจ่ายเงินปันผล จะต้องจัดสรรกำไรสุทธิประจำปีส่วนหนึ่งไว้เป็นทุนสำรองไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของกำไรสุทธิประจำปีหักด้วยยอดเงินขาดทุนสะสมยกมาถ้ามีจนกว่าทุนสำรองนี้จะมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียน บริษัทได้จัดสรรทุนสำรองครบถ้วนตามกฎหมายแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 50 ล้านบาทพิจารณาจ่ายเงินปันผล บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทหลังจัดสรรตามกฎหมายบริษัทมีผลกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการสำหรับปี 2561 คณะกรรมการจึงเสนอให้จ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นหุ้นละ 25 สตางค์รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 120 ล้านบาท บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นตามรายชื่อผู้ที่มีสิทธิ์ในการรับเงินปันผลในวันพุธที่ 10 เมษายน 2562