วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2562

Oppday TASCO END YEAR 2018

Oppday TASCO END YEAR 2018
รายได้ของปี 2018 ต่ำกว่าปี 2017 เพียงเล็กน้อยเนื่องจากราคาน้ำมันดิบและราคาขายของสินค้าของกลุ่มของเราในปี 2018 สูงกว่า 2017 พอสมควร

ยอดขายของปี 2018  อยู่ที่  1,540,000 ตัน ปี 2017 ขายได้ 1 ล้าน 9 แสนตัน เหตุผลเพราะว่าไม่สามารถจัดซื้อน้ำมันดิบได้ จากประเทศเวเนซุเอลาได้ตามที่เราต้องการ โดยปกติจะซื้อได้เดือนละ 1 ลำเรือ ปรากฏว่าในปี 2018 ช่วงครึ่งปีแรกเรารับได้เพียงแค่ 3 ลำเรือ จาก 6 ลำเรือ ทำให้ทั้งปีเราได้แค่ 9 ลำเรือเท่านั้น จากที่คาดว่าจะได้ 12 ลำเรือ เมื่อเดือนกรกฎาคมเมื่อปีที่แล้ว  2017  เกิดเหตุเพลิงไหม้ในถังจัดเก็บน้ำมันดิบของเราที่ประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้การจัดเก็บน้ำมันดิบได้ไม่เป็นไปตามแผนเกิดความเสียหายเกิดขึ้น

กำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทในปี 2018 อยู่ที่ 2364 ล้าน ลดลงจากปี 2017 ค่อนข้างมากเหตุผลหลักๆมาจาก ยอดขายไม่เป็นไปตามแผน ต้นทุนของน้ำมันดิบ สูงมากในปี 2018 ถ้าเปรียบเทียบกับปี 2017

ช่วงสิ้นปีในไตรมาสที่ 4  น้ำมันดิบที่เราซื้อในช่วงไตรมาสที่ 4 ตอนต้นไตรมาส ประมาณเดือนตุลาคม เราซื้ออยู่ที่ 80 กว่าเหรียญต่อบาร์เรล แล้วก็ช่วงสิ้นปี น้ำมันดิบราคาตกมาอยู่ที่ 52 เหรียญต่อบาร์เรล ทำให้เราต้องตั้งสำรอง เรื่องของมูลค่าสินค้าคงเหลือด้อยค่าลดลงจำนวนมาก ตั้งไว้ทั้งสิ้น 782 ล้านบาทตามหลักบัญชี เหตุเกิดเพลิงไหม้ที่โรงกลั่นของเรามีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นที่ยังไม่สามารถเรียกได้จากบริษัทประกันภัยจำนวน 358 ล้านบาทในปี 2018 ทั้งหมดนี้ กระทบกับกำไรขั้นต้นของปี 2018

Ebitda อยู่ในเกณฑ์ดีอยู่ที่ 2457 ล้านบาทต่ำกว่าปี 2017 ค่อนข้างมากอยู่ที่  4517 ล้านบาท

กำไรสุทธิหลังภาษีลดลงมาอยู่ที่ 564 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านั้นอยู่ที่ 2537 ล้านบาท เพราะผลกระทบจากหลายสาเหตุข้างต้น

D/E ratio  สูงขึ้นมาจากปลายปีที่แล้วจากที่ 0.51 ปีนี้อยู่ที่ 0.93 เหตุผลหลักหลักก็คือว่าเราต้องใช้เงินในการซื้อน้ำมันดิบ โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลังเราสามารถรับน้ำมันดิบได้ตามแผนคือเดือนละ 1 ลำเรือ

เรื่องไฟไหม้ที่โรงกลั่น มีความคืบหน้า บริษัทประกันภัยยอมรับความเสียหายที่เกิดขึ้นภายใต้สัญญาประกันภัยที่เรามีกับบริษัทประกันภัย ขณะนี้อยู่ระหว่างการต่อรองเจรจาค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น ความเสียหายที่เกิดจากถังที่เราเสียหายไป 2 ลูกเสียหายโดยสิ้นเชิงและอีกลูกเสียหายเฉพาะด้านบนซึ่งจะต้องซ่อมส่วนที่ 2 ก็เป็นเรื่องของสินค้าคงเหลือที่อยู่ในถังเก็บ ที่เสียหายไป ส่วนที่ 3 ความเสียหาย ที่เกี่ยวข้องกับการดับเพลิง และสุดท้ายความเสียหายที่เกิดจาก สูญเสียกำลังการจัดเก็บและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการที่เราต้องรับน้ำมันดิบเข้ามาตามปกติ  Business interruption  ทั้ง 4 ส่วนกำลังต่อรองกับบริษัทประกันภัยอยู่

