ตอบ คือ
ตลาดซื้อขาย "สัญญาล่วงหน้า"
ตลาด tfex มี ฟิวเจอร์ กับ ออปชั่น
(ฟิวเจอร์) สัญญาล่วงหน้า เปรียบเสมือน ใบจอง
ให้นึกถึงใบจองรถ
สมมติ รถราคา 1 ล้าน
เราจองไว้ 5,000 บาท
นัดรับรถ อีกสามเดือนข้างหน้า
พอเวลาผ่านไป 1 เดือน ราคารถ กลายเป็น 1.2 ล้าน เท่ากับกำไร 2 แสน จากเงินจอง 5,000 บ.
ถ้าราคา ผ่านไป 2 เดือน ราคารถเป็น 2 ล้าน เท่ากับกำไร 1 ล้าน จากเงินลงทุน 5,000
แต่ ถ้าราคารถ ลดเหลือ 995,000 เงินจองจะหายไป ใบจองจะไม่มีค่า (ใครจะซื้อใบจอง 5,000 เพื่อที่จะซื้อรถราคา 1 ล้าน)
ดังนั้น ใบจองจะกลายเป็น 0
คนส่วนมากไม่ซื้อใบจอง 5,000 บ.
คนส่วนมากคิดว่า ถ้ามีเงิน 1 ล้านเพื่อซื้อรถ เอาไปซื้อใบจอง 1 ล้านแทนดีกว่า เท่ากับจองรถได้ 200 คัน
หากราคารถขึ้นแค่ 10,000 บาท ราคารถเป็น 1,010,000 บาท
เท่ากับ กำไร 2 ล้าน จากเงิน ลงทุน หนึ่งล้าน (10,000×200)
ึและการที่ราคารถ จะขึ้น 10,000 จาก ราคารถ 1 ล้าน เท่ากับขึ้นแค่ 1% ก็ได้แล้วนะ
ประเด็นคือ ถ้าราคารถ ลดลงแค่ 0.5% ( ราคารถจาก 1ลบ ลดไป 5,000 บาท เหลือ 995,000)
เงิน 1 ล้าน ที่ซื้อใบจอง 200 ใบ จะหายไปหมด !!!
แต่ ก่อนใบจองไม่มีราคานั้น เช่น รถราคาลดลงมา 4,000 จะเสมือน ใบจองเหลือมูลค่า 1,000 โบรค จะเรียกเติม เงินจอง หรือเรียกว่า เติมมาร์จิ้น
เพราะจะมี สัญญาการวางหลักประกัน ว่าขั้นต่ำ ต้องวางเท่าไร (5,000 ที่ซื้อใบจอง คือหลักประกัน)
ต่อมาพอราคา รถ ลดเหลือ 996,000 เท่ากับใบจองเหลือมูลค่า 1000 โบรกจะเรียกให้เติมมาร์จิ้น (วางเงินจองเพิ่ม) ไม่งั้นจะปิดสัญญาจอง เพราะหากราคารถ ลงต่ำกว่า 995,000 เดวลูกค้าจะไม่มีเงินมาจ่าย
คือ สัญญาฟิวเจอร์ส นี้ ไม่ได้ทำกับโบรค แต่ทำกับ นลท คนอื่นในตลาด คือใครอยากทำสัญญาก็ ส่ง ออเดอร์ เข้า pool
โบรค มีหน้าที่ดุแลให้ลูกค้าของตัวเองซื้อขาย และทำตามสัญญา
ดังนั้น เมื่อมาร์จิ้นลดลงต่ำถึงจุด ที่ลูกค้าใกล้ติดลบ ลูกค้าจะโดน margin call (เรียกให้เติมหลักประกัน)
ไม่งั้นจะโดน force sell (บังคับการปิดสัญญา)
การบังคับปิดสัญญา ทำตรงกันข้ามกับตอนเปิดสัญญา เช่น ซื้อใบจองซื้อ เอาไว้ ( Long) เวลาโบรกบังคับปิดสัญญา ก็จะทำการ ขายใบจองซื้อ( Short) ในราคาตลาดทุกราคา ณ วันที่เรียกให้เติมหลักประกันแต่ไม่เติม
