วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

True Infra fund

CAT ระบุยังสงสัยในแผนการทำ Infra structure fund ของ TRUE เนื่องจากยังมีเสาโทรคมนาคมบางส่วนที่ยังมีความไม่ชัดเจนเรื่องกรรมสิทธิ์ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนของอนุญาโตตุลาการ

ความเห็น: TRUE ระบุมาตลอดว่าในสัญญา BTO ในการให้บริการระบบสัมปทานนั้นไม่ได้ระบุว่าต้องโอนเสาและสิ่งปลูกสร้างที่ติดกับตัวเสาคืนให้กับ CAT จึงมั่นในในกรรมสิทธิ์ในเสาทุกต้น



อย่างไรก็ตามในกรณีเลวร้ายที่สุดคือ อนุญาโตตุลาการตัดสินให้เสาเป็นของ CAT (คาดว่าจะรู้ผลก่อนหมดอายุสัมปทานในเดือน ก.ย. นี้) ซึ่งมีจำนวน 4,500 เสา (35% ของจำนวนเสาที่จะขายเข้ากองทุนทั้งหมด 13,000 ต้น) อิงราคาทุนเสาต่อต้นที่ 1.5 ล้านบาท หมายความว่า มูลค่าทุนของเสาทั้งหมดที่ราว 5 หมื่นลบ. จะเหลือ 4.33 หมื่นลบ. ทำให้มูลค่ากองทุนจะลดลงจาก 7 หมื่นลบ. เหลือ 6.1 หมื่นลบ. (40% พรีเมี่ยม จากราคาทุน) = มูลค่าลดลง 13% ซึ่งยังเป็นมูลค่าที่ทำให้ TRUE สามารถนำไปชำระหนี้ได้ และทำให้ฐานะการเงินแข่งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 


อันนี้จาก ASP 24/7/2013





อันนี้จาก KKS 




TRUE by mBKET 24/7/2013

ที่ประชุมคณะกรรมการ TRUE เห็นชอบการเข้าทำธุรกรรมกับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโดยมูลค่ารวมขนาดของรายการไม่น้อยกว่า 70,000 ล้านบาท โดยใช้สินทรัพย์จากเสาโทรคมนาคม, Fiber optic และเสาคลื่น HSPA รายละเอียด
1 ขายทรัพย์สิน
(1) เสาโทรคมนาคม (ซึ่งรวมทั้งเสาที่ตั้งบนพื้นดินเสาที่ตั้งบนดาดฟ้าและโครงข่าย Distributed Antenna System) จำนวนประมาณ 13,000 เสา
(2) โครงข่ายใยแก้วนำแสง (Fiber OpticCable, "FOC") อุปกรณ์ระบบสื่อสัญญาณ จำนวน 45,000 คอร์กิโลเมตร (core-km) และ 9,000 ลิ้งค์ และ
(3) โครงข่ายบรอดแบนด์ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด มีจำนวน 1.2 ล้านพอร์ต
2.ขายสิทธิรายได้ สิทธิในการรับประโยชน์จากรายได้ที่เกิดจากการให้เช่าอุปกรณ์ 3G HSPA (Node B และอุปกรณ์โครงข่ายหลัก) จำนวน 13,500 สถานีฐาน
3.ให้เช่าทรัพย์สิน เสาโทรคมนาคม ไม่เกิน 100 เสา

หากธุรกรรมนี้เกิดขึ้นได้และมูลค่ารวม 70,000 ล้านบาท + กับความสามารถในการกู้ยืมของกองทุน Infra ที่ DE สูงสุดไม่เกิน 3 เท่าตามเกณฑ์เดียวกับ BTSGIF (กล่าวคือกู้ได้ 210,000 ลบ.) เราสมมติฐานเบื้องต้นเพียง 30,000 ลบ. และกองทุนให้ผลตอบแทน 8% และนำเงินที่ได้จากกองทุน 50% ไปชำระหนี้จะทำให้ TRUE มีกำไรพิเศษจากกองทุนราว 2 – 3 หมื่นล้านบาทในปีนี้ และ หนี้ที่มีดอกเบี้ยต่อทุนลดลงจากราว 7 เท่า หรือเพียง 1.5 – 2 เท่า และทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อปีลดลงอย่างมีนัยสำคัญเป็นบวกต่อประมาณการกำไร

เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมายต่อหุ้น TRUE ในเชิงบวก และประเด็นนี้หากทำสำเร็จจะทำให้ปัจจัยพื้นฐานหุ้น TRUE เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ และConsensus ในตลาดอาจมีมุมมองบวกต่อ TRUE มากขึ้น เบื้องต้นยังคงแนะนำ Trading buy เป้าหมาย 10.10 บาท 