แต่เดิมมีถังเก็บทั้งหมด 8 ถังด้วยกัน  4 ถังไม่มีผลกระทบอะไร มี 2 ถังเสียหายโดยสิ้นเชิง ต้องสร้างใหม่ทั้ง 2 ถัง มี 1 ถังตรงกลางที่เราต้องซ่อม เสียหายเฉพาะด้านบน และตรวจสอบแล้วก็มีอีกถังหนึ่งที่เสียหายเช่นกันก็เลยถือโอกาสซ่อมในคราวเดียวกัน เท่ากับเราจะมีการซ่อม 2 ถังและก่อสร้างใหม่ 2 ถัง การซ่อมจะใช้เวลา 9 เดือนจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้  2 ถังที่สร้างใหม่จะเสร็จภายในไตรมาส 2 ปีหน้า (2020)

ในไตรมาสที่ 4  เราได้รับน้ำมันดิบเป็นไปตามปกติคือได้รับ 3 ลำเรือด้วยกัน  1 เดือนต่อ 1 ลำเรือขนาดประมาณ 9 แสนบาร์เรล ขนาดประมาณ 150,000 ถึงแสนหกหมื่นตัน 2018 ครึ่งปีแรกได้ 3 ลำเรือครึ่งปีหลังได้ 6 ลำเรือ

ตลาดภายในประเทศธุรกิจยังไปได้ดีช่วง Peak Season ของตลาดการขายภายในประเทศคืออยู่ที่ไตรมาสที่ 4 และไตรมาสที่ 1  ไตรมาสที่ 4 ยอดขายเป็นไปตามตลาด ยอดขายค่อนข้างจะดี เราขายได้ 1 แสนสี่หมื่นตัน ไตรมาส 1 ปีนี้แนวโน้มยังดีต่อเนื่อง ในส่วนของตลาดต่างประเทศไตรมาสที่ 4  ช่วงต้นไตรมาสขายได้ดีแต่ว่าช่วงปลายไตรมาสในช่วงเดือนธันวาคมเนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกตกลงไปมากจาก 80 กว่าเหรียญไปถึงที่ 52 เหรียญทำให้ลูกค้า  Wait and see  เพื่อรอดูราคายางมะตอยว่าจะตกต่ำตามน้ำมันดิบได้มากน้อยแค่ไหน ทำให้ไม่มีตัวเลขสั่งเข้ามาเลย ทำให้เราขายได้แค่ 16,000 ตันเท่านั้นเองในช่วงเดือนธันวาคม ประเทศที่เรายังขายได้ดีก็เป็นออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และเวียดนาม

ราคาน้ำมัน ในไตรมาส 4 ต้นไตรมาสอยู่ที่ 80 กว่าเหรียญตกลงมาอยู่ที่ 52 เหรียญ ในปี 2017 ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ประมาณ 55 เหรียญต่อบาร์เรล ปี 2018 ราคาเฉลี่ยของน้ำมันดิบอยู่ที่ 72 เหรียญต่อบาร์เรล ทำให้ราคาขายของยางมะตอยในปี 2018 สูงกว่าของปี 2017 มาก ทำให้ได้ยอดขายที่ใกล้เคียงกันถึงแม้ว่ายอดขายจะน้อยกว่ากันถึง 20 เปอร์เซ็นต์

ยอดขายที่เป็นตันภาพทั้งปี 2018 ภายในประเทศแล้วขายได้อยู่ 30% ของ 1.54 ล้านตัน อีก 70 เปอร์เซ็นต์เป็นยอดขายณต่างประเทศ รายได้อยู่ที่ 22,500 กว่าล้าน ในแง่มูลค่า 35% จากในประเทศอีก 65% เป็นต่างประเทศ

