วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

OPPDAY TK 1Q62 21/5/2019

OPPDAY TK 1Q62 21/5/2019
tk ล่าสุด ไตรมาส1 สินเชื่อเช่าซื้อรวมของเราอยู่ที่ 9 พันล้าน เป็นรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย 7,523 ล้าน แล้วก็เป็นบริษัทลูก ที่อยู่ในต่างประเทศคือชื่อโชสะแดงไฟแนนซ์ อยู่ที่กัมพูชาอยู่ที่ 851 ล้าน แล้วก็เป็นสบายดีที่อยู่ที่ลาวอีก 221 ล้าน เป็นครั้งแรกเป็นไตรมาสแรกที่สินเชื่อลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในต่างประเทศทะลุพันล้านไปแล้ว น่าจะอยู่ที่ 1,070 ล้าน ซึ่งภายในปีนี้เรามีเป้าที่เราได้ให้ไปแล้วตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ว่าในต่างประเทศที่เราน่าจะโตมา 100%  ไตรมาสแรกเราก็โตขึ้นมาได้พอสมควร ส่วนบริษัทอีกบริษัทนึง มิงกะลาบา ฐิติกรไมโครไฟแนนซ์ เราได้ทำการขอใบอนุญาตจากทางการพม่ามาพักใหญ่แล้ว ก็ข่าวดีนะครับเราได้รับอนุมัติให้เปิดไมโครไฟแนนซ์ในพม่าแล้ว อนุมัติทั้งหมด 3 สาขานะครับที่ bago นะครับบาโค นี่ออกจากย่างกุ้งไปประมาณ 160 กิโลเมตร ถ้าเป็นคนไทยก็จะรู้จักในนามของชื่อหงสา ซึ่งอันนี้ก็เป็นนิมิตหมายที่ดีเพราะว่าเราก็อยากจะเปิดที่พม่ามาพักใหญ่แล้ว ส่วนบริษัทอื่นๆ เช่น ชยยะภาค เราให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์  อยู่ที่ 405 ล้านนะนี่ก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นะครับเพราะว่าก็ถ้าท่านนักลงทุนหรือท่านผู้ถือหุ้นก็จะเห็นว่าการแข่งขันรถยนต์เนี่ยหลังๆก็จะค่อนข้างรุนแรงขึ้นนะครับโดยเฉพาะ ตอนนี้เนี่ย  รถยนต์มันจะมีพวกดาวน์ 0% เป็นผ่อนยาวๆ 72 เดือน 80 เดือน ทางธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วก็กระทรวงการคลังก็มีเริ่มมีความเป็นห่วง อย่างปีที่แล้วเนี่ยสินเชื่อเช่าซื้อสินเชื่อผ่อนบ้านด้วยก็มีอัตราโตค่อนข้างสูงนะครับตอนนี้เนี่ย น่าจะอยู่ระหว่างตัวเลขผมจำไม่ผิดนะครับแล้วก็อยู่ประมาณ 2 ล้านล้าน ค่อนข้างเยอะพอสมควรรถยนต์อยู่ประมาณ 1ล้านล้านบาท ก็ถือว่าสูงมาก ทางธนาคารประเทศไทยก็ได้มีกฎออกมาเพื่อคนจะซื้อบ้านหลังแรกหลังที่ 2 ราคาเกินเท่าไหร่จะต้องมีเพิ่มเงินดาวน์แล้วก็จะเห็นได้ว่าไตรมาสที่ 4 น่าจะเริ่มคนก็รีบโอน ไตรมาส 1 คนก็เร่งโอนต่อ เพราะว่าเงินดาวน์เพิ่มขึ้น  ให้เพิ่มขึ้นเดือนเมษายน  ซึ่งเงินดาวน์เนี่ยตอนนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยหรือทางภาครัฐก็กำลังจะมาดูรถยนต์เหมือนกันเพราะรถยนต์เนี่ยก็  มียอดเช่าซื้อเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูงนะครับแล้วก็ก็ทางการ เป็นห่วงว่าหนี้ครัวเรือนเนี่ยที่มันเคยสูงสุดอยู่ที่ราวๆ 80 เปอร์เซ็นต์ของ GDP มันลดค่อยๆเพราะมันสูงสุดขึ้นไปเนี่ยลดลงมาได้ทีละนิดทีละนิดทีละนิด ไตรมาส 3 ปีที่แล้วเนี่ยอยู่ที่ 77.5 เปอร์เซ็นต์นะครับแล้วก็ไกลมากสุดท้ายปีที่แล้วมันขึ้นไปประมาณ 78 เปอร์เซ็นต์นะครับผมก็ มั่นใจว่าไตรมาส 1 ปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นจาก 78% ขึ้นไปอีกเพราะว่าคนเร่งที่จะรีบโอนบ้าน เพราะฉะนั้นหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ก็จะขยับสูงขึ้นเพียงแต่ว่าคาดว่าก็คงจะค่อยๆชะลอตัวลงเพราะหลังจากที่คนรีบโอนบ้านไป ซึ่งมันเป็นสินค้าที่มีราคาสูง น่าจะทยอยลดลงมา

ถ้าเกิดมาดูประวัติของเรา เราก็เปิดมาปีนี้เป็นปีที่ 40 ใกล้จะ 50 เข้าไปทุกทีแล้ว ก็ถือว่าเป็นคนก็กำลังหนุ่มใหญ่นะครับตอนนี้เราก็ขยายไปต่างประเทศหลายๆประเทศที่ที่เมื่อกี้เรียนไปแล้วตอนนี้มีอยู่เมืองไทยมา 46 - 47 ปีนะครับ  ก็ไปอยู่ต่างประเทศมาไม่กี่ปีที่ผ่านมาแต่ตอนนี้ก็ปักธงได้เป็นประเทศที่สามคือ เมียนมาร์แล้วนะครับ ก็เราไม่มีปัญหาเรื่องเราไม่เคยเป็นเป็นลูกหนี้ที่มีปัญหากับสถาบันการเงินนะครับตอนนี้เรามีทั้งหมด 93 สาขา 57 จังหวัดในประเทศไทย ณ ไตรมาสนี้ ตปท เรามี 9 สาขา ก็มี 6 สาขาในกัมพูชา แล้วก็มี 3 สาขาในลาวซึ่งเมื่อกี้ผมเรียนไปแล้วว่ากัมพูชาปีนี้จะเปิดเพิ่มขึ้นอีก 6 นะครับ ลาวเปิดขึ้นอีก 3 ดังนั้นสองประเทศนี้เราจะเพิ่มสัดส่วนได้ค่อนข้างดีนะครับ ส่วนทุนเราอยู่ที่ประมาณ 5,050 ล้าน D/E ก็อยู่แค่ 1.1 เท่านั้นเองแล้วเราก็ได้ เรตติ้ง a ลบมาหลายปีแล้ว

มาดูยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยนะครับถ้าดูในกราฟนี้จะเห็นว่าสัดส่วนยอดขายรถจักรยานยนต์ที่อยู่ในประเทศไทยใน 75% ในมาจากในเขตต่างจังหวัด แล้วก็ 25% อยู่ในเขตกรุงเทพฯซึ่งสัดส่วนนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมาตลอด ถ้าดูตัวเลขรวม 2016 กับ 2017 เนี่ยก็จะเห็นว่าตัวเลขได้เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 4% นะครับ  ปีที่แล้วเนี่ยไปต่อไม่ไหว เพราะเนื่องจากครึ่งปีแรกไปได้ค่อนข้างดีแต่ครึ่งปีหลัง เริ่มมีการชะลอตัวนะครับเป็นเพราะว่าหนึ่ง ก็มีเรื่องแล้งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สอง ก็คือเรื่องของราคาน้ำมันซึ่งมีราคาปรับตัวลดลงนะครับทำให้สินค้าเกษตรมีราคาลดลงทำให้การบริโภคภายในประเทศก็ชะลอตัวลงไป

