Oppday TQM End Year 2018
TQM เป็นบริษัทโฮลดิ้งคอมพานี โดยถือหุ้นในบริษัทย่อยใน
1.บริษัท ทีคิวเอ็มอินชัวร์รันส์โบรคเกอร์จำกัด
2.บริษัท ทีคิวเอ็มไลฟ์อินชัวร์รันส์โบรคเกอร์จำกัด
3.บริษัท แคสแมท จํากัด ทำเรื่องไอที
4.บริษัท ทีคิวแอลดี จำกัด แนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกัน
มีพันธมิตรประกันภัยชั้นนำกว่า 40 แห่งมีพนักงานกว่า 3,000 คน มีสาขาและศูนย์บริการมากกว่า 90 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ
tqm 2018 มีรายได้ปี 2500 ล้าน โต 11 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับ 2017 โดยที่ในปี 2018 มีกำไร 404 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2017 กำไรในปี 2018 เพิ่มมาถึง 51% yoy สาเหตุหลักมาจากการลงทุนใน 2-3 ปีที่ผ่านมาลงทุนในระบบเทคโนโลยีค่อนข้างมาก ทำให้มีการประหยัดต้นทุนเรื่อง Admin Cost ทำให้ผลกำไรเติบโตดีขึ้น ในธุรกิจประกันวินาศภัย ส่วนที่เติบโตดีที่สุดก็คือรถยนต์ มีเบี้ยประกันเยอะที่สุดประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมวินาศภัยปีหนึ่งประมาณสองแสนกว่าล้าน ทุกปีจะมีรถใหม่ป้ายแดงออกสู่ตลาดประมาณ 7-8 แสนคัน อุตสาหกรรมรถยนต์เติบโตธุรกิจประกันภัยก็จะเติบโต ในอุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์ tqm เป็นอันดับ 1 มีลูกค้าประมาณ 1 ล้านราย รถยนต์ประกันต่อเนื่องทุกปี 3-4 ปีแรกจะประกันชั้น 1 หลังจากนั้นก็ขยับมาเป็นประกันชั้น 3 ประกันภัยรถยนต์ ทุกวันนี้ทาง tqm จะออกแบบร่วมกันกับบริษัทประกันภัย โดยเราจะสอบถามจากผู้บริโภค ตามไปตามลักษณะไลฟ์สไตล์เพื่อนำมาออกแบบผลิตภัณฑ์ เร็วๆนี้เรามีออก ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพชื่ออุ่นใจรัก ร่วมกับวิริยะประกันภัย กับบริษัทที่อยู่ในเครือ bdms ที่ซื้อได้จากที่ tqm ที่เดียว
วันนี้เราเป็นนายหน้าประกันภัยอันดับ 1 ของประเทศ Step ต่อไป จากที่เรามีฐานลูกค้ากว่า 1.5 ล้านราย ผู้ซื้อรถยนต์ในบ้านเรามากกว่า 60 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ จะซื้อด้วยไฟแนนซ์ ขั้นต่อไปเราจะขยับขึ้นมาเป็น financial โบรกเกอร์ โปรเจคนี้จะเริ่มใน Q2 โดยหลักการเราได้ตกลงคุยกันเรียบร้อยแล้ว
Tqm ไม่ใช่บริษัทประกันภัยแต่เราเป็นคนกลางเราเป็นโบรกเกอร์ ข้อดีของเราคือเราไม่ take risk รายได้ของ tqm คือค่าคอมมิชชั่น การที่เราเป็นคนกลางรายได้เรามาจาก 2 ส่วนคือ
1 ค่าคอมมิชชั่นจากการขาย แต่ละผลิตภัณฑ์คปภได้กำหนดไว้แล้ว ค่าคอมมิชชั่นไม่เท่ากัน