มีตลาดใหม่ที่เราสามารถเปิดตลาดได้คือตลาดที่ทวีปแอฟริกา ประเทศคองโก แล้วขายได้อยู่หลายหมื่นตันที่ประเทศนั้น ตลาดหลักในที่เราส่งออกก็คือ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย

ปี 2019  เราเชื่อว่า น้ำมันดิบเราจะไม่มีปัญหา เราจะสามารถจัดซื้อน้ำมันดิบและ supplier จะสามารถจัดส่งให้เรา ได้อย่างไม่มีปัญหา เราสามารถรับได้เดือนละ 1 ลำเรือ และคาดว่ายอดขายจะกลับไปอยู่ เหมือนกับปี 2017 ก็คืออยู่ที่ 1.9 ล้านตัน supplier รับปากกับเราเรียบร้อยแล้วว่าสามารถจัดส่งน้ำมันดิบได้อย่างไม่มีปัญหา ทีมงานประกันภัยของเราได้ไปคุยกับบริษัทประกันภัยทั้งหลายที่ประเทศสิงคโปร์เพื่อเจรจาต่อรอง ทางนั้นขอข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อใช้ในการประเมินว่าจะจ่ายสินไหมทดแทนได้เท่าไหร่และเมื่อไหร่

ยอดขายภายในประเทศ ในไตรมาส 1 ปี 2019  ยังขายได้ดีมากๆอยู่ จนถึงเดือนกุมภาพันธ์นี้ก็ยังเป็นไฮซีซั่นของในประเทศ  เชื่อว่าจะขายใกล้เคียงกับในไตรมาส 4 ปีที่แล้วอยู่ที่แสนกว่าตัน หลังจากนั้นจะเข้าอยู่ในช่วงฤดูกาลปกติยอดขายก็จะลดลงเป็นไปตามฤดูกาลของการใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ในไตรมาส 2 และ 3 ส่วนใหญ่จะเป็น Low season ของตลาดในประเทศ ส่วนตลาดต่างประเทศยอดขายยังดีอยู่ ลูกค้าที่รอดูราคาน้ำมันดิบ ตอนนี้ยอดขายเริ่มกับเข้ามาแล้วเป็นยอดปกติและชดเชยในส่วนที่ได้หยุดสั่งไป ตลาดจีนยอดสั่งซื้อจนถึงเดือนเมษายนเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มีส่งไปยังประเทศกาตาร์เพิ่ม เรื่อง imo 2020  ในปีนี้ต้องจับตาดูว่าจะมีตรงกันอื่นๆหรือเปล่าที่จะลดกำลังการผลิตในปี 2019 เป็นต้นไปหรือ 2020 เป็นต้นไป ตอนนี้ประเมินไว้ว่าโรงกลั่นที่ประเทศเกาหลีใต้ ที่ปรับปรุงกระบวนการกลั่นของโรงกลั่น ทำให้ยางมะตอยหายไปจากตลาดที่เขาซัพพลายได้ถึง 900,000  ตัน ปีหน้าไตรมาสที่ 1 โรงกลั่น SK ที่เกาหลีใต้ กำลังจะปรับปรุงโรงกลั่น จะทำให้ยางมะตอยที่ผลิตได้จากโรงกลั่นหายไปอีก 900,000 ตัน อีกเช่นกัน ก็ต้องรอดูว่า Supply ที่หายไปถึง 9 แสนตันจะกระทบกับ Supply demand ในภูมิภาคนี้หรือไม่อย่างไร