24/7/2013
"ทรู"ตั้งกองทุนรวม 7 หมื่นล้าน! ผนวกสินทรัพย์-โครงข่าย3จีให้นักลงทุนฮุบ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

บอร์ดทรูไฟเขียวผุดกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 70,000 ล้านบาท ตามรอยบีทีเอส พร้อมทั้งขายหุ้นบริษัทย่อย 8 แห่ง ได้เงิน 5.39 พันล้านบาท นำเงินใช้หนี้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนผู้สื่อข่าวรายงานวานนี้ (23 ก.ค.) นายอธึก อัศวานันท์ รองประธานกรรมการ และหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกฎหมายบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า คณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 19 ก.ค. อนุมัติการขายทรัพย์สินและรายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เพื่อจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่าโครงการไม่น้อยกว่า 70,000 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่จะจำหน่ายเข้ากองทุนคือ 1.เสาโทรคมนาคม 13,000 เสา 2.โครงข่ายใยแก้วนำแสง อุปกรณ์ระบบสื่อสัญญาณ 45,000 คอร์กิโลเมตร และ 9,000 ลิงค์ 3.โครงข่ายบรอดแบนด์ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด 1.2 ล้านพอร์ตส่วนทรัพย์สินที่เป็นสิทธิรายได้ประกอบด้วย สิทธิในการรับประโยชน์จากรายได้การให้เช่าอุปกรณ์ 3G HSPA จำนวน 13,500 สถานีฐาน และสิทธิให้เช่าทรัพย์สินเสาโทรคมนาคมไม่เกิน 100 เสา โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างขออนุมัติจัดตั้งกองทุนฯ กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มี บลจ.ไทยพาณิชย์เป็นผู้จัดการกองทุน และมีบริษัท เจวีเอส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ทั้งนี้ ภายหลัง ก.ล.ต.อนุมัติให้จัดตั้งกองทุน บริษัทฯมีแผนที่จะจองซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนประมาณ 33.33% ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมดนอกจากนี้ คณะกรรมการมีมติให้บริษัทขายหุ้นในบริษัทย่อยที่มิใช่ธุรกิจหลักของบริษัทจำนวน 8 บริษัท ออกไป ทำให้บริษัทได้รับผลตอบแทนคิดเป็นเงินรวม 5,754.20 ล้านบาท เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างทางธุรกิจให้มีความชัดเจนและรองรับการจัดโครงสร้างของกลุ่มบริษัทในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ สำหรับผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวไปชำระหนี้สินบางส่วน ซึ่งจะช่วยปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัทให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอันจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนขยายธุรกิจต่อไปในอนาคตได้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข่าวดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นทรู TRUE ปรับตัวร้อนแรงในทันทีที่เปิดตลาด โดยขึ้นไปสูงสุดที่ 9.40 บาท ก่อนปิดที่ 9.35 บาท บวก 0.60 บาท ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 3,025 ล้านบาท บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า การออกกองทุนฯถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเชิงโครงสร้างทางการเงินของทรู ซึ่งประเมินเบื้องต้น คาดอัตราส่วนหนี้สินจากสถาบันการเงินต่อทุน จะลดลงจาก 7.6 เท่าเหลือเพียง 2.0 เท่าด้านนักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ถ้าทรูออกกองทุนฯได้จริง จะทำให้พื้นฐานของทรูดีขึ้นทันที คาดว่าจะขายได้เงินประมาณ 70,000-100,000 ล้านบาท หากนำเงินไปใช้หนี้ 50% ที่มีอยู่กว่า 90,000 ล้านบาท จะลดดอกเบี้ยจ่ายได้ปีละ 3,000 ล้านบาท จากที่ต้องจ่ายปีละ 6,000 ล้านบาท นอกจากนี้ทรูยังได้ประโยชน์จากการเช่าสินทรัพย์กลับมาทำธุรกิจทำให้ค่าเช่าที่ต้องจ่ายต่ำกว่าค่าเสื่อมราคาที่ทุกวันนี้สูงถึงปีละ 18,000 ล้านบาท อันจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นทันที