2 รายได้การให้บริการ บริษัทประกันภัยกว่า 40 แห่ง เรียกใช้บริการของเรา เนื่องจากเรามีพนักงานมากกว่า 4,000 คน เป็นทีมขาย 2,000 กว่าคนและเป็นทีมเซอร์วิส 2,000 คน บริการเช่นการตรวจสภาพรถ การเก็บไฟล์เสียง การส่งกรมธรรม์ การเก็บเงิน
รายได้ของ tqm ปีที่ผ่านมา 2,500 ล้านมาจากคอมมิชชั่นงานขาย 60% อีก 40% มาจากการบริการ
ในธุรกิจประกันมีโบรคเกอร์ประมาณ 600 กว่าบริษัท แต่ tqm มีประวัติยาวนานที่สุด กว่า 60 ปี เชี่ยวชาญในธุรกิจนี้มา 3 ชั่วอายุคน เรื่องการให้บริการสำคัญมากโดยเฉพาะพนักงานกฎหมายพนักงานสินไหม เวลาเคลมสินไหมลูกค้าดิวกับบริษัทประกันภัยโดยตรงก็คงจะไม่สนุกแน่ แต่การผ่านโบรกเกอร์ เช่น tqm เรามีทีมกฎหมายเรามีพนักงานประสานงานสินไหมที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความมั่นใจว่าได้รับการชดเชยที่ถูกต้องและเป็นธรรม และเรายังมีสาขาอยู่ทั่วประเทศเป็นเหตุหนึ่งให้บริษัทประกันภัยใช้บริการจากเรา เนื่องจาก บ.ประกันส่วนใหญ่ไม่ได้มีสาขาทั่วประเทศ
เราเป็นนายหน้าประกันภัยที่มีครบทุกช่องทางการขาย ไม่ว่าจะเป็นการไปพบโดยตรง เพื่อสำรวจทรัพย์สินที่มีความเสี่ยง เรามี Call Center ให้บริการขาย เป็นเทเลเซลล์ และยังมีแอพพลิเคชั่นขายออนไลน์ พนักงานขายของเราสองพันสี่ร้อยกว่าคนมีใบอนุญาตในการขาย
บริษัทที่เป็นพันธมิตรมีบริษัทประกันวินาศภัย 31 แห่งและบริษัทประกันชีวิต 14 แห่ง นั่นหมายถึงว่าลูกค้าเวลามีประสบการณ์ดีๆกับบริษัทประกันภัยใดก็สามารถซื้อจาก tqm ได้ เรามีมากกว่า 150 ผลิตภัณฑ์
เนื่องจากเราเป็นคนกลาง เราเป็นโบรกเกอร์เราไม่ take risk ในปีที่ มีความเสียหายมากๆเช่น มีที่มีเรื่องของน้ำท่วมหนักๆ บริษัทประกันภัยต้องเข้าไปรับผิดชอบบางบริษัทอาจจะขาดทุน แต่ tqm เราจะไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนั้น ลูกค้าของ tqm จะเป็นลูกค้ารายย่อยกว่า 80% อีก 20 เปอร์เซ็นต์เป็น Corporate มีการกระจายความเสี่ยง
อุตสาหกรรมประกันภัยไทยโตขึ้นทุกปี 2018 ตัวเลขในอุตสาหกรรมประมาณ 8 แสนกว่าล้านเป็นวินาศภัย 2 แสนกว่าล้านประกันชีวิต 6 แสนกว่าล้าน ในปีนี้2019 อุตสาหกรรมตั้งโตไว้ที่ประมาณ 9 แสนล้าน ตั้งไว้ที่ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนของ tqm จะโตมากกว่าอุตสาหกรรมประมาณ 2 เท่า
ไทยเราซื้อประกันประมาณ 300 $ ในขณะที่สิงคโปร์ญี่ปุ่นเกาหลี มากกว่าเราถึง 10 เท่า นั่นหมายความว่าเมื่อประเทศเราเจริญขึ้นโอกาสการเติบโตก็จะเพิ่มได้มากขึ้น เบี้ยต่อหัวก็จะเพิ่มขึ้น
ประกันชีวิต ไทยเรา 100 คน มีคนถือประกันประมาณ 37 กรมธรรม์ ในขณะที่ประเทศอื่นมากกว่าเราเป็น 10 เท่า ญี่ปุ่น 322 กรมธรรม์ ต่อประชากร 100 คน สิงคโปร์ 267 กรมธรรม์ต่อประชากร 100 คน เกาหลี 179 กรมธรรม์ต่อประชากร 100 คน มาเลเซีย 40 กรมธรรม์ต่อประชากรร้อยคน