ปีที่แล้วตลาดรถ จักรยานยนต์โดยรวมอยู่ที่ 1,788,000 กว่าคัน ลดลงประมาณ 1.2 เปอร์เซ็นต์นะครับปีนี้ผู้ผลิตรายใหญ่ก็คาดว่าน่าจะลดลงอีกประมาณ 3-4 เปอร์เซ็นต์ครับอยู่ที่ประมาณล้าน 1,720,000 นะครับไตรมาสแรกอยู่ที่ 462,205 คันเทียบกับไตรมาสปีที่แล้วในช่วงเดียวกันนะครับลดลงประมาณ 0.6 เปอร์เซ็นต์แต่ 4 เดือนอยู่ที่ 582,000 กว่าคัน ลดลง ลงประมาณ 0.7 เปอร์เซ็นต์แล้วก็จะเห็นได้ว่าเดือนเมษายน การลดลงมันก็เพิ่มขึ้นบ้างนะครับว่าเมษายนนี้เป็นวันหยุดขึ้นตั้งเยอะนะครับก็เป็นเรื่องปกติที่จะยอดขายก็จะไม่สูงมากนักนะครับ แต่แนวโน้มแน่นอนครับปีนี้ตลาดรถจักรยานยนต์คงชะลอตัวลงไปบ้าง เพราะหลายปีก่อนจะมีปัญหาเรื่องภัยแล้งที่หนักที่สุดในรอบ 50 ปี  ปีนี้เนี่ยถ้าดูตามหน้าหนังสือพิมพ์จะเห็นว่าเขื่อนหรือว่าอ่างเก็บน้ำแม่มีจำนวนน้ำที่น้อยมาก ซึ่งเขาบอกว่าอาจจะแล้งเป็นรอบหนักที่สุดในรอบ 30 ปี เพราะฉะนั้น ตรงนี้ก็จะกดดันภาคเกษตรเพราะว่าถ้าไม่มีน้ำก็คงจะเพาะปลูกไม่ได้  เพาะปลูกไม่ได้เนี่ยจะหนักกว่านะครับน้ำท่วมอีกด้วยซ้ำเพราะว่าจะไม่มีสินค้าออกมาขาย

ยอดขายรายเดือนของตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศ เดือนเมษายนน่าจะเป็นเดือนที่มียอดขายค่อนข้างน้อยครับ มันก็จะลงมามากกว่าปกติ อาจจะดูไม่ค่อยตามที่สมัยก่อนเป็น คือปกติเนี่ยไตรมาส 1 น่าจะขายดีเพราะว่าหลังจากที่มีโบนัส  แต่ 3-4 ปีที่ผ่านมามันไม่ค่อยดีนัก แล้วก็ไตรมาส 2 นี้ก็จะหดตัวลงมาบ้างเพราะว่าจะมีวันหยุดเยอะ แล้วก็ เดือนเมษายนมีวันหยุดเยอะ เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนเปิดเทอม แล้วพอเข้าไตรมาส 3 นี้เป็นหน้าฝนเป็นหน้าเพาะปลูกคนก็จะชะลอการซื้อไปบ้าง แล้วก็ไตรมาส 4 แล้วจะเก็บเกี่ยวได้คนก็จะเริ่มกลับมาซื้อ เพราะฉะนั้น 4 กับ 1 ปกติจะเป็นไตรมาสที่สูงแต่ว่าถ้าดูแล้วก็จะไม่ค่อยเห็นเช่นนั้นเท่าไหร่ ที่ผ่านมามันก็มีภาวะซึ่งผิดปกติค่อนข้างเยอะ ยอดขายรถจักรยานยนต์ในเขตกรุงเทพฯ ก็จะเห็นได้ว่าปีที่แล้วก็ลดลงเหมือนกัน ก็ตามการตลาดรวม แต่ปีนี้เนี่ยถ้าดูไตรมาส 1 กรุงเทพฯมียอดขายอยู่ 120,000 ล้านกว่าบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1.9% เพราะฉะนั้น ในกรุงเทพฯเนี่ยมันจะไม่ค่อยมีภาวะเรื่องแล้งอะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง คนจะมีเงินเดือนประจำหรือว่าทำอาชีพที่มีเงินมีเงินเดือนมีรายได้ค่อนข้างแน่นอนไม่ได้เกี่ยวกับฟ้าฝนเท่าไหร่ และมาดู 4 เดือนนะครับอยู่ที่ 152,000 ลบ ก็เพิ่ม ขึ้นจากปีที่แล้วในช่วงเดียวกันประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ แน่นอนคู่แข่งรายใหญ่หรือคนที่ให้บริการเช่าซื้อ เวลาเริ่มต้นก็จะเริ่มที่กรุงเทพฯเพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็จะไม่ค่อยกระทบมาก เวลาตกก็จะตกช้ากว่าเวลาฟื้นก็จะฟื้นเร็วกว่าโดยปกติ

รถที่ขายอยู่ในประเทศไทย ก็จะเห็นมีเมื่อก่อนก็จะมีอยู่ไม่กี่ประเภท เดี๋ยวนี้จะเห็นรถรุ่นหลากหลายเพิ่มขึ้น  ยี่ห้อหลากหลายเพิ่มขึ้นซึ่งเมื่อก่อนมีแต่รถที่มาจากประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก ตอนนี้ก็มีรถจากยุโรป ออกมาขายมากขึ้นแล้วก็รุ่นก็จะมีให้เลือกมากมายมากขึ้น  ก็จะเห็นว่ามีโรงงานหลักๆก็จะมีโรงงานที่มาที่ประกอบเข้ามาที่ในประเทศไทยก็อย่างเช่น Triumph ก็มาแล้ว Ducati ก็มาเห็นเห็นว่า Harley Davidson ก็จะมานะครับประเทศไทย เพราะฉะนั้นเราก็เป็นศูนย์กลางของการประกอบทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพราะ เรามี part supplier ให้เลือกหลากหลายแล้วก็ประเทศเราก็สามารถส่งไปขายได้ในอาเซียนนะครับหมายถึงใน AEC  ภาษีก็ได้รับยกเว้นด้วยคนก็ใช้เป็นฐานการผลิต โดยเฉพาะรุ่นที่มีราคาแพงขึ้นมาหน่อย อย่างญี่ปุ่นก็ย้ายฐานการผลิตรถที่มี CC สูงๆมาในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ สมัยก่อนก็จะผลิตไม่เกิน 150 cc หลังๆน่าจะมี CC ใหญ่ๆเพิ่มขึ้น ก็เป็นผลดีกับผู้บริโภคในประเทศ

ตรงนี้เนี่ยมันก็ไม่เชิงรถสปอร์ตมันก็ไม่ใช่บิ๊กไบค์ทีเดียวเพราะว่าถ้าบิ๊กไบค์ในส่วนใหญ่มันก็ต้อง 500 ซีซีขึ้นไปแต่ส่วนใหญ่รถที่ขายดีจะเป็นพวกรถที่มีราคาเกิน 50,000 บาทขึ้นไปนะครับ ส่วนใหญ่ก็จะประมาณไม่เกินแสนนึง รถที่เกินแสนนึงขึ้นไปเนี่ยยอดขายตรงนั้นเป็นจำนวนไม่มาก ก็จะเห็นว่ายังไม่ดัง ที่มาผลิตในเมืองไทยรุ่นแปลกๆเยอะขึ้นเนี่ยก็จะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น คนก็อยากจะลองรถใหม่ๆพวกนี้นะครับแล้วก็จะสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดก็ยังเป็นรถครอบครัวอยู่ ซึ่ง คนใช้เขาเรียกว่ารถผู้หญิง สมัยก่อนเขาจะมีตะกร้าอยู่ข้างหน้าแล้วเลี้ยวไปจ่ายตลาดนะครับซื้อง่ายขายคล่องประหยัดน้ำมัน สำหรับรถสกูตเตอร์ก็จะได้รับความนิยมขี่สะดวกสบายไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์

ดู 2 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ก็จะเห็นว่าสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นพอสมควรคือรถ Family คือขึ้นมาถึง 53% ถามว่าตอนนี้มีนัยยะยังไงคือว่าเวลาเศรษฐกิจไม่ค่อยดีนักในคนก็จะซื้อของที่มีราคาลดลงน ก็จะเห็นว่าพวกรถสกู๊ตเตอร์เนี่ยก็จะกระทบทั้งที่เมื่อก่อนเคยขึ้นไปถึง 50 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้วมันก็ลดลงมาอยู่มาตั้ง 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ 36-37 เปอร์เซ็นต์

รถที่มีราคาแพงขึ้นมาหน่อยที่นี่เมื่อก่อนเคยขึ้นไปสูงสุดในหน้านี้ที่อยู่ 49% ตอนนี้ล่าสุดก็อยู่ราวสัก 10% ก็คือคน Trade down หรือซื้อของที่มีราคาถูกลงเพราะว่าเน้นความคุ้มค่ามากกว่านะ 