(ความเห็นส่วนตัว ใครเป็นคนรับภาระค่าเสื่อมแทนทรู ในเมื่อค่าเช่าต่ำกว่าค่าเสื่อม แปลว่าให้กองทุนแบกต้นทุนค่าเสื่อมไว้ ผถห กองทุน ซวยไปงั้นสิ
ตัวอย่าง ทรัพย์สิน 1ชิ้น ราคา 1ล้านใช้งานได้ 10ปี เท่ากับค่าเสื่อมปีละ 100,000 แต่เอาไปให้เช่าได้ค่าเช่าต่ำกว่าค่าเสื่อมเช่น ให้เช่า ปีละ 50,000  พอครบ 10ปี รวมได้ค่าเช่า 500,000  หมดอายุการใช้งานต้องลงทุนปรับเปลี่ยนใหม่ เท่ากับ ที่ผ่านมา ทุน 1M เก็บค่าเช่าตลอดอายุใช้งานได้ 0.5M  ใครขาดทุน ใครกำไร  ผู้ได้เช่ากำไรไป เจ้าของทรัพย์สินขาดทุนไป )

นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดว่าภายในปีนี้ กระบวนการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานของทรูน่าจะเสร็จสิ้นลงได้ โดยหลังจากบอร์ดให้การอนุมัติในหลักการแล้ว ก็จะเริ่มดำเนินการก่อตั้งกองทุนเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย “การจัดกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของทรูในครั้งนี้ ถือเป็นกองทุนแรกของประเทศไทยที่นำโครงข่ายโทรคมนาคมมาเพื่อใช้ในการระดมทุน ซึ่งที่ผ่านมามีการจัดตั้งมาก่อนหน้านี้แล้วหลายประเทศทั่วโลก ล่าสุดในฮ่องกงโดยกลุ่มบริษัทโทรคมนาคมของมหาเศรษฐี นายลีกาชิง ก็ประสบความสำเร็จด้วยดี”.
มูดี้ส์ลดเครคิตหุ้นทรู!‘ศุภชัย’ลั่นล้างขาดทุน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2556 
มูดี้ส์ทำหุ้นป่วนท้ายตลาด ปรับลดอันดับเครดิตหุ้น TRUE จาก “เสถียรภาพ” สู่ “เชิงลบ” ด้านลูกชายเจ้าสัว “ศุภชัย เจียรวนนท์” ประกาศเปรี้ยง! ปีนี้ล้างขาดทุนเกลี้ยง แถมปี 57 จะจ่ายปันผลโชว์ พร้อมเร่งปรับโครงสร้างทางการเงินมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือด้านองค์กรของ TRUE ที่ระดับ B2 และคงอันดับความน่าเชื่อถือด้านองค์กร และอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ์ไม่มีประกันของบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ไว้ที่ระดับ B2อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ปรับลดแนวโน้มของอันดับความน่าเชื่อถือทั้งหมดสู่ระดับ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ"มูดี้ส์ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือสะท้อนถึงฐานะการเงินที่ย่ำแย่ลงของทรู คอร์ป อันเป็นผลจากความจำเป็นที่ต้องลงทุนในเครือข่ายและบริการ 3G และอุปสรรคด้านการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์มือถือของไทย ขณะที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั้ง 3 รายเปิดตัวบริการ 3G ภายใต้ใบอนุญาต 2.1GHz แล้วในปีนี้ด้านแหล่งข่าวจากบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE เผยว่า นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE ให้สัญญากับพนักงานและผู้บริหารของทรูว่า บริษัทจะสามารถจ่ายปันผลได้ภายในปีหน้า หลังจากล้างขาดทุนสะสมหมด“ลูกชายเจ้าสัวบอกกับผู้บริหารและพนักงานทรูว่าปีหน้าจะมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นและพนักงานที่ถือหุ้นทรู หลังจากที่ล้างขาดทุนสะสมในปีนี้หมดแล้ว” แหล่งข่าว กล่าวทั้งนี้ กลุ่มทรูมีความสนใจในการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากรัฐบาลยกเว้นภาษีเป็นระยะเวลา 10 ปี  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาในเชิงลึก ส่วนอีกหนึ่งประเด็น คือ ทรัพย์สิน โดยเฉพาะเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทรูมูฟ และทรูมูฟ เอช ที่มีอยู่ทั่วประเทศนั้นสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกทางหนึ่ง กล่าวคือ สามารถให้เอกชนที่สนใจเข้ามาใช้โครงข่ายร่วมกันเพื่อประหยัดต้นทุนในการบริหารจัดการ คาดว่าจะได้กำไรประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาทส่วนฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของทรู ณ วันที่ 31 มีนาคม 2556 มีสินทรัพย์รวม 1.81 แสนล้านบาท มีหนี้สินรวม 1.68  แสนล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 1.22 หมื่นล้านบาท  ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาสแรก มีรายได้รวม 2.42 หมื่นล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 1.11 พันล้านบาทโดยผู้บริหารเผยว่าอยู่ระหว่างศึกษาทางเลือกในการปรับโครงสร้างทางการเงิน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของฐานะการเงิน จากปัจจุบันที่มีหนี้สูงมาก รวม  1 แสนล้านบาท (Net D/E สิ้น 1Q13 เกือบ 8 เท่า) จาก 3 ทางเลือก ได้แก่