ภาพรวมของประกันภัยและประกันชีวิตยังมีโอกาสที่จะโต ปัจจัยที่ทำให้การเติบโตของเรา ประกันรถยนต์จะเทียบกับจำนวนรถยนต์ที่ออกใหม่แต่ละปี และไม่ใช่มีแต่รถใหม่ แต่ก็ยังมีรถเก่าด้วยที่ต้องทำประกัน
ประกันชีวิต ตัวที่ส่งผลต่อประกันชีวิตก็คือการเพิ่มขึ้นของค่ารักษาพยาบาล เบิกค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้นทำให้คนหันมาซื้อประกันชีวิตมากขึ้น
สังคมผู้สูงอายุ เป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้ ประกันชีวิตเติบโตเพิ่มขึ้น
การท่องเที่ยว ก็เป็นตัวส่งเสริมให้เกิดการทำประกันวินาศภัยและประกันชีวิต ประกันการเดินทาง เพิ่มขึ้น
ปีที่แล้วเราจบเป้าเบี้ยประกันภัยที่ 11,000 ล้าน ปีนี้เราตั้งเป้าโตที่ 12,690 ล้านคือเติบโตประมาณ 14 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย เน้นไปที่การทำ customer Management เพื่อมุ่งไปทำ Big Data เพื่อทำ Product segment Cross sale ข้ามสายผลิตภัณฑ์ที่เราจะเป็น financial booker
เทคโนโลยี ทำ 2 มุมคือเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่าย ที่เราเพิ่งเปิดตัวไปก็คือ LINE chat bot มีทั้งเพื่อการขายและเพื่อเซอร์วิส แล้วทำเรื่อง insurance Life platform เพื่อช่วยลูกค้า ในการเลือกซื้อประกันชีวิต และก็ยังทำ อินชัวรันส์ non Life platform เพิ่มขึ้นมาเพราะการ compare ส่วนมากจะมีเฉพาะในรถยนต์ และมีการทำ financial Product เพื่อให้ลูกค้าของเรา ซื้อผลิตภัณฑ์มากกว่า 1 กรมธรรม์ เวลาลูกค้าเกิดเหตุเมื่อก่อนต้องมีพนักงานโทรเข้ามาหาเรา แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนโดยใช้ bot เข้ามาช่วย มีลูกค้าอยู่ใน LINE ประมาณ 10 กว่าล้านคน มีกลุ่มลูกค้ามาให้เราทำงานขายปิดงานประกันภัยมากขึ้น เรามุ่งมั่นที่จะไปสู่อินชัวร์เทค ทำ Digital ให้ลูกค้าใช้ได้จริงและจับต้องได้ เพื่อให้ลูกค้าสะดวก ลูกค้าที่อยู่ใน community เรามากกว่า 20 ล้านคน แล้วต้องใช้ AI มาช่วยเพราะเรา คุยกับคนหลายล้านคน
ทุกวันนี้ tqm โตปีละสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องปกติ
ปี 2018 รายได้โต 10.7% yoy ต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายในการขาย เพิ่มขึ้น 9.8 เปอร์เซ็นต์ yoy กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 50.7 เปอร์เซ็นต์ yoy ebit โต 49.8 เปอร์เซ็นต์ yoy หนี้สินต่อทุน 0.8 เท่า ในปี 2018 เนื่องจากบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ROA 14.1% ROE 32.1% ส่วนทุนเพิ่มขึ้นจากการเข้าตลาดหลักทรัพย์ทำให้ roe ลดลงเมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า อัตรากำไรสุทธิ 16% อัตราการหมุนของเงินสดจะติดลบตลอด เนื่องจากได้รับเบี้ยประกันเข้ามาก่อน