ก็อย่างที่ผมเรียนไปว่าพอมีเรื่องแล้ง แล้วก็  ก็คือมีเรื่องราคาน้ำมันซึ่งลดลงไปทำให้สินค้าเกษตรและก็ราคาก็จะลดลงไปด้วย อีกประเด็นหนึ่งก็คือเรื่องเรื่องการส่งออก เพราะว่าไทยเราก็เน้นเรื่องเราก็พึ่งพาการส่งออกประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของ GDP  ปีที่แล้วในช่วงครึ่งปีแรกส่งออกไปได้ค่อนข้างดี ครึ่งปีหลังเริ่มชะลอตัวโดยเฉพาะมีเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนกับอเมริกา ช่วงแรกๆเนี่ยพวกคนบอกไม่เห็นมีอะไรเลยเพราะว่ายอดส่งออกเราไปจีนนี้ดีมากเลย ใช่ เพราะว่าตอนนั้นจีนก็ต้องผลิตของเพื่อส่งขายอเมริกาพอส่งขายอเมริกาตอนช่วงก่อนที่จะคริสต์มาสซึ่งเป็นช่วงที่เขาช้อปปิ้งเยอะที่สุด หลังจากที่ส่งมอบไปเสร็จปุ๊บตอนนั้นตั้งแต่เดือนถ้าจำไม่ผิดตุลาคมเป็นต้นมาเนี่ยยอดส่งออกเราไปจีนก็ตกมาเรื่อยๆตกมาตลอดถึงวันนี้  ล่าสุดนี้ก็จะเห็นถ้าดูตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็บอกว่าแบล็คลิส Huawei ได้ไม่กี่วันตอนนี้ก็มาบอกว่าไม่เอาแล้วหุ้นตกเยอะ ประธานาธิบดีจีนก็ไปไปดูโรงงานที่ผลิตพวก rare earth ที่เอาไว้ทำพวกสินค้าไฮเทคทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่หรือและอยู่ในพวกโทรศัพท์ที่จีนเขาส่งออกเป็นเยอะเป็นอันดับต้นๆของโลกก็บอกว่าอย่างนี้ อาจจะไม่ส่งออกไปไปอเมริกาและทั่วโลกด้วย ถ้าบีบบังคับเขาเยอะๆพร้อมก็ออกมาบอกว่าเอางี้เดี๋ยวขอดีเลย์แบล็คลิส Huawei ไปก่อน 90 วันนะครับซึ่งอันนี้ก็จะทำให้เห็นว่ามันมีความเปราะบางในในในการค้าขายระดับโลกเยอะนะครับเพราะว่าเราก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ยังไงแน่
เนื่องจากอเมริกาเป็นประเทศผู้ซื้อที่ใหญ่ที่สุดในโลกนะครับจีนก็เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในโลกเหมือนกัน 2 มหาอำนาจนี้เขาทะเลาะกันเราก็ต้องมีปัญหาแน่นอนนะครับ

เราก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ตื่นมาทรัมป์จะพูดอะไรบ้าง หลายๆคนก็ยังบอกเลยว่านักวิเคราะห์หลายคนก็บอกว่า ดีไม่ดีทรัมป์ก็ยังไม่รู้เลยว่าทรัมป์จะพูดอะไรด้วย ก็กลับไปกลับมาซึ่งอันนี้มันก็เป็นประเด็นซึ่งทำให้มีปัญหากับเศรษฐกิจเหมือนกัน เพราะว่าคาดเดาได้ค่อนข้างยาก มาดูตลาดรถยนต์ในบ้านเรา หลังจากที่เรามีรถคันแรกปี 2012 นะครับ ปีนั้นก็ขึ้นไปสูงสุดที่ 1,400,000 คันปี 2013 ก็ลดลงหลังจากที่เราส่งมอบไปครึ่งปีแรก หลังจากนั้นก็ตกมาตลอดเลย มาฟื้นจริงๆก็ปี 2017  2018 เนี่ยขึ้นไปถึง 1,040,000 หลายๆคนก็บอกว่าตลาดฟื้นแล้วเพราะว่าคนที่ผ่อนปี 2012 นะครับมาครบ 2017 คนที่ผ่อน 2013 ครบ 2018 เพราะฉะนั้นมีตลาดฟื้นแล้วแน่นอน มาตั้งเยอะตั้ง 1.04 ล้านกว่าคัน แต่ก็ถ้าถามผมส่วนตัวผมคิดว่าตลาดยังไม่ฟื้นดีมากขนาดนั้น เป็นเพราะว่าอะไรเพราะว่าถ้าตลาดฟื้นดีจริงๆเงินดาวน์คงจะไม่ลดลงมาเป็นดาวน์น้อยผ่อนนานๆ

สมัยก่อนถ้าทุกท่านจำได้เคยซื้อรถสมัยก่อนก็ผ่อนกัน 48 งวดก็คือ 4 ปีแล้วก็ก็เพิ่มมาเรื่อยๆเพิ่มมาเรื่อยๆจนตอนนี้บางรุ่นเนี่ยที่ขายยากๆอาจจะเพิ่มมีผ่อน 84 งวด บางทีก็ไม่มีเงินดาวน์ ไม่มีคนค้ำมาเลย เนี้ยมันก็ยาวๆมันก็ผิดปกติวิสัย ตลาดรวมมันดีแต่ว่าโดยรวมก็ยังมีการแข่งขันเพื่ออยากจะได้ลูกค้าก็ยังสูงอยู่  ซึ่งอันนี้ก็อาจจะเป็นการแข่งขันซึ่งมากกว่าผิดมากกว่าปกติ ที่เรียนไปแล้วทำให้ทางการก็เริ่มเป็นห่วงว่า สินเชื่อบ้านเนี่ยมันก็เริ่มโตเยอะชักจะเริ่มมีคนมีหนี้เสียบ้างเยอะพอสมควร รถยนต์ก็โต  แล้วก็เลยตอนนี้ก็มาเฝ้าระวังว่ารถยนต์จะเป็นยังไง ก็อาจจะออกมาคล้ายๆกับบ้านสินเชื่อบ้านเหมือนกันว่าจะเพิ่มเงินดาวน์หรือเปล่า นี้ก็ตอบไม่ได้ ก็คงดูอยู่แต่แน่นอนครับปีนี้ปกติสินค้ารถยนต์เป็นคนที่มีหลักมีรายได้สูงกว่าเวลาเศรษฐกิจไม่ดีน่าจะตกช้ากว่ารถจักรยานยนต์ 

แต่ปีนี้ดูสิครับว่าผู้ผลิตรายใหญ่ก็บอกว่าปีนี้ตลาดรถยนต์ก็จะตกประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านซึ่งเมื่อเทียบ   รถจักรยานยนต์คือปีนี้ก็จะตกทั้งคู่และล่าสุดวันนี้ทางการก็เพิ่งประกาศออกมาว่าดาวน์ไซส์ GDP ตอนนี้กำลังปรับเป้าจีดีพีลดลงมาแล้วก็ปรับเป้าส่งออกลดลงมาซึ่งมันก็น่าจะต้องกระทบจากการใช้จ่ายในประเทศเหมือนกัน

ซึ่งตอนนี้ผมว่าก็ต้องอยู่ในภาวะที่ต้องระมัดระวังด้วยนะครับถ้ามาดูไตรมาสแรกนะครับของรถยนต์เนี่ยอยู่ที่ 263,000 คัน เทียบกับปีที่แล้วในช่วงเดียวกันในปี 11% ถามว่าทำไมถึงโตมากนัก ก็จะเห็นว่าทุกคนก็เร่งขายเพราะว่ามาเก็ตแชร์นะครับทุกคนก็อยากได้มาเก็ตแชร์

แต่ถ้ามาดูของรถยนต์เส้นมันดูง่ายสะอาดตานะครับจะเห็นว่ามันจะมีอยู่ 2 พีคนะครับสมัยก่อนจะมีอยู่พีคเดียวจะเป็นพีคเดือนเดือนธันวาคม ถามว่าเป็นเพราะอะไรเพราะทุกคนต้องการมาร์เก็ตแชร์นะครับสิ้นปีทำมาร์เก็ตแชร์ให้เยอะที่สุด คล้ายๆจะดีก็จะพยายามจะแจ้งยอดขายเยอะที่สุดในเดือนธันวาคมแล้วก็จะเป็นปกติครับเดือนมกราคมก็จะหดตัวลงมานะครับอันนี้ก็เป็นเรื่องปกติแต่หลังๆเนี่ยมันจะมีอีกพีคนึง พีคเล็กหน่อยก็คือเดือนมีนาคม ถามว่าเกิดอะไร ผู้ผลิตรายใหญ่ที่อยู่ในประเทศไทยเป็นบริษัทญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นเขาปิดงบปีเขาเดือนมีนาคม เพราะฉะนั้นอันนี้ก็จะมียอดขายตรงนี้จะเราจะเห็น  2 ยอดเขา มียอดเขาสูงสุดก็สิ้นปีก็ยอดเขาเกือบจะสูงสุด อีกอันตอนประมาณเดือนมีนาคมสมัยก่อนก็จะมีอยู่แค่รถเก๋งกับรถกระบะเป็นหลัก เดี๋ยวนี้มันก็จะมีรถให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น Eco Car ไม่ว่าจะเป็นรถ SUV ต่างๆมีหลากหลายยี่ห้อหลายรุ่นให้เลือกเยอะขึ้นนะครับก็ทำให้ผู้บริโภคเรามีทางเลือกเยอะขึ้น