1.การทำ Infrastructure Fund จากสินทรัพย์ที่มีอยู่ เช่น เสาสัญญา โทรศัพท์มือถือ ที่มีทั้งหมด  14,000 ต้น เป็นของ TRUEMOVE 7,000 ต้น ที่เหลือเป็นของ BFKT และบริษัทย่อยที่ทำ 3G 2,000 ต้น และ 5,000 ต้น ตามลำดับ ซึ่งมีโอกาสที่จะทำ Infrastructure Fund (เพราะส่วนที่เป็นของ TRUEMOVE ส่วนใหญ่ยังอยู่ในข้อพิพาทกับกสท. เรื่องกรรมสิทธิ์) อย่างไรก็ตาม เราเกรงว่าอาจมีความยุ่งยากต่างๆ และมูลค่าเงินที่ได้อาจไม่มาก
 2.การหา Strategic partner และการขาย Non-core assets ต่างๆ บริษัทคาดว่าจะปรับโครงสร้างให้เสร็จภายในปีนี้ หากทางเลือกต่างๆ ดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จ มีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มทุน โดยขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (XR)                 นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทกำลังศึกษาเรื่องการออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นแนวทางแรก ถ้าผลศึกษามีความเป็นไปได้ ก็จะออกขายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างไรก็ตาม นายศุภชัยไม่ได้ระบุว่ากองทุนดังกล่าวจะมีมูลค่าเท่าใด และจะใช้สินทรัพย์ใดอ้างอิง ขณะที่แนวทางถัดไป จะเป็นเรื่องการหาพันธมิตรเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจ โพสต์เมื่อ 13th June
วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม 2556 เวลา 10:59:07 น. 
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าราคาหุ้นบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ณ เวลา 10.45 น. บวก 0.10 บาท หรือ 0.95% มาที่ 10.60 บาท สูงสุดที่ 10.70 บาท ต่ำสุดที่ 10.40 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 1.3 พันล้านบาท ด้านข้อมูลจาก www.settrade.com โบรกเกอร์ 1 แห่ง แนะนำ "ซื้อ", 2 แห่ง แนะนำ "ถือ" และ 6 แห่ง แนะนำ "ขาย" โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 5.24 บาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมลบ 0.93%บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ (27 พ.ค.) ว่า ราคาหุ้น TRUE ยังหุ้นเดินหน้าสร้างระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง แม้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำให้ขายมาตลอดเนื่องจากมีหนี้ระดับแสนล้าน ขณะที่ผลประกอบการมีแนวโน้ม ขณะที่วันพฤหัสที่ผ่านมาราคาทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี จึงเชื่อว่าจะมีนัยสำคัญซ่อนอยู่ในราคาหุ้นที่ปรับขึ้นต่อเนื่องสำหรับสิ่งที่ได้ยินมากในช่วงนี้คือเรื่องกองทุน Infrastructure fund ทั้งนี้การตั้งกองทุนดังกล่าว TRUE จะนำเสาส่งมาขายให้กองทุน ราคาทุนเสาต้นละประมาณ 1 ล้านบาท มูลค่าของเสาจะเพิ่มขึ้นมาจากการที่มีผู้มาเช่าเสาเพิ่ม อาจจะมีหลายรายมาใช้ร่วมกั  รวมทั้งค่าเช่าและสัญญาต่างๆ นักวิเคราะห์มองว่าราคาเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ต้นละ 3 ล้านบาท รวมทั้งหมดคิดเป็นมูลค่า 4.2 หมื่นล้านบาทหรือมากกว่า ซึ่งจะทำให้ TRUE ได้กำไรต้นละประมาณ 2 ล้านบาทหรือรวมเป็น 2.8 หมื่นล้านบาท ถ้าตั้งกองทุนได้ในปีนี้ ประโยชน์ที่จะได้รับคือเงินสดทั้งก้อนนำไปลดหนี้และหนี้ที่ลดไปทำให้ประหยัดดอกเบี้ยจ่ายได้ราว 3 พันล้านบาท  สรุปว่ากำไรน่าจะเกิดขึ้น 3.1 หมื่นล้านบาท หักด้วยผลขาดทุนในปี 56 ที่  2.8 พันล้านบาท คิดเป็น Net profit  ที่ 2.82 หมื่นล้านบาท คิดเป็น EPS 1.94 บาท ขณะที่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ  ADVANC และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC มีค่า PE 20 เท่า หากให้ค่า PE สำหรับ TRUE แค่ 10 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายที่ 19.40 บาท