เหตุการณ์ไฟไหม้อุบัติเหตุในวันที่ 5 กรกฎาคม เกิดที่โรงกลั่นหยุดปิดเพื่อซ่อมบำรุงตามปกติ มีผู้รับเหมาช่วงซับคอนแทรคเตอร์ไปทำการเชื่อมถัง เก็บน้ำมันดิบ เราเชื่อว่าความร้อนที่ออกมาจากถังเก็บน้ำมันดิบ ออกมาปะทะกับไอน้ำมันทำให้เกิดประกายไฟ โชคดีที่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ความเสียหายที่เกิดขึ้น 2 ถังที่เสียหายโดยสิ้นเชิง น้ำมันดิบที่เก็บใน 2 ถังก็เช่นกันถูกไม่ไปทั้งหมด กำลังต่อรองเจรจากับประกันภัยอยู่เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ถ้าเรามองในรูปแบบของบัญชี มูลค่า Book Value ของ 2 ถังนี้มีมูลค่าเท่าไหร่เราต้องลบไป ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะสร้าง 2 ถังใหม่และซ่อม 1 ถัง ทางประกันภัยน่าจะจ่ายเราครบร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับสินค้าที่อยู่ในถังนั้นๆ เรื่องอะไรที่เห็นชัดไม่ต้องมานั่งเช็คดูว่าจริงหรือเท็จเพราะมีข้อมูลอยู่แล้ว สินค้าคงเหลือที่อยู่ในถังก็เช่นเดียวกันเราขอเรียกร้องสินไหมทดแทนเท่ากับมูลค่าของน้ำมันดิบที่เก็บอยู่ในถังที่ถูกไฟไหม้ไปทั้งหมด ณ วันที่เกิดเหตุ ค่าใช้จ่ายที่เราใช้ในการดับเพลิง ที่เราทำงานร่วมกับหน่วยดับเพลิงของราชการที่นั่นค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นค่ารถค่าโฟมที่ใช้ในการดับเพลิงค่าใช้จ่ายเรื่องขนแรงงานทั้งหลาย เป็นค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ไฟไหม้ทั้งหมด 39 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเราสามารถจะเรียกคืนได้ทั้งหมดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่เห็นชัดเจน แต่ก็อยู่ในช่วงเจรจาต่อรองกัน เราเชื่อว่าข้อมูลที่เราให้ไปครบถ้วน ส่วนของ Business interruption ต่างหากที่เราต้องมาต่อรองกัน ตัวอย่างถังเก็บน้ำมันดิบเรามีน้อยลงเรือที่มาส่งต้องรอนานขึ้นก่อนที่ถังจะว่างเพื่อที่เราจะสูบถ่ายน้ำมันดิบจากเรือที่เราซื้อน้ำมันดิบมาจากประเทศเวเนซุเอลาขึ้นมาสู่ถังน้ำมันดิบที่เรายังเหลืออยู่ เรือมีค่าใช้จ่ายในการรอ  1 วันประมาณ 1 ล้านบาท สมมุติว่าเรือต้องมารอ 30 วัน ค่าใช้จ่ายในการรอก็คือ 30 ล้านอันนี้เราขอเคลมทั้งหมด 100% กับบริษัทประกันภัย

ถังเก็บน้ำมันดิบของโรงกลั่นเราสร้างมาเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วคือปี 2006  ระบบการดับเพลิงเป็นไปตามมาตรฐาน ณเวลานั้น ที่ใช้น้ำดับเพลิงได้ระยะห่างจากถังก็เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดณเวลานั้น แต่ตอนนี้ที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ เราเปลี่ยนเอาระบบระเบียบใหม่เข้ามาใช้ ว่าระยะห่างต้องเป็นเท่าไหร่ ตามระเบียบใหม่ระยะห่างที่กว้างขึ้น ถังที่สร้างขึ้นมาใหม่ทำให้สามารถใส่ได้แค่ทางเดียว ก่อสร้างถังใหญ่สุดที่วางในตำแหน่งนั้นได้และไปสร้างชดเชยของปริมาตรที่หายไปอีกถังนึงอีกที่นึง ระบบดับเพลิงตอนนี้ต้อง มีระบบโฟมมาใช้ และได้มีการทบทวนระบบรับเหมาช่วงทั้งหมด ถังที่เราสร้างอีกที่นึงแทนที่เราจะสร้างถังเล็กๆเราก็จะสร้างถังที่ใหญ่ขึ้น ส่วนที่จะสร้างถังใหญ่ขึ้น จะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่เรามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก 104 ล้านบาท ที่เราออกเอง

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาจนถึงเดือนกุมภาพันธ์เราได้รับน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาเดือนละ 1 ลำ มาตลอด

การเคลมประกัน จะได้เงินมาเท่าไหร่ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา จะมีการจ่ายเงินประกันเข้ามาเป็นงวดๆ  น่าจะเริ่มได้รับเข้ามาในไตรมาสที่ 2 ปีนี้เป็นต้นไป

