วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562

Oppday TK end year 2018

oppday TK end year  2018

ผลงานหลักในปี 2561 มีแผนขยายสาขาเพิ่มในประเทศลาวโดยมีสาขาอยู่ที่เวียงจันทน์ เปิดเพิ่มที่หลวงพระบางและสุวรรณเขต  จะเปิดเพิ่มที่ ปักเซ เชียงของ และอุดมชัย
มีแผนเปิดเพิ่มที่กัมพูชาอีก 6 แห่ง

ณ ปัจจุบันบริษัทฐิติกรมีพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 9224 ล้านบาท มีบริษัทลูก 6 แห่ง 
1.CVA ติดตามทวงหนี้
2.ชยภาคทำธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ Port size  433MB
3.TKเงินทันใจทำธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ Port size 1MB
4.Suosdey Finance ทำธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่กัมพูชา Port size 695 MB
5. สบายดีลิสซิ่ง ทำธุรกิจเช่าซื้อจักรยานยนต์  portfolio Size  195 MB
6. Mingalaba Thitikorn ไมโครไฟแนนซ์ กำลังจะขอ License เพื่อทำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ที่ประเทศพม่า

แล้วมีพอร์ตลูกค้าประมาณ 3 ล้านราย ปัจจุบันมี 93 สาขาใน 57 จังหวัดทั่วประเทศไทย  9 สาขาในกัมพูชา  3 สาขาในประเทศลาว D/E 1.1 เท่า  สินทรัพย์ 90% เป็นสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ก็คือลูกหนี้เอ็นพีแอล ของรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 3.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำ ได้รับ Rating คือ A- จากทริส ทำให้เรามีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ

ประเทศไทยตัวเลขยอดขายมอเตอร์ไซค์โตต่อเนื่องมา 2 ปี  ปี 2016 กับ 2017 ก็ขึ้นมาปีละประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ ปี 2018  มีปัจจัยลบค่อนข้างมากราคาสินค้าเกษตรไม่ค่อยดี ทำให้ตลาดจักรยานยนต์หดตัวไป  1.2 เปอร์เซ็นต์ ปี 2019  ผู้ผลิตรายใหญ่คาดว่าน่าจะลดประมาณ 3%  เนื่องจากมีภัยแล้ง และสินค้าเกษตรราคาไม่ดี หนี้ครัวเรือนจาก 80 เปอร์เซ็นต์ลดเหลือ 77 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ และอาจทำให้กำลังการซื้อของคนไทยในประเทศอาจจะอ่อนตัวลงบ้าง ในกรุงเทพ 2 - 3 ปีที่แล้วโตมาตลอด แต่ปีที่แล้วตลาดรวมหดไปประมาณ 1.2 เปอร์เซ็นต์ กรุงเทพฯหดไปประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์
สินค้าที่ขายดีในประเทศไทยก็จะเป็นรถออโตเมติกรถ Family  ส่วนรถสปอร์ตและบิ๊กไบค์ก็มียอดขายที่มากขึ้น ช่วงที่เศรษฐกิจดี รถสกูตเตอร์จะขายดี ขายดีกว่ารถ Family  แต่ช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงมา 2 3 ปีหลัง แม้ตลาดรถจักรยานยนต์จะเพิ่มขึ้น แต่สัดส่วนลด Family จะขายดีขึ้น เพราะราคาถูกกว่า รถสปอร์ตหรือรถบิ๊กไบค์ ที่สัดส่วนเคยไปถึงสูงสุด ในปี 2015 ที่ 19 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้เหลือประมาณ 13 เปอร์เซ็นต์ จากเศรษฐกิจชะลอตัว และในปีนี้ 2 เดือนแรกจะเห็นได้เลยว่าสัดส่วนของรถครอบครัวขึ้นไปถึง 53%  เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ สำหรับรถยนต์หลังจากที่เปิดตัวมา 4 ปีหลังจากรถคันแรก ปี 2017 เป็นปีแรกที่กลับมาโต และปี 2018 ก็กลับมาโตต่อเนื่อง ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ คาดว่าน่าจะลดลงมาซัก 4 เปอร์เซ็นต์ ปีนี้น่าจะหดตัวทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เป็นเพราะว่ารถยนต์เป็นสินค้าที่เวลาเช่าซื้อใช้เวลาผ่อนประมาณ 4-5 ปีเวลาซื้อไปแล้ว เป็นการบินกำลังซื้อจากอนาคตมาแล้ว ถ้าซื้อกันไปแล้วเยอะๆถ้าจะมาซื้อซ้ำในเร็วๆนี้ คงเป็นไปได้ยาก
ตลาดรถยนต์ ปีนี้ใน 2 เดือนแล้วยังโตต่อเนื่องอยู่ โตประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ มีนากับเมษาเป็นช่วงมอเตอร์โชว์ มีการเร่งตัวเลข