ก.ล.ต.ชี้ไทยขึ้นเบอร์ 3 โลกหนุนลงทุนในกองทุน/เผย TRUE สนใจออก Infra fund
Posted on May 17, 2013นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า จากผลการศึกษาของของ Morningstar ที่ศึกษาประสบการณ์ในการลงทุนในกองทุนรวมของนักลงทุนจำนวน 24 ประเทศทั่วโลกในปี 56 ประเทศไทยจัดอยู่ในระดับ B หรือลำดับที่ 3 รองจากสหรัฐฯและเกาหลีใต้ เนื่องจากการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน อย่างเช่น การยกเว้นภาษีส่วนต่างกำไร การให้ลดหย่อนภาษีเงินได้จาการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนได้ผลตอบแทนสูงขึ้น ส่งผลให้การประเมินในหมวดกฎเกณฑ์การกำกับดูแลและภาษีอยู่ระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับหมวดอื่นอย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาครั้งนี่สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาของธุรกิจจัดการกองทุนไทยได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและรักษามาตรฐานการดำเนินงานไว้ได้ แต่ยังต้องมีเรื่องที่ต้องพัฒนาต่อไปอีกมาก โดย ก.ล.ต.มี 5 เรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ได้แก่ การเพิ่มทางเลือกการลงทุนในกองทุนรวมของนักลงทุนรายย่อยให้สามารถเลือกซื้อกองทุนระหว่างประเทศได้ โดยช่วงเริ่มแรกจะสามารถให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเลือกซื้อกองทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มได้ภายในปีนี้ ซึ่งภายในอีก 2 เดือนข้างหน้าจะมีการเซ็นสัญญา MOU กับประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์นอกจากนี้ ก.ล.ต.จะส่งเสริมให้มีผู้แนะนำและให้คำปรึกษาในการบริการวางแผนทางการเงิน (asset allocation) ให้กับนักลงทุนในการเลือกซื้อกองทุนที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยอยู่ระหว่างการออกแบบหลักสูตรในการอบรมที่ปรึกษาการลงทุน และการปรับปรุงเกณฑ์ในบางเรื่องให้มีความเท่าเทียม อย่างเช่นการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนรวมให้ดีขึ้น และปรับค่าธรรมเนียมให้มีความเท่าเทียมกันอีกทั้งยังสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในระยะยาวเกิดขึ้น โดยอาจให้มีการออมในการลงทุนเดือนละ 1,000 บาท ต่อ 1 หน่วยการลงทุน ทำให้ประชาชนเกิดนิสัยการออมเพิ่มมากขึ้น และยังนำเสนอกิจกรรมต่างๆที่สร้างความรู้และกระตุ้นให้ประชาชนหันมาสนใจการลงทุนมากขึ้นด้านทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT :Real Estate Investment Trust)  นายวรพลกล่าว ขณะนี้มีธนาคารที่แสดงความสนใจในการเป็น Trustee หรือผู้จัดการดูแลทรัพย์สิน ที่จะเข้ามาดูแลกองทุน REIT จำนวน 3 ราย และมีบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารอีก 1 ราย ยื่นเอกสารเข้ามาเพื่อเป็น Trustee  ส่วนเรื่องการการลดหย่อนภาษีหรือการยกเว้นภาษีในการโอนจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทุน REIT อยู่ระหว่างการเจรจากับกรมสรรพากรนายวรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางบมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น (TRUE) ได้มีความสนใจในการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยได้มีทีมที่ปรึกษาทางการเงินของ TRUE มาขอคำปรึกษากับ ก.ล.ต.ในการดำเนินการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน“ทางทรูก็มีความสนใจในการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ก็มีทีมที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทเข้ามาขอคำปรึกษาในการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานกับเรา แต่รายละเอียดอื่นว่าจะเป็นยังไงต้องไปถามกับทางทรู”นายวรพล กล่าวที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์