การเติบโตของประกันสำคัญที่สุดก็คือภาวะเศรษฐกิจ แต่อุตสาหกรรมจะเติบโตดีกว่า GDP โดยตลอด tqm เราเป็นเบอร์ 1 ถ้าอุตสาหกรรมโตเราก็จะโตล้อไปกับอุตสาหกรรม พูดถึงในกรณีที่ยังไม่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่เราก็ทำเทคโนโลยีใหม่ๆเพิ่มขึ้นด้วย
อุตสาหกรรมที่ non life 2 แสนกว่าล้านแต่ tqm เองยังมีส่วนแบ่งอยู่เพียงหมื่นกว่าล้าน เรายังสามารถเข้าไปแชร์ส่วนแบ่งได้อีกเยอะ ของเราเองเป็นประกันรถยนต์ซะเยอะ ประมาณ 70% ปัจจุบันประกันสุขภาพในประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นมา เราก็ทำในทุกเซ็กเมนต์
Tqm มีลูกค้าเก่าที่ต่ออายุประกัน ในพอร์ต 10,000 ล้านเนี่ยอยู่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ และเป็นลูกค้าใหม่ 40% เรามีสถิติลูกค้าต่ออายุกับเราประมาณ 80%
ถาม กรณีถ้ารถ 7 ปีหายไป จะเป็นยังไง เพราะ ในช่วงปีสองปีนี้ จะมีรถที่อายุมากกว่า 7 ปีหลายแสนคันเหมือนกัน
ตอบ ปัจจุบันมีการต่ออายุได้ถึง 10 ปีหรือถึง 15 ปี
ถาม เราจะเป็น market gainer ได้อย่างไร
ตอบเราจะเป็น Market gainer ได้จากการทำกิจกรรม เราทำกิจกรรมเยอะ ทั้ง face to face และเทเลอินชัวรันส์ รวมถึงแชทบอท เรามีทีม TQLD เป็นส่วนเสริมความแข็งแกร่งของเราระหว่างโลกยุคใหม่และลูกยุคเก่า ลูกค้าที่ซื้อประกันส่วนมากของเราอายุเฉลี่ย 30 up ลูกค้าต้องการทั้งไฮเทคและไฮทัช เราลงทุนด้านเทคโนโลยีไม่น้อย
เงินในระบบเงินสดของเราตอนนี้มีประมาณ 2 พันกว่าล้าน ซึ่งเป็นเงิน ipo ส่วนหนึ่งและเป็นเงินจากผลประกอบการของบริษัทที่เหลือจริงๆอีกส่วนหนึ่ง แผนการใช้ โปรเจคของ financial broker และยังมีโปรเจคขึ้นอื่นๆอีกมากมาย เรายังไม่สามารถระบุณตอนนี้ ว่าแต่ละประเภทจะใช้เงินเท่าไหร่ หรือเป็น project ที่ร่วมกับใคร รอเป็น official ออกไปในอนาคต
มีคนถามว่าเราจะโตทาง Life ใช่ไหม
คำตอบ ใช่ เราโตมาจากวินาศภัย แต่ในอุตสาหกรรมประกันชีวิตโตมากกว่าประกันวินาศภัยถึง 3 เท่า portfolio ของเราประกันชีวิตอย่างน้อยมาก เราเชื่อว่าประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพจะมาแรง 2 ปีแล้วที่เราเตรียมการโดยการส่งพนักงานขายแบบ face to face ลงไปต่างจังหวัด ประมาณ 400-500 คน ผมเชื่อว่าประกันชีวิตประกันสุขภาพตัวเลขจะเข้ามาได้
กฎหมายแรงงานใหม่ ไม่กระทบกับเรา เพราะเรา จ่ายเป็น ค่าคอมมิชชั่น ส่วน salary base ของเราไม่สูง บัญชีเราไปทุกเดือนแล้วลงทุกเดือน