ธุรกิจหลักของเราคือการให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์มีสัดส่วนประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ รถยนต์มีไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์

การปล่อยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เราจะปล่อยผ่าน 93 สาขา 57 จังหวัดทั่วประเทศในกัมพูชาเรามี 6 สาขาจะเปิดเพิ่มอีก 6 สาขา และในลาวเรามีอยู่ 3 สาขาจะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขา ในต่างประเทศเรายังไม่ได้ไปรถยนต์

ปีที่แล้วเปิดไป 1 สาขาและปีนี้จะเปิดอีก 4 สาขาในประเทศไทย ไม่ไปมาศแรกที่ผ่านมาเราเปิดไปแล้ว 1 สาขา และช่วงที่เหลือน่าจะเปิดอีก 3 สาขา

ทำงานแล้วขอ License ไมโครไฟแนนซ์มาพักใหญ่แล้วคาดว่าน่าจะได้ในเร็วๆนี้

ช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้วเราเร่งตัดหนี้สูญค่อนข้างมาก ทำให้กำไรเราอาจจะลดลงมาบ้าง แต่ในระยะยาวน่าจะเป็นผลดี

ไตรมาส 4  มาจากรายได้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ประมาณ 81 เปอร์เซ็นต์ รายได้จากการเช่าซื้อรถยนต์ จากเดิมที่ไม่ถึง 1% ตอนนี้อยู่ที่ 0.6% เพราะๆเช่าซื้อรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 95 เปอร์เซ็นต์และพอร์ตเช่าซื้อรถยนต์อยู่ที่ 4 เปอร์เซ็นต์ รายได้อื่นๆปกติ ควรอยู่ที่ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่ จากการเร่งตัดหนี้สูญ ทำให้รายได้อื่นๆชะลอตัวลงไป อยู่ที่ 18 เปอร์เซ็นต์

ปีที่แล้วเราตั้งเป้าว่าน่าจะโตสัก 5%  แต่ก็ไปไม่ถึง เพราะเศรษฐกิจในไทยชะลอตัวลงไป ทำให้เราต้องเร่งตัดหนี้สูญไป จบที่สิ้นปี ปล่อยเพิ่มขึ้นมาได้ 2.1 เปอร์เซ็นต์

รถจักรยานยนต์เราโตขึ้น 4.1 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศ ประเทศไทศตัวประมาณ 1.2 เปอร์เซ็นต์อันนี้รวมต่างประเทศด้วยนะ ลาวกับกัมพูชาเราโตขึ้นมา 127% ทำให้สัดส่วนโดยรวมโตขึ้น

ตลาดรถยนต์โปรโมชั่นค่อนข้างแรง เราไม่เน้นในตรงนี้ ส่วนต่างดอกเบี้ยก็น้อย

รถจักรยานยนต์ลูกหนี้ค้างชำระ เกิน 3 เดือนอยู่ที่ 3.9 เปอร์เซ็นต์ถือว่าต่ำ สำหรับรถยนต์อยู่ที่เกือบเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ ค่อนข้างสูง แนะด้วยมูลค่าที่ค่อนข้างสูงทำให้ต้องรอเรื่องไปที่ศาลก่อน ใช้เวลาค่อนข้างนานเปอร์เซ็นต์ดูสูง แต่มันเป็นแค่ 10% ของ 395 ล้านบาท ไม่มีผลต่อ balance sheet