มาดูยอดธุรกิจหลักของเรานะครับก็เป็นลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์นะครับประมาณสัก 95 เปอร์เซ็นต์ เป็นรถยนต์ไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์  การปล่อยสินเชื่อไม่มีอะไรมากแต่อยากจะเรียนให้ท่านนักลงทุนแล้วก็ผู้ถือหุ้นทราบว่าเราพยายามเปลี่ยนมาหลายปีแล้วเรื่อง Digital transformation คือว่าเราพนักงานของเรา ที่เป็นทั้งพนักงานสินเชื่อพนักงานติดตามหนี้สิน เรามีแท็บเล็ตมี Application ที่เราพัฒนาขึ้นมาเองใช้ ตอนนี้พนักงานเราตอนนี้ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะไม่มีกระดาษ มีอย่างเดียวคือสัญญาเช่าซื้อซึ่งยังเป็นกระดาษอยู่นอกนั้นไม่มีกระดาษแล้ว

ก็พัฒนาฟังก์ชั่นก็ใช้ได้หลายปีแล้วตอนนี้ก็พัฒนาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ Add on ฟังก์ชั่นขึ้นไปเรื่อยๆ นอกจากในประเทศไทยที่เราใช้แล้วตอนนี้เราเริ่มไปใช้ที่กัมพูชาที่ลาวแล้ว บางท่านถามว่าช่วงแรกๆมันช่วยประหยัดต้นทุนไหมแรกๆคงยัง แต่ว่าไปเรื่อยๆมันจะประหยัดต้นทุน เราต้องตามเทคโนโลยีพวกนี้ให้ทันให้เร็ว อาจจะตามให้เร็วที่สุด เพราะเราไม่มีทางเป็นผู้นำทางด้านนี้ได้อยู่แล้ว

ทีนี้มาดูสาขา ในประเทศไทยเรามีอยู่ 93 สาขาใน 57 จังหวัด ปีนี้เรากะว่าจะเปิดสาขาในประเทศไทยเพิ่มอีก 3 แห่งในลาวนี้เราก็กะจะเปิดเพิ่มอีก 3 แห่ง จาก 3 เป็น พราะฉะนั้นในประเทศไทยปีนี้ จนสิ้นปีเราจะมี 96 แห่ง ส่วนในลาวเราจะมีสัก 3 + 3 เป็น 6 ในกัมพูชามี 6 จะบวกอีก 6 ก็จะเป็น 12 ส่วนพม่าเนี่ยก็คิดว่าน่าจะเปิดอีก 3 สาขาที่บาโก ซึ่งก็คือหงสา ก็คือก็ติดกับพื้นที่คือหมายถึงว่ามณฑลนะเนี่ยติดกับย่างกุ้งเลย เป็นมณฑลหรือว่าเป็นจังหวัดที่ใหญ่หน่อย ปีนี้เราจะเปิดทั้งหมด 15 สาขา

ทีนี้มาดู ทางด้านผลประกอบการนิดนึงละกัน ผลประกอบการจะเห็นว่าในไตรมาสแรก รายได้เราอยู่ที่ 979.7 ล้าน เทียบกับปีที่แล้วในช่วงเดียวกันมีเพิ่มขึ้นประมาณ 2.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรายจ่าย 886 ล้านมันเพิ่มขึ้นประมาณ 2.4% ถ้าเกิดเทียบการกำไรสุทธิ ก็ถือว่าทรงตัว จริงๆก็เพิ่ม 0. 9 % อยู่ที่ 112.8 ล้านก็ถือว่าในภาวะที่เศรษฐกิจค่อนข้างชะลอตัวอย่างนี้นะครับก็ถือว่ายังใช้ได้อยู่ ปีที่แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้นคือปีที่แล้วเนี่ยเราก็เร่งตัดหนี้สูญเฉพาะในประเทศไทย ที่ลูกหนี้ที่คาดว่าจะมีปัญหา ทำให้ พอร์ตเช่าซื้อเราปีที่แล้วก็โตได้ไม่เต็มอย่างที่เราคาดหวัง  ก็ถ้ามาดูรายได้ จะเห็นว่าสัดส่วนรายได้เราส่วนใหญ่มาจากรายได้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์เป็นหลัก

รายได้อื่นๆอาจจะลดลงมาหน่อยเพราะว่าอย่างที่บอกครับพวกหนี้สูญที่เราตัดไป เวลาหนี้สูญรับคืนช่วงหลังๆอาจจะมาช้านิดหน่อย รายได้อื่นๆเลยไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

รายได้ของรถยนต์มันน้อยมากเลยแค่ 6 ล้านบาทมัน 0.6% มันน้อยมากๆอย่างที่บอกว่าสัดส่วนรถยนต์เรามีน้อยแล้วเราก็ไม่ได้เร่งตรงนี้เราคือเราเราไม่ได้เน้นตรงนี้มากเพราะว่าผลตอบแทนกับความกับความเสี่ยงมาจะไม่ค่อยคุ้ม
ถามว่าลูกค้าไม่ดีเหรอลูกค้าดีครับแต่ว่าดอกเบี้ยมันน้อยมากแล้วก็อีกอย่างนึงต้องผ่อนยาวมากซึ่งเราก็คิดว่ามันอยู่ในช่วงดอกเบี้ยกำลังจะขาขึ้น

ซึ่งปีที่แล้วพอจะขึ้นดอกเบี้ยนิดหน่อยตลาดก็เริ่มไม่ค่อยดีแต่ตอนนี้เท่าที่ดูคือ reserve ของเมกาก็เริ่มชะลอจะไม่ขึ้นแล้วมีคนบอกว่าจะไม่ขึ้นถึงปีหน้า

ทีนี้มาดูลูกหนี้เช่าซื้อปีที่แล้วเนี่ยครึ่งปีแรกแล้วตัวนี้ค่อนข้างดีแต่ครึ่งปีหลังอย่างที่ผมเรียนคือว่าเราเร่งตัดหนี้สูญพอสมควร ทำให้ปีที่แล้วเราโตได้แค่ 2.1 เปอร์เซ็นต์ ต่างประเทศเรายังโตค่อนข้างดีนะครับ

คิว 1 ปีนี้อยู่ที่ 9 พันล้านก็เนื่องจากเราเร่งตัดหนี้สูญตั้งแต่กลางปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้นะครับทำให้ ปีนี้ได้โดยเฉพาะในประเทศไทยมีสัดส่วนที่ลดลงนะครับเพราะว่าลูกหนี้เราไม่สามารถขยายได้เพราะว่าเราก็คิดว่าไม่ใช่จังหวะที่ขยายเพราะเป็นความไม่แน่นอนมันค่อนข้างสูง

นอกจากเราเร่งตัดหนี้สูญแล้วเราเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่นกัน ตอนนี้พวก rejection Rate สำหรับลูกค้าเนี่ยซึ่งเมื่อก่อนอยู่ประมาณ 20% ตอนนี้ขึ้นไปถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังคงจะต้องเร่งใช้ความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่ออยู่ เพราะว่าเราก็ยังไม่แน่ใจว่าสงครามการค้ามันจะบานปลายไปถึงขนาดไหน เพราะว่าถ้าตามข่าวยังเห็นเลยใช่ไหมครับว่ามีเรือบรรทุกน้ำมันอย่างนี้โดนวางระเบิดโดนอะไร มันก็มีอะไรปัจจัยที่ดูความไม่สงบมันมีเยอะหลายๆพื้นที่ ถ้ามาดูนะครับปีที่แล้ว เราเฉพาะรถจักรยานยนต์โตขึ้นมา 4.1 แต่รถยนต์เราลด 27.5 ทำให้ปีที่แล้วเรา ก็เลยได้แค่ 2.1% ปีนี้เนี่ยรถยนต์เราก็ยังต่ออยู่นะครับผ่อนรถยนต์เราอยู่ 360 ล้าน ไตรมาสแรกมีลดไปประมาณเกือบ 9 เปอร์เซ็นต์ ของรถจักรยานยนต์ลดลงประมาณ 2.1 เปอร์เซ็นต์นะครับ ซึ่งมากกว่าตลาดนิดหน่อยเพราะว่าเราเร่งตัดหนี้สูญ ถ้ามาดูลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 งวด ของรถจักรยานยนต์ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ รถยนต์เนี่ยบางท่านอาจจะบอกว่าให้ดูแล้วน่าเป็นห่วงเพราะว่ามันขึ้นไปเป็น 10 เปอร์เซ็นต์เลยนะแต่ 10% ของ 360 ล้าน คือ 36 ล้านมันไม่ได้เยอะมากแล้วก็ตั้งสำรองครบหมดแล้ว ตอนนี้ก็เป็นลูกหนี้รวมนะครับถ้าเกิดดูทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ก็จะเห็นว่าลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 งวดในตอนนี้อยู่ที่อยู่ที่ 4.6 เปอร์เซ็นต์ ก็ขยับขึ้นมาจากปีที่แล้วเพราะว่าสัดส่วนก็มีการเร่งตัดหนี้สูญมาทำให้มันอาจจะทำให้มีลูกหนี้แล้วเราก็ไม่ได้เร่งขยายมาก

