วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รวมโพสจาก FB #1

ทัศนคติต่อการลงทุน
หลายคนอยากประสบความสำเร็จในการลงทุน แต่กลับไม่ทุ่มเทเวลาให้กับมัน มองเป็นเพียงงานอดิเรก เพียงเท่านี้ก็เห็นได้แล้ว ว่าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมันน้อยลง 
เหมือนเด็กนักเรียน ที่จะสอบโอเนท ส่วนใหญ่ทุ่มเทให้กับการเรียนเพื่อไปสอบ แต่ นร บางกลุ่มมองการสอบเป็นแค่งานอดิเรก ถ้าไม่ใช่ "คนเก่งฟ้าประทาน" โอกาสสำเร็จคงน้อยนิด

ขนาดพอร์ตยามกำไรและขาดทุนนั้นสำคัญอย่างไร
หลายคนเมื่อยามเริ่มต้นลงทุน ไม่กล้าลงทุนเต็มตัว กังวล กลัวขาดทุน แต่พอมีกำไรจึงเพิ่มขนาดพอร์ตอย่างรวดเร็ว หาเงินได้จากทางอื่นก็เอามาใส่เพิ่ม จนถึงวันที่ขาดทุนขนาดพอร์ตใหญ่กว่าตอนเคยกำไรอย่างมาก เป็นสาเหตุให้เกิดการขาดทุนอย่างหนัก กำไรที่ได้มาแทบจะหายไปหมดในการเขย่าของตลาดเพียงครั้ง สองครั้ง
ดังนั้นเรื่อง MM และ Position sizing จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก

นักเก็งกำไรที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นนักเก็งกำไร ข้อดีคือรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ มีจุดคัทลอส และมีเป้าหมายชัดเจน แต่นักลงทุนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเก็งกำไร จะเสียหายได้อย่างหนัก 
เราทุกคนไม่ได้เทรดบนตลาด แต่เราเทรดบนความเชื่อที่เรามีต่อตลาด

เลือกระบบลงทุน ให้เหมาะกับประเภทของตลาด system แต่ละแบบไม่สามารถใช้ได้กับตลาดทุกประเภท (มุมมองผมการลงทุนแนว vi ก็คือ ระบบการลงทุน ระบบนึง)
ประเด็นสำคัญคือ คุณมีระบบที่รองรับกับตลาดแบบไหนบ้าง และคุณอ่านตลาดออกหรือไม่ว่าขณะนี้เป็นตลาดประเภทไหน
ต้องใช้ system แบบไหนถึงจะเหมาะกับตลาดขณะนี้

การเลือกซื้อหุ้นโดยใช้หลัก พฐ ภาพรวมแท้จริงแล้ว คือระบบลงทุนที่เหมาะกับ ช่วงเวลาที่เกิดตลาดหมีมานานพอควร หรือช่วงที่เพิ่งจบตลาดหมีแต่ยังเป็นไซด์เวย์อยู่ 
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ตลาดปัจจุบันนี้ 
ดังนั้น new player ที่เข้าตลาดในช่วง big bull market แล้วเรียกตัวเองว่าเป็น vi ส่วนใหญ่แล้วคือการเก็งกำไรโดยหลอกตัวเองอยู่

ได้เคยถามตัวเองจริงจังกันบ้างไหม ซื้อหุ้น เพราะต้องการเป็นเจ้าของ บ. หรือเพราะต้องการเพิ่ม Weath ให้กับตัวเอง คำถามนี้สำคัญต่อมุมมองการลงทุน (ไม่มีถูกไม่มีผิด) และสำคัญต่อ Action ของเราอย่างมาก

ถ้าลงทุนอย่าหลวมตัวซื้อของแพง ถ้าเก็งกำไรอย่าหลวมตัวซื้อของถูก

ไม่ควรซื้อหุ้นเพียงเพราะมันถูก ควรซื้อเพราะรู้เรื่องราวมันมากพอ