บาทแข็ง ธุรกิจในประเทศไม่มีผลอะไรเลยเพราะเราซื้อเป็นเงินบาทและขายเป็นเงินบาท ตลาดต่างประเทศเราซื้อน้ำมันดิบเป็นเงินต่างประเทศและก็ขายเป็นเงินต่างประเทศดังนั้น เรื่องค่าเงินอัตราแลกเปลี่ยนจะมีผลน้อยมาก

ปี 2018  เป็นปีที่กลุ่มบริษัทของเราประสบอุปสรรคหลายๆเรื่องด้วยกัน ผมยังมองว่ายังมีความเสี่ยงอยู่ ประเทศเวเนซุเอลาที่ส่งน้ำมันดิบให้เรา ถ้ายังมีความไม่สงบอยู่ก็ยังมีโอกาสที่เหตุการณ์เดิมอาจจะเกิดขึ้นมาใหม่ในอนาคต ก็คือเวเนซูเอล่าไม่สามารถขายน้ำมันดิบให้กับกลุ่ม tipco ของเราได้ ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่

Imo regulation คืออะไร  imo 2020  คือหน่วยงานของโลก ที่ควบคุมการทำงาน ของการขนส่งทางเรือทั่วโลก เขามีออกกฎมาใหม่ว่าเรือทุกลำที่เดินในน่านน้ำสากล ในวันที่ 1 มกราคมปี 2020 เป็นต้นไป จะต้องใช้น้ำมัน ที่ใช้ในการขับเคลื่อนเรือที่มีสารกำมะถันต่ำอยู่ที่ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ลงการตกลงกันต้องปรับตัวผลิตน้ำมันเตา ตามกฎของ imo ของบ้านเราตอนนี้ยังอยู่ที่ประมาณ 2.5 เปอร์เซ็นต์ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ ผมเห็นแต่ไทยออยล์เท่านั้นที่จะมีการปรับปรุง เพื่อผลิตน้ำมันที่มีคุณภาพตาม imo  พวกนี้เมื่อปรับปรุงแล้ว เขาก็หวังที่จะผลิตน้ำมันออกมาแล้วได้คุณภาพน้ำมันที่ดีและได้ราคาที่ดีขึ้น ดังนั้นโดยปกติน้ำมันเตาจะสูงกว่ายางมะตอย เขาจึงอยากผลิตน้ำมันเตาให้ได้มากที่สุดผลิตยางมะตอยให้ได้น้อยที่สุด ทำให้ยางมะตอยจะออกมาน้อยกว่าที่เขาเคยผลิตได้ อาจจะเกิด  Supply ยางมะตอยจะน้อยลง

ราคายางมะตอย ขึ้นมาจาก 310 เหรียญเป็น 370 เหรียญ และเชื่อว่ายังขึ้นต่อ
ผลกระทบกับเราในเรื่อง imo 2020  เห็นชัดคือน้ำมัน ผลิตได้จากโรงงานของเราจะมีปริมาณน้อยก็จริงอยู่ที่ 30% ตัวนี้มันเป็นไฮโซเฟอร์คือมีสารกำมะถันสูง ตัวนี้ในอนาคตถ้าเราผลิตออกมาแล้วจะส่งผลให้ราคาขายหรือรายได้จากการขายน้ำมันดิบเหล่านั้นจะมีรายได้น้อยลงไปด้วย เราพิจารณาดูอยู่ว่าจะสามารถเอาน้ำมันบางส่วนมาทำอะไรได้บ้างกับสินค้ายางมะตอยของเราเพื่อส่งเสริมให้มีมูลค่าเพิ่ม

ถ้า Supply ของยางมะตอยลดน้อยลงค่อนข้างจะมากอย่างที่เราคาด ราคายางมะตอยในภูมิภาคของเราส่วนใหญ่แล้วขึ้นกับ Supply demand  ถ้า Supply น้อยลงผมเชื่อว่าราคายางมะตอยจะสูงขึ้น