ก็ทำให้อาจจะตรงส่วนตัวนี้มันเพิ่มมานิดหน่อยแต่ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงมาก การตั้งสำรองหนี้เราก็ไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง เราใช้วิธีการตั้งสำรองโดยตัวอย่างเอาของธนาคารแห่งประเทศไทยมาปรับใช้กับเรา รถจักรยานยนต์ก็คือตั้ง 1% จนถึง 100% อะไรที่เกิน 6 เดือนซึ่งมันก็อยู่ใน 1 ใน 4 ของระยะเวลาการผ่อนชำระ 2 ปีนะครับหรือ 25 เปอร์เซ็นต์คือระยะเวลาการผ่อนชำระเกิน 6 เดือนแล้วตั้งร้อยเลยทันทีรถยนต์ก็คือเมื่อก่อน 4 ปีกับ 48 เดือนเกิน 12 เดือนก็คือ 25 เปอร์เซ็นต์หรือ 1 ใน 4 ของระยะเวลาการผ่อนชำระแล้วก็ตั้งร้อยเลยนะครับไม่ได้หักประกันแต่ปีที่แล้วที่เรามีเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งคือเราตั้ง General around ขึ้นมา 1 เปอร์เซ็นต์อย่างที่ผมเรียนทั้งนักลงทุนนักวิเคราะห์ไว้แล้วว่าเราจำเป็น ถามว่าถ้าคุณภาพลูกหนี้ดีขึ้นเนี่ยเราจะลดสำรองไหมเราก็ไม่ลดเพราะว่า ทุกท่านก็ทราบอยู่แล้วมันจะมี ifrs 9 นะครับหรือที่เมืองไทยก็จะเป็นเวอร์ชั่นก็ t f r s 9 ตอนแรกจะเริ่มตั้งแต่ปีนี้ แต่ว่าทางการก็เลื่อนไปเป็นปีหน้า ปีที่แล้วเราก็เลยว่าเห็นอย่างนี้เราก็เลยตั้ง General around เพิ่มอีก 1 เปอร์เซ็นต์ ปีที่แล้วเราตั้งสำรองเพิ่มไตรมาสสุดท้ายนี้อีก 90 ล้าน

ปีที่แล้วเนี่ยปกติเขาอยู่ 502 ล้านนะครับแต่เราตั้งอยู่ที่ 597 ล้านเพราะเราก็ตั้งเยอะกว่าของปกติ 1 เปอร์เซ็นต์ ถ้ามาดูปีนี้ ถ้าเป็นแบบเดิมเนี่ยหรอตั้งอยู่ 527 แต่ของใหม่แล้วตั้งอยู่ 619 แล้วก็ตั้งเยอะกว่า 1% อยู่ตลอดทำให้ coverage ratio เราเมื่อก่อนนี้อยู่ที่ประมาณ 120 กว่าเปอร์เซ็นต์ตอนนก็อยู่ที่เรา 140%   แล้วก็ลูกหนี้ตั้งอยู่ประมาณ 6.4 เปอร์เซ็นต์ซึ่งเมื่อก่อนเราจะอยู่สัก 6% หรือ 5% แก่ๆทำนองนี้แล้วก็ถือว่าเราก็ตั้งมากพอสมควรทั้งๆที่เราก็คือ de ratio หรือว่าการกู้หนี้ยืมสินเราแค่ 1.1 เท่าเองนะครับแล้วเราก็ตัดค่าใช้จ่ายไม่ว่าเป็นพวกค่าการตลาดเนี่ยตลอดทันที 100% expense เลยนะครับ

ทีนี้มาดูลูกหนี้เช่าซื้อของโชซาไดนะครับก็จะเห็นว่าลูกหนี้เช่าซื้อปีนี้ นะครับโตจากปีที่แล้วนะครับใน q1 นะอยู่ที่ 875 ล้านเพิ่มขึ้นประมาณ 20 เกือบ 22 เปอร์เซ็นต์นะครับกำไรก็ดีกว่าปีที่แล้วเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ก็คือ ปีนี้เนี่ยที่ผมเรียนไปเป้าสินเชื่อที่จะโตในลาวและกัมพูชาคืออย่างน้อย 100% นะครับ ก็คิดว่าน่าจะช่วยให้เราเติบโตในอนาคตได้ดีขึ้นนะครับลูกหนี้ค้างชำระไม่มีประเด็นอะไรปล่อยเก็บเงินได้ดีนะครับ

ส่วนลาว เนี่ยอัตราการเจริญเติบโตแน่นอนครับก็คงสู้สู้กัมพูชาไม่ได้เพราะประชากรน้อยกว่านะครับประชากร 7 ล้านคนกัมพูชามาสัก 16 - 17 ล้านคนและก็คือที่ลาวคนก็ยังนิยมใช้เงินสดเป็นหลักนะครับ ปีนี้ขึ้นในไตรมาสแรกเนี่ยลูกหนี้อยู่ที่ 228 ล้าน เพิ่มขึ้นประมาณ 14 เปอร์เซ็นต์นะครับก็ยังโตไปได้คุณภาพลูกหนี้ก็ดีนะครับแต่กำไรอาจจะปีนี้เทียบกับปีที่แล้วก็ดีขึ้นเยอะแต่มันไม่เยอะมากเป็นเพราะว่าค่าเงินกีบก็ผันผวน แล้วก็มีการลดค่าเงินกีบอยู่เรื่อยๆ  ก็เป็นเป็นประเทศที่เราคิดว่าจะทำธุรกิจก็ทุกคนก็อยู่ชายแดนติดกันแล้วก็พูดกันง่ายนะครับสื่อสารกันไม่มีปัญหา เราคิดว่าจะเปิดเพิ่มได้ภายในปีนี้ 3 สาขา

เราไปรับไปธุรกิจใบอนุญาตธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ที่หงสา มาเรียบร้อยแล้ว ก็จะทำการเปิดนะครับ

ผมก็ขอจบนะครับรายงานการ ผลประกอบการของไตรมาส 1 ปีนี้นะครับถ้าท่านใดมีคำถามก็เชิญเลยนะครับ

ค่าใช้จ่ายในแต่ละปี write off เท่าไหร่นะครับ

write off ปีนึงก็เป็นหลักเป็นร้อยล้านครับ
write off ปีนึงเราก็ขึ้นอยู่กับช่วง แต่ว่าเราก็มีนโยบายที่ค่อนข้างเข้มงวดในการตัดหนี้สูญเหมือนกัน โดยเฉพาะ ถ้าเป็นลูกหนี้รถจักรยานยนต์ ก็จะเห็นว่าเรา write off เนี่ยอะไรที่เกิน 6 งวดเนี่ยเราจะwrite off ทันที อะไรที่เกิน 6 งวดที่แล้วเราตั้งสำรองแล้วแต่มันจะทำให้ผลประกอบการของเราบางทีมันอ่อนตัวลงไปเป็นเพราะว่าลูกหนี้ที่ลูกหนี้ที่ค้างชำระนะครับในช่วงต้นๆที่เรายังตั้งสำรองไม่ครบนะครับมันทำให้เราเวลาเรา write off ก็มันก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตรงนั้นนะครับซึ่ง ปีปีนึงก็ขึ้นอยู่กับช่วงเศรษฐกิจ ศก  ดีๆ write off ก็จะไม่มากนักนะครับแต่เวลาไม่ดีก็อาจจะสูงนะ แต่ว่าแน่นอนประโยชน์ก็คือ balance sheet เราก็จะสะอาดนะครับ

ข้อ 2 ถามว่า รายได้จะมาจากตปท 50% หมายความว่าจะต้องทำรายได้เท่ากับในประเทศไทยหรือเปล่า
มันไม่ใช่นะครับที่เราพูดไปมันคือว่าลูกหนี้เช่าซื้อนะครับน่าจะที่เราตั้งเป้าคือ 50% มาจากในประเทศและในต่างประเทศคือ 50% คือเราจะพยายามจะเป็นโตต่างประเทศให้เยอะๆเพียงแต่ว่าตอนนี้เนี่ยมันอาจจะไม่ใช่จังหวะที่จะโตในเมืองไทยมากนักนะครับเป็นเพราะว่าเศรษฐกิจชะลอตัวค่อนข้างมากนะครับก็อย่างที่ผมเรียนหนึ่งเราเราเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ Reject เราก็เยอะขึ้น แล้วก็ดูรายได้หนี้ครัวเรือนเราก็สูงเพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็ไม่อาจจะไม่ใช่จังหวะที่เราจะโตในประเทศไทยณขณะนี้นะครับ