คุณภาพลูกหนี้รายไตรมาส มีแนวโน้มดีขึ้น การตั้งสำรองเราก็ยังตั้งเหมือนเดิมตั้งเข้มงวด อะไรที่เกิน 6 เดือนแล้วก็ตั้ง 100% เลย ณสิ้นปี ตัวเลขคุณภาพลูกหนี้ดีขึ้นอยู่ที่ 4.1 เปอร์เซ็นต์ จากที่จะเปลี่ยน ไปใช้ ifrs 9  ทำให้เราก็ยังตั้ง General reserve เพิ่มขึ้นมาอีก 1% ถ้าไม่คิดว่าการเปลี่ยนจะไม่มีปัญหา

ณ สิ้นปีที่แล้วสำรองเราตั้งอยู่ 597 ล้าน ถ้าตั้งตามปกติ โดยที่ไม่มี General reserve  เราควรจะตั้งอยู่แค่ 502 ล้าน ทำให้ Cover Rate ratio อยู่ที่เกือบ 150 เปอร์เซ็นต์ การตั้งสำรองของเราอยู่ที่ 6.1 เปอร์เซ็นต์ของลูกหนี้ทั้งหมด ตั้งไว้ค่อนข้างสูง

ปีนี้กัมพูชาโตได้ค่อนข้างดี ปีที่แล้วตัวเลขก็กระโดดมาจาก 2017-2018 จากลูกหนี้ไม่ถึง 300 ล้านก็กลายเป็น 700 ล้าน ดีทั้งรายได้ กำไรและคุณภาพลูกหนี้

เราขยายตัวไม่เร็วนักเพราะทางการของลาวไม่ได้ให้เปิดสาขาเพิ่มได้เร็วนัก มีเปิดเพิ่มที่หลวงพระบางแล้ว สุวรรณเขตแล้ว เรามีประชาชนไม่ถึง 7 ล้านคน ลูกหนี้เช่าซื้อจาก 2017 ประมาณ 100 ล้านขึ้นไปเกือบ 200 ล้าน รายได้ก็ไปได้ห้องทันทีแต่กำไรอาจจะไม่ค่อยดีนัก เพราะค่าเงินจากลาวลดไปค่อนข้างเยอะ ส่วนคุณภาพลูกหนี้ก็ยังดีอยู่

ถ้ามาก็รออยู่เราจะเปิดที่หงษา ใช้เวลาขอ License รออยู่พักใหญ่

รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้า ที่ยังไม่ได้นิยมมากนักเพราะแบตเตอรี่ยังใหญ่ หนักและราคาแพง และยังใช้เวลาในการชาร์จค่อนข้างนานอยู่ สำหรับเราปล่อยทั้งหมดมีคนเช่าซื้อเราก็ปล่อย ประเทศไทยในปี 62 เป็นของประเทศไทย 90% เป็นของต่างประเทศประมาณ 10% ต่างประเทศ กัมพูชา ลาว ต่อสินเชื่อในต่างประเทศปีนี้ของเราคือโต 100%  เพราะปีที่แล้วเราโต 127 เปอร์เซ็นต์ ปีที่แล้วอยู่ที่ 900 ล้าน ปีนี้สินเชื่อต่างประเทศน่าจะอยู่ที่ 1,800 ล้านเป็นอย่างน้อย ส่วนเป้าของเมืองไทย ต้องรอดูรัฐบาลนิดนึง

มีแผนที่จะทำสินเชื่อ Pre Loan หรือจำนำทะเบียนบ้างไหมอันนี้กำลังศึกษาอยู่ เราเคยขอ License นาโนไฟแนนซ์ จากที่เทสแล้ว 10 สาขา ก็ยังไม่ค่อยได้ผลตอบรับที่ดีนัก ทางแบงค์ชาติที่ให้ License มา ต้องการจะแก้ทางด้านหนี้นอกระบบแต่ก็ยังไม่เป็นไปตามแผนทางฝั่งกระทรวงการคลังก็เลยออกพิโก้ไฟแนนซ์มา