รับซื้อน้ำมันดิบเข้ามา   70%เป็นยางมะตอย, 30%เป็นน้ำมันที่มีสารกำมะถันสูงอันนั้นจะส่งผลกระทบแน่นอน ราคา น้ำมันดิบที่มีซัลเฟอร์สูงน่าจะลดลง ดังนั้นต้นทุนของน้ำมันดิบก็น่าจะลดลงไปด้วย และราคาขายยางมะตอยน่าจะสูงขึ้นเนื่องจาก Supply มันน้อยลง ก็หวังว่าจะมีส่วนนี้เข้ามาชดเชยที่เราจะขายน้ำมัน 30% ออกจากโรงกลั่นในราคาที่น้อยลงไปเช่นเดียวกัน

ทางกลุ่มบริษัททิปโก้เป็นกลุ่มบริษัทแรกๆที่นำยางพาราผสมยางมะตอยเพื่อใช้ในการซ่อมสร้างถนน ตอนนี้ราคายางพาราตกต่ำ เช่น 3 กิโล 100 แต่ราคายางมะตอยอยู่ที่กิโลละ 15 บาท ทุกๆครั้งที่เอายางพาราไปผสม กับยางมะตอยทำให้เรามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว แต่คุณภาพยางมะตอยที่ผสมยางพาราจะมีคุณภาพดีขึ้นมากๆ ต้นทุนเพิ่มขึ้นจริง แต่คุณภาพดีขึ้นเยอะและคุ้มค่าในการลงทุน ยางพาราผสมยางมะตอยมีการใช้มากขึ้นมาก  4 ปีที่ผ่านมามียอดโตขึ้น 300 เปอร์เซ็นต์ ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่มีการเอายางพารามาผสมยางมะตอยเพิ่มขึ้นเป็นนโยบายของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ที่จะใช้ยางพาราผสมยางมะตอยเพิ่มขึ้น

เรามีแหล่งจัดหาน้ำมันดิบจากที่อื่นนอกจากเวเนซุเอลาหรือไม่ มีครับแต่บังเอิญเรามีปัญหาเรื่องไฟไหม้ถังเก็บซะก่อน ทันทีที่ถังใหม่เราสร้างเสร็จ หรือก่อนหน้านั้นสัก 6 เดือนผมจะรีบหาน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นเข้ามา อาจจะเอามาใช้ทดแทนหรือเอามาผสมกับน้ำมันดิบที่เราซื้อจากเวเนซุเอลา

อเมริกาบอยคอร์ด เวเนซุเอลา เรายังสามารถซื้อน้ำมันดิบจาก เวเนซุเอลา ได้เป็นปกติไม่มีปัญหา

การที่ Supply ยางมะตอยลดลงราคาจะสูงขึ้น จะกระทบกับเรา ในส่วนของ Trading Business  แต่ธุรกิจนี้จะเป็นธุรกิจ cost Plus เราไปซื้อยางมะตอยมาเสริม แล้วเราจะบวกค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายอื่น ยางมะตอยที่ได้จากโรงงานของเราเองราคาก็จะได้ราคาดี ขึ้นด้วย กำไรที่ดีขึ้น ถ้าราคาน้ำมันดิบลงอย่างที่เราคาดการณ์ไว้จะช่วยให้ต้นทุนในการซื้อน้ำมันหรือของเราลดลงด้วย

ซัพพลายยางมะตอยหายไปเท่าไหร่จากที่เห็นๆตอนนี้ก็คือหายไปแล้วเก้าแสนตันและในปีหน้าก็จะหายไปอีก 900,000  ตัน เท่าที่เห็น  รวมแล้วก็จะหายไปประมาณ 1.8  ล้านตัน

เกาหลีใต้เคยส่งออกยางมะตอยประมาณ 4 ล้านตันแต่ระยะหลังจะอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านตัน

ตั้งแต่ปีที่แล้วเราพยายามหาซื้อน้ำมันดิบ จากแหล่งอื่นมาตลอด น้ำมันดิบชนิดหนักที่เหมาะสมกับโรงกลั่นของเรา บังเอิญเป็นน้ำมันดิบที่ได้มาจากประเทศแถบอเมริกาใต้ไม่ว่าจะเป็นเวเนซุเอลาโคลัมเบีย เอกวาดอร์และบราซิล และราคาน้ำมันดิบของแหล่งอื่นๆราคาสูงกว่าราคาที่เราสามารถซื้อได้จากเวเนซุเอลา เราจะเริ่มหาจากแหล่งอื่นและลดการพึ่งพาจาก venezuela ลงไปบ้าง