แล้วตอนนี้เนี่ยเนื่องจากเหลืออีกไม่กี่วันเราคงจะมีรัฐบาลแล้วนะครับหลังจากที่ มีการเลือกตั้งก็คาดว่าถ้ามีรัฐบาลแล้วเนี่ยเดี๋ยวจะมาประเมินใหม่อีกทีแต่ต่างประเทศโตไปได้ค่อนข้างดีนะครับไตรมาสแรกในเมืองไทยเนี่ยตัวเลขติดลบเพราะว่าหนึ่ง write off เยอะแล้วก็ไม่เร่งปล่อยนะครับ ก็ปีนี้เนี่ยนะขนาดนี้ตอนนี้ลูกหนี้เช่าซื้อของลาวและกัมพูชาได้อยู่แล้วประมาณ 12% นะครับสิ้นปีอย่างน้อยก็ต้องเราตั้งเป้าโต 100% นะครับซึ่งปีที่แล้วมันอยู่ประมาณสัก 900 ล้านนะครับก็จะน่าจะขึ้นไป 1,800 ล้านเป็นอย่างน้อยในสองประเทศนี้ไม่รวมพม่านะครับ

ซึ่งพม่า ในช่วงแรกๆคงจะยังไม่เร่งปล่อยมากนะครับหลังจากที่เราศึกษามาแล้วได้แล้วนะคงจะค่อยๆเริ่มปล่อยมั่นใจเราจะขยายด้วยความรวดเร็วนะครับ ก็คาดว่า สัดส่วนของรถจากต่างประเทศพม่า ลาวและกัมพูชานี่อย่างน้อยนะครับสิ้นปีนี้ต้องมีประมาณ 20% ขึ้นไปนะครับ

ต่างประเทศ  NPL น้อยมากนะครับเพราะว่าเก็บเงินดีแต่ว่าอย่างที่บอกว่า ตัวอย่างในลาวเนี่ยอาจจะยังไม่ได้ economy of scale เพราะว่าสัดส่วน 1 ต่อสาขายังลูกหนี้ยังไม่เยอะนะครับอย่างกัมพูชาเนี่ยในสาขาเก่าๆหรือสาขาที่เปิดแรกๆเนี่ย economy of scale ได้แล้วเพราะฉะนั้นก็ตรงนั้นก็จะมีกำไรค่อนข้างดีแต่ npl ไม่เยอะทั้งสองประเทศครับ คนก็มาจากฐานที่ลูกค้าอยู่ในช่วงที่รายได้กำลังเจริญเติบโตดีนะครับ หนี้ก็ไม่เยอะเพราะฉะนั้นแล้วก็อีกอย่างนึงคือถ้าไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอย่างในกรุงเทพฯเรายังมีทางเลือกให้เลือกเยอะนะครับ ไม่ว่าจะเป็นรถประจำทางจะไปรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นรถไฟฟ้าบนดินรถเมล์เป็นอะไรก็แล้วแต่นะครับแต่ว่าอย่างที่เรียนก็จะเห็นในกรุงเทพฯเนื่องจากผังเมืองและไม่ค่อยดีนะเราจะไปไหนมาไหนเราและนั่งรถไฟฟ้าลงได้แต่ว่าเข้าซอยนี้เดินไม่ไหวมันลึกเหลือเกินนะครับก็ยังเป็นมอเตอร์ไซค์เป็นยานพาหนะที่ประหยัดที่สุดอันนึงนะครับ

แต่สำหรับในไทยเนี่ยตั้งเป้าปีนี้เท่าไหร่ปีนี้เนี่ยคาดวาดตอนแรกสิ้นปีที่แล้วนะครับคาดว่าน่าจะทรงตัวจากปีที่แล้วแต่เท่าที่ดูไตรมาส 1 นี่มันอ่อนตัวค่อนข้างมากนะครับขอรอดูตั้งรัฐบาลดูก่อนว่าเป็นยังไง ความความเสถียรภาพก็จะน้อยลงแน่นอนนะครับก็ต้องขอดูนิดนึงแต่ว่าคาดว่าต่างประเทศมันดี เมืองไทยอย่างนี้ปีนี้ถ้าถ้าดูเหตุการณ์แบบนี้นะครับ ดีที่สุดก็น่าจะทรงตัวแต่ก็ต้องขอดูก่อนว่าเทรดวอร์หรืออะไรต่างๆมันจะมันจะลุกลามไปถึงขนาดไหน

Leading indicator ของ  tk คืออะไร

แน่นอนครับถ้าเกิด GDP โตดีแน่นอนไปได้ดีแต่ปีนี้ GDP เราทุกคนก็ปรับเป้าลงมาแล้วส่งออกปรับเป้าแล้วโดยเฉพาะส่งออก มัน 70 เปอร์เซ็นต์ของ GDP เมื่อปรับเป้าลงเนี่ยมันจะทำมีผลกระทบขึ้นเยอะเพราะว่าคนที่อยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมนี้เวลาเวลาส่งออกลดลงเนี่ยนะครับโอทีหายรายได้ก็หายแล้วเมื่อกี้ไปประกอบกับเรื่องภัยแล้งเมื่อกี้บอกว่าน่าจะปีนี้จะเป็นแล้งที่สุดในรอบ 30 ปีถ้าไม่มีน้ำเนี่ยเหนื่อยนะครับ ไม่มีผลผลิตมาขาย Trade war กระทบคนจีนแล้วคนจีนมาเที่ยวเมืองไทยนี่ประมาณเกือบ 1 ในสามนะครับถ้าหากคนจีนหายไปมันจะเป็นยังไงบ้างนะครับก็เหมือนตอนแรกเราบอกไม่มีอะไรพอตอนจำได้ไหมครับที่มีเรือล่มที่ภูเก็ตคนจีนหายนี้เราก็หน้ามืดเลยเหมือนกันนะครับ เป็นวอลลุ่มที่ใหญ่มากแล้วก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยนะครับ

ฝนแล้งจะทำให้ยอดหนี้เสียของลาวกัมพูชามากขึ้นหรือไม่นะครับ

ตอนนี้ยังไม่ค่อยเห็นนะครับแต่ว่าถ้าเกิด เอลนิญโญ่ อะไรที่มันแรงมากๆนี้นะครับ ก็คงจะมีกระทบบ้างนะครับ อันนั้นก็คงหลีกเลี่ยงค่อนข้างยากแต่ว่าเท่าที่ดูหนังลาวและกัมพูชายังไม่ค่อยเห็นอันนั้นยังไม่ค่อยเห็น factor อันนั้นเท่าไรนะครับ

ก็ข้อถัดมา อยากให้ทางเราฉายภาพ หนี้เสียของตลาดรวมปัจจุบันเป็นยังไงบ้างครับ
ก็แน่นอนครับอย่างที่เรียนไปแล้วยังตอนนี้ถ้าเห็นหนังสือพิมพ์ก็จะเห็นว่า ทั้งตั้งแต่ปีที่แล้วนะครับทางธนาคารประเทศไทยกับภาครัฐ มีความเป็นห่วงเรื่องสินเชื่อของบ้านซึ่งมันโตเยอะแล้ว  ก็คนปกติเนี่ยเวลามีหนี้เสียนี่เสียบ้านก็จะเป็นสิ่งสิ่งสุดท้ายหรือหลังๆที่จะยอมเสียนะครับ  แต่ว่ามันก็มีเห็นเหมือนกันว่าคนที่ผ่อนบ้านเนี่ยเมื่อก่อนผ่อนไป 4-5 ปีแล้วโอกาสที่จะเสียน้อยมากแต่ว่าตอนนี้เริ่มเห็นเยอะขึ้น ทางการก็เลยเป็นห่วงนะครับก็เลยถึงมีบอกว่าบ้านหลังที่สองต้องดาวน์เพิ่มบ้านราคาเท่าไหร่ต้องดาวน์เพิ่มเพราะว่า

ต้องยอมรับครับว่าที่ดินกับราคาคอนโดบ้านมันขึ้นค่อนข้างเยอะเพราะว่าดอกเบี้ยมันต่ำมาเป็น 10 ปีนะครับดอกเบี้ยต่ำทำให้ของพวกนี้ที่ต้องที่ต้องกู้มาทำให้ราคามันขึ้นเยอะขึ้นเยอะ คนมี demand จริง มีปริมาณที่ต้องการไปเก็งกำไรเยอะนะครับมีความต้องการไปเก็งกำไรเยอะ  ก็คือทางการไม่เป็นเป็นห่วงเรื่องคนที่จะซื้อจริงๆ แต่กลัวเรื่องการเก็งกำไร ครับก็เลยต้องมีการแตะเบรกนะครับที่เมื่อกี้เรียนก็คือว่าทางการก็เห็นแล้วว่ามันมีคนที่เป็นสินเชื่อของบ้านนี้มันสองล้านล้านสองล้านล้านเยอะพอสมควรนะครับแล้วก็สินเชื่อตอนนี้ก็มาดูเรื่องสินเชื่อรถยนต์ก็คือ หนึ่งล้านล้านกว่าๆนี้นะครับซึ่งอันนี้ก็เยอะเหมือนกันก็ตอนนี้ก็ไม่รู้จะแตะเบรคกันด้วยการเพิ่มเงินดาวน์หรือเปล่านี้ก็ตอบไม่ได้เพราะว่ามีส่วนหนึ่งซึ่งเป็นซึ่งเป็นควบคุมโดยธนาคารแห่งประเทศไทยส่วนหนึ่งก็ไม่ได้ควบคุมนะครับ ถามว่าน่ากลัวไหมถ้าเกิดหนี้ครัวเรือนเราขึ้นไปอยู่ระดับใกล้ๆ 80% นี่มันก็สูงมากนะครับถ้าเมื่อไหร่ที่ควรจะต้องเอาเงินไปผ่อน สินค้าและไม่ค่อยเหลือเพื่อไปลงทุนอื่นๆหรือใช้จ่ายก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน

จะถามว่ารุนแรงไหมก็สำหรับคนที่ไม่เตรียมตัวหมายถึงว่าบริษัทที่ไม่ได้เตรียมตัวมันมาก็จะอาจจะรุนแรงได้ถ้าเกิดสมมุติคนที่ตั้งสำรองน้อยทุนน้อยๆกู้เยอะๆอะไรเนี้ยถ้าเกิดถึงเวลามีปัญหามันก็จะมันก็จะรุนแรงแต่ก็อย่างว่าอย่าง tk1 เรา de  เราอยู่ที่ 1.1 พวกสำรองตั้งเยอะแล้วนะครับเรื่องพวกค่าใช้จ่ายค่าการตลาดเราก็ตัดจ่ายทันทีเพราะฉะนั้นพวกนี้เราก็ ฟังค่อนข้างคลีนนะครับแต่ว่าแน่นอนถ้ามันมีปัญหาหนักจริงเราก็หนีไม่พ้นนะครับแต่ว่าเรื่องสำรองนี่อยากจะเรียนไปเลยว่าเวลาดีไม่มีใครสนใจอ่ะครับมันก็คล้ายๆพวกถังดับเพลิงหรือรถดับเพลิง เวลาไม่มีไฟไหม้ไม่มีใครสนใจหรอกว่าจะมีกี่คันจะมีกี่ถังใช้ได้ไหมแต่ว่าเวลามีปัญหาถ้าไม่มีขึ้นมาหนักนะครับแต่ว่าเราก็ผ่านวิกฤตมาหลายรอบแล้วไม่เคยขาดทุนนะครับสำรองเราหนาพอมันจะสามารถทนได้ทุกทีที่ผ่านมานะครับซึ่งเราคิด ว่าเราตั้ง General around   1% เองก็น่าจะช่วยได้เยอะนะครับ

ที่ต่างประเทศมีคู่แข่งที่สำคัญ TK คือบริษัทอะไร
ขึ้นอยู่กับประเทศนะครับก็มีหลายๆประเทศก็จะมีก่อนหน้านี้ก็จะมีคนชอบบอกว่ามาเก็ตแชร์เยอะอย่างนี้อย่างนั้นเป็น Exclusive สุดท้ายก็อาจจะมีเรื่องอะไรบางอย่างซึ่งแปลกๆนะครับผมก็ไม่ขอกล่าวถึง แต่ว่าเราก็เล่นต่อของเราไปเรื่อยๆนะครับจังหวะดีโตเยอะจังว่ะไม่ดีโตน้อยหน่อยนี้ต้องยอมรับครับไม่มีอะไรนะครับ

อันนี้คำถามทักมานะครับบอกว่าช่วยชี้แจงหน่อย อัตราสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยกับต่างประเทศการแข่งขันพฤติกรรมลูกค้านะครับจุดแข็งนะครับ ก็แน่นอนครับว่าในเมืองไทยเนี่ยยอดเช่าซื้อประมาณ 80% ยอดเงินสดประมาณ 20% ในลาวเนี่ยยอดเช่าซื้ออาจจะอยู่ราวๆสักเมื่อก่อน 20% นะครับตอนนี้จะอยู่สัก 40 หรือ 50 เปอร์เซ็นต์เป็นยอดเงินสดเยอะนะครับ กัมพูชานี้คิดว่าเป็นยอดเงินสดก็ยังเยอะอยู่แต่เงินผ่อนน่าจะเยอะกว่านะครับเมื่อก่อนเมืองไทยนานมาแล้วก็เหมือนกันครับเป็นเงินสดประมาณ 80 แล้วก็เป็นเงินผ่อนสัก 20 อะไรเนี่ยแล้วมันก็ ค่อยๆขยับไป  เมื่อผู้ให้บริการนะครับมีความมั่นใจขึ้นมั่นใจ ว่าคนพร้อมที่จะเป็นเป็นหนี้ในระดับที่เหมาะสมเนี่ยก็คือคนก็จะมีมาร่วมกู้พวกนี้การแข่งขันเนื่องจากคู่แข่งในเมืองไทยเนี่ยประเทศไทยก็เปิด ไม่ค่อยยากมากนะครับเพราะฉะนั้นก็คู่แข่งเยอะ เยอะมากนะครับแข่งกันเรื่องดอกเบี้ยแข่งกันเรื่องค่าคอมมิชชั่นเยอะมาก จนบางทีก็ไม่ไหวนะผมว่าในหลายๆธุรกิจก็จะเห็นว่าการแข่งขันรุนแรงมากจนเกินไปจนผู้ประกอบการก็จะอยู่กันไม่ค่อยได้

หนี้ครัวเรือนในประเทศไทยอยู่ระดับที่สูงในช่วงหลังนะครับแต่ว่าประเทศเพื่อนบ้านเรายังอยู่ในระดับที่ต่ำคือไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากกู้นะไม่มีใครเอากู้ด้วยเหมือนกันหลายๆประเทศนะครับแต่ก็ไม่ใช่หมายความว่ามีคนให้กู้ก็อยากจะกู้ทันทีนะครับก็ต้องค่อยๆปรับพฤติกรรมแต่ส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะจ่ายค่อนข้างดีนะครับ

จุดแข็งของเราคือเราเริ่มส่วนใหญ่เราไม่ค่อยเป็นพาร์ทเนอร์กับใครเราเริ่มเราทำของเราเอง ช่วงแรกมันน่ะ คือเราค่อยๆโตในสัดส่วนที่เราคิดว่าเราเหมาะสมและเราอยากจะทำช่วงแรกอาจจะดูน้อยแต่พอเรามั่นใจแล้วเราก็โตเร็วอย่างที่เราทำให้เห็นแล้วนะครับก็อันนี้ก็เป็นจุดแข็งของเรา

มีรายได้จากการคิด Pre payment   บ้างไหมครับ
ก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับเพราะว่าส่วนใหญ่ลูกค้าที่อยู่กับเราเป็นลูกค้าที่มีรายได้น้อยก็จะไม่ค่อย pre payment  เท่าไรนะครับ

แล้วก็บอกว่านอกจากลาวกัมพูชาเมียนมาร์จะมีโอกาสขยายไปประเทศอื่นหรือเปล่านะครับอย่างเช่นเวียดนามก็มีผมก็ไม่อยากจะพูดประเทศอื่นมากเพราะว่าอย่างทำอย่างเมียนมาร์หรือพม่าที่ขอมาตั้งนานจนทุกคนนะว่าผมหลอกหรือเปล่าทำไมมันไม่ได้สักทีนะครับถ้าเกิดเป็นผมเป็นคนอนุมัติผมอนุมัติไปนานแล้วแต่ว่าผมไม่ได้อนุมัติก็เลยช้า ก็ยังมีประเทศอื่นที่อยากไปเยอะครับแต่ว่าเดี๋ยวขอให้มันให้มันใกล้ความจริงก่อนแล้วค่อยบอกเดี๋ยวจะเหมือนแบบบอกไปตั้งนานแล้วทำไมมันเหมือนไม่ได้สักทีอย่างนี้นะครับ เดี๋ยวทางผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุนจะหงุดหงิด  ซึ่งจริงๆผมก็หงุดหงิดมากกว่าด้วยนะครับ ก็เราอยากจะทำธุรกิจในประเทศเขาบางทีมันก็ต้องตามเวลาของเขาหรือตามกฎเกณฑ์หรือขั้นตอนของเขานะครับก็อันนี้ก็แต่ผมผมก็ใจร้อนเหมือนกันครับอยากไปเร็วๆ