นาโนไฟแนนซ์กู้ได้ไม่เกิน 100,000 บาทดอกเบี้ยไม่เกิน 36 เปอร์เซ็นต์ ทุนจดทะเบียน 50 ล้านทำได้ทั่วประเทศ  พิโกไฟแนนซ์ 36 เปอร์เซ็นต์ ทุนจดทะเบียน 5 ล้าน ทำได้ใน จังหวัด แต่ห้ามมีหลักประกัน แบงค์ชาติกับกระทรวงการคลังได้เข้ามาดูเรื่องการจำนำทะเบียน เลยออกกฎหมายมาให้พิโกไฟแนนซ์ สามารถเอาหลักประกันเป็นทะเบียนมาจำนำได้แต่ห้ามเกิน 50,000 บาท ดบให้ที่ 36 เปอร์เซ็นต์ สำหรับคนที่จะทำที่มี License Personal Loan ก็สามารถปล่อยได้แต่ดอกเบี้ยห้ามเกิน 28 เปอร์เซ็นต์ มีออกกฎมาอีกว่าพิโกไฟแนนซ์ที่ไซส์ใหญ่ขึ้นคือทุนจดทะเบียน 10 ล้าน สามารถปล่อยได้ถึง 100,000  เพียงแต่ว่า 50,000 คิดดอกเบี้ยได้ 36 เปอร์เซ็นต์ จาก 50,001 บาทถึง 100,000 คิดดอกเบี้ยได้ 28% อันนี้เราก็ยังศึกษาอยู่

การเปิดในต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาสำหรับปี 2020 คาดว่าจะมีเพิ่มเข้ามาบ้าง ประเทศก็คงจะเป็นในอาเซียน

ถ้าพอต่างประเทศไปถึง 1,800 ล้าน พอร์ตรวมน่าจะเกิน 10,000 ล้านได้

ไมโครไฟแนนซ์ในพม่า ไปใหม่ๆคงยังไม่ได้ทำเยอะแยะ ช่วงแรกไปนิดๆหน่อยๆก่อน เพราะเราต้องแน่ใจในด้านกฎหมาย ว่าไม่มีปัญหา ถึงแม้เราจะศึกษามาแล้วแต่ก็ต้องดูภาคปฏิบัติ และต้องดูพฤติกรรมผู้บริโภคด้วย เพราะเรามั่นใจแล้วจึงจะค่อยขยายเพิ่ม

ที่ผ่านมาไม่ว่าเราจะเจอวิกฤตเศรษฐกิจ  สำรองของเราค่อนข้างพอ ifrs 9  เรามี General reserve มา 1 เปอร์เซ็นต์แล้ว ทำให้คิดว่าไม่ต้องตั้งเพิ่มอีกแล้ว ถ้าจะต้องตั้งเพิ่มก็คงไม่มากนัก แต่ตอนนี้ 6.1 เปอร์เซ็นต์เทียบกับลูกหนี้เช่าซื้อโดยรวม ถือว่าค่อนข้างเยอะแล้วเราตั้งเยอะแล้วเราไม่หักหลักประกัน ค่าใช้จ่ายทางการตลาดหรือค่าคอมมิชชั่นเราก็เอ็คซ์เท็นด์เลย เราไม่ใช้ alicization  เราไม่ใช้วิธีทยอยตัดใจไปกับลูกหนี้ บาลานซ์ชีสเราค่อนข้างคลีน Gearing เราค่อนข้างต่ำ ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจด้วย พอร์ตเราหมุนค่อนข้างเร็ว ดอกเบี้ยของเราจะเป็นดอกเบี้ยระยะยาวซะเป็นส่วนใหญ่ และเป็นดอกเบี้ย Fix เราลอคต้นทุนไว้ ดอกเบี้ย fix ของเรา 90 กว่าเปอร์เซ็นต์

เป้าหมายของเราอยากให้พอร์ตเช่าซื้อครึ่งนึงมาจากต่างประเทศ เป้าหมายระยะยาวของเราเป็นอย่างนั้น