กฎหมายต่างประเทศ กฎระเบียบมีเปลี่ยนแปลงบ่อยไหม
ก็มันก็มีเหมือนกันครับก็ต้องคอยตามให้ดีๆเพราะว่าคือคือประเทศแถวๆนี้ก็คือมันก็เหมือนกันครับเราก็ต้องศึกษากฎหมายดีๆกฎหมายบางอย่างเขียนแต่วิธีการปฏิบัติมันก็อาจจะไม่ตรงกันเป๊ะมันก็เหมือนประเทศไทยเหมือนกันนะครับก็คล้ายๆกัน อันนี้ก็ต้องค่อยๆต้องคอยตามอยู่เรื่อยๆนะครับแต่อย่างน้อยเนี่ยประเทศที่อยู่บนบนแผ่นดินใหญ่ของอาเซียนนี่แหละครับไม่ว่าจะไทยลาวกัมพูชาพม่าเมียนม่าเนี่ยอย่างน้อยข้อดีก็คือว่าส่วนใหญ่แล้วก็เราก็ชาวพุทธด้วยกันก็ยังคล้ายกันหน่อยนะครับถ้าเกิดข้ามไปประเทศอื่นๆมันก็คนละศาสนาวิธีคิดอะไรมันก็จะต่างกันหรืออย่างน้อยเราก็ยังยังมีความใกล้เคียงกันสูงนะครับ

ของบริษัทคู่แข่งมาว่า แนวโน้มปีนี้ของเขาจะไปโตในพม่าแล้วเราเพิ่งได้ License มาไม่ทราบว่าเราจะมีกลยุทธ์อย่างไรบ้างครับ

ก็ถ้าผมเข้าใจถูกก็น่าจะเป็นประเทศที่มีเป็นบริษัทหนึ่งที่เมื่อก่อนก็เคยนะนี่กัมพูชาใช่ไหมครับแต่ตอนนี้เขากัมพูชาผมคาดว่าผมน่าจะแซงเขาไปแล้วนะครับก็เลยผมก็ตอบได้แค่นี้ดีกว่า เพราะว่าครั้งที่แล้วมีหลายท่านก็จะถามว่าทำไมเขาทำอย่างนี้ได้ทำไมผมทำอย่างนั้นไม่ได้แต่ตอนนี้มันก็อันนี้มันพอดีเราไม่ได้วิ่งแข่ง 100 เมตร เราวิ่งมาราธอน ก็ต้องดูกันอีกหน่อยนึงแล้วกันขอบคุณครับ

สนใจการปล่อยธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ไหมครับโอกาสและอุปสรรคคืออะไรทำไมถึงโตช้ามากนะครับ

เราก็ขอจากทางธนาคารประเทศไทยมาตอนนั้นคือ 1 นะครับเราไม่เคยประกาศว่าเราจะโตเร็วนะครับเพราะว่าที่เราขอเป็นเพราะว่าเรามีสาขาอยู่แล้วนะครับและมีฐานลูกค้าอยู่แล้วเรามี Operation หรือมีการทำธุรกิจใกล้เคียงอยู่แล้วเราคิดว่าเราขอมาเนี่ยเราไม่ได้เป็นต้นทุนสำหรับเรามากมายนะแล้วก็ยัง เป็นโอกาสให้ลูกค้าเนี่ยมาขอสินเชื่อนะครับที่เรารู้ประวัติดีอยู่แล้วนะครับแต่ที่ผ่านมาเราทำ Pilot Test ไป 10  สาขานะครับผลตอบรับก็คือลูกค้าเข้ามาขอสินเชื่อพอสมควรแต่ที่เราปล่อยไม่ค่อยได้เป็นเพราะว่าลูกค้าส่วนใหญ่อยากจะขอสินเชื่อมากกว่ากำลังการผ่อนชำระเขาเยอะนะครับซึ่งมันก็เลยทำให้มันไม่ตรงนี้มันไม่ Match กันแล้วก็อีกอันนึงคือว่าทุกคนบอกกันดอกเบี้ยเนี่ยให้เก็บ 36% all in คือรวมค่าฟรีค่าทุกอย่างนะครับถามว่าสูงไหมถ้าเทียบกับ Personal Loan ที่ธนาคารประเทศไทยเก็บ 28% ก็สูงขึ้นมา พอสมควร  จะถามว่าลูกหนี้เนี่ยที่เป็นรายย่อยๆเล็กๆเนี่ยการค่าใช้จ่ายในการบริหารหนี้หรือค่าการปล่อยในต่างๆสูงมากนะครับก็จะไม่ค่อยคุ้มนักนะครับถ้าที่ 36 เปอร์เซ็นต์แต่ว่าถ้าเกิด สังเกตสิครับว่าธนาคารประเทศไทยต้องการแก้หนี้นอกระบบก็ออก licensing  นาโนไฟแนนซ์ออกมาตอนนั้นคนก็ขอกันไปเยอะก็มีคนตีฆ้องร้องป่าวจะปล่อยมันเยอะนะครับแต่ก็จะเห็นได้ว่าตัวเลขก็ไม่ค่อยได้ไม่ได้สูงมากนะ ตอนหลังกระทรวงการคลังก็เลยมาเปิดให้เปิดบ่อยพิคโก้นะครับซึ่งทุนจดทะเบียนน้อยกว่าแค่จากนาโนเนี่ย 50 ล้านนะคะจำได้ทั่วประเทศเป็นพิโก้ได้ 5 ล้าน 5 ล้านทำได้เฉพาะจังหวัดกู้ได้ 50,000 นะครับดอกเบี้ย 36% นั้นก็ยังไม่ค่อยมีคนมาขอเยอะแต่ว่าตัวเลขก็ไม่เยอะนะครับจนล่าสุดเนี่ยทางการบอกว่าโอเคอย่างเงี้ยทั้ง พิคโก้ กับ Personal Loan   ให้จำนำทะเบียนได้ทั้งที่เมื่อก่อนบอกว่าไม่ให้มีหลักประกัน ตอนนี้ Personal Loan  28% เนี่ยจำนำทะเบียนได้ พิคโก้  5 ล้านก็จำนำทะเบียนได้ให้ 36% เสร็จแล้ว ก็มีคนมาร้องว่า 50000 สำหรับพิคโก้มันน้อยไป ขอเป็นแสนนึงได้ไหมทางการก็เลยบอกโอเคได้นี้มีลายเส้นอีกเส้นนึงเรียกว่าพิกโก้ Plus และกันนะครับทุนจดทะเบียน 10 ล้านให้ปล่อยไม่เกินแสนนึงแต่ละ 50,000 บาทได้ 36% 50,000 ที่สอง ได้แค่ 28 นะครับ วันนี้ก็ต้องลองดูต่อไปว่า ตัวเลขมันจะคืนหนี้นอกระบบมันจะมาอยู่เป็นหนี้ที่มีอยู่ในระบบเพิ่มขึ้นหรือเปล่านะครับแต่ว่าแน่นอนก็อันนี้ก็จะเป็นการปลดล็อคไปส่วนนึงนะครับ ส่วนอันนี้คำคำถามสุดท้ายนะครับก็คือว่า หลังจาก ifrs 9 หลังจะใช้ 9 แล้วนะครับการตั้งสำรองที่เหมาะสมของบริษัทที่อยู่ระดับประมาณเท่าไหร่นี้ก็ อันนี้ตอบยากเหมือนกันเพราะว่าถ้าเราไปดูลูกหนี้ในช่วงที่เศรษฐกิจดีเนี่ยก็อาจจะต้องดูว่าใช้เฉลี่ยยาวขนาดไหนถ้าดูลูกหนี้ช่วงที่มันไม่ดีอาจจะต้องตั้งเยอะละช่วงนี้น่าจะตั้งน้อยเกินไปตรงนี้ผมก็ต้องคุยกับทางออดิเตอร์เหมือนกันครับว่าผู้สอบบัญชีว่าเขาแต่ว่าตัวเลขนี้มันก็ต้องมาดูความเหมาะสมกันแน่นอนครับเราตั้งถ้าไปดูได้เลยเราตั้งค่อนข้างเยอะอยู่แล้วมันไม่ต้องไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ

ฐานภาษีรายได้ต่างประเทศต่างจากเมืองไทยเมืองไทย 20% เมียนมาร์เท่าไหร่ ลาวเท่าไหร่กัมพูชาเท่าไหร่นะครับ

กัมพูชา 20% ลาว 24% นะครับส่วนพม่านี่ยังไม่ได้เสียภาษีครับมีแต่ค่าใช้จ่ายยังไม่รู้เดี๋ยวจะพอดีจำไม่ได้
แรกๆคงยังไม่ค่อยได้เสียภาษีเท่าไหร่หรอครับ ช่วงแรกๆเปิดมามันก็ไม่มีกำไรครับแต่เดี๋ยวครั้งต่อไปจะเรียนให้ทราบนะครับ

จบ
ส่วนตัวมองว่าจาก ปสก ของ TK ที่เคยผ่านวิกฤติมาทั้งต้มยำกุ้ง ทั้งเบอร์เกอร์ เลยทำให้เป็นบ.มีแนวคิดที่ค่อนข้าง CONSERVATIVE ซึ่งก็เป็นเรื่องดีไม่จำเป็นต้องรีบบุกยามที่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ทำที่มั่นให้มั่นคง