การโดนบังคับขายทุกราคานั้น มักจะทำให้ ราคาไหลลง ต่อเนื่อง
มันยังมี option ในตลาด tfex
ใบจอง (futures) = สัญญาล่วงหน้าว่าจะซื้อรถ (ใบจอง)
Option = สัญาล่วงหน้า ว่าจะซื้อขาย สัญญาล่วงหน้าอีกที (สัญญาล่วงหน้าว่าจะซื้อจะขาย ใบจอง)
Option คือ
- สัญญาล่วงหน้าว่าจะ ซื้อ ใบจอง ซื้อ LC
- สัญญาล่วงหน้าว่าจะ ขาย ใบจอง ซื้อ SC
- สัญญาล่วงหน้าว่าจะ ซื้อ ใบจอง ขาย LP
- สัญญาล่วงหน้าว่าจะ ขาย ใบจอง ขาย SP
L = Long
S = Short
C = Call
P = Put
พอก่อนนน เริ่มยาววว 🤣
**********
ให้คิดเสมอ ว่า เราลงทุนแข่งกับตัวเอง ไม่ได้แข่งกับคนอื่น ดังนั้นลงทุนให้ถูกจริตตนเอง
การลงทุนด้วยหลักการของตนเอง จะต้องพลาดโอกาสที่จะเก็บเกี่ยวกำไรด้วยวิธีของคนอื่น เป็นเรื่องปกติมากๆ
อย่าอยากได้กำไรจากทุกวิธีการ แค่เก่งและรู้ลึกในหลักการของตนเองให้มากก็พอแล้ว
เรียนรู้สกิลของคนอื่นเพื่อนำมาปรับปรุงทักษะและหลักการของตนเอง ให้เข้ากับจริตของตนเอง ไม่ใช่เลียนแบบโดยที่ไม่เข้ากับ mindset ของตนเอง
ดังนั้น assets บางอย่างที่ไม่เข้ากับหลักการลงทุนของเรา เราจึงไม่จำเป็นต้องไปลงทุน อย่าไปลงทุนเพียงเพราะตามกระแส
*********
พอดีมีคนถามถึงเรื่องอสังหาแต่ละตัว จับลูกค้ากลุ่มไหนบ้าง
ตอบ
ภาพใหญ่แบบคร่าวๆนะครับ (ขี้เกียจไปเปิดค้นข้อมูล🤣)
AP รายได้ประมาณ 92% มาจากแนวราบ บ้านแนวราบเน้นราคา 5 ลบ ขึ้นไป บ้านแบรนด์ดัง ที่เป็นเจ้าตลาดคือบ้านกลางเมือง และที่เป็นที่รู้จักดีคือบ้านกลางกรุง คอนโดมี Aspire จับกลุ่ม 2-3 ลบ เน้น รายาย่อมเยาว์ บนทำเลที่ดี เช่น Aspire พระราม 4 ตรงข้ามคลองเตย มีการออกไปสร้างบ้านที่ต่างจังหวัดใช้แบรนด์ อภิทาวน์ คุ้นๆว่า เพิ่งเห็นกำลังเร่งรับสมัครพนักงาน สำหรับประจำต่างจังหวัด
เป็นเจ้าใหญ่ที่กินมาร์เก็ตแชร์ในช่วงโควิดได้ดีที่สุด เติบโตได้แม้กระทั่งในปีที่มีโควิด ส่วนตัวมองว่าเป็นบริษัทที่มีหนี้สินค่อนข้างต่ำ ใช้การกู้ได้อย่างสมดุล
PSH แต่เดิมเน้นอสังหาราคาต่ำ 3-4 ลบ แต่ตอนหลังปรับกลยุทธ์ เป็นเน้นบ้านราคา 4-5 ลบขึ้นไป โดยเน้น ซินเนอร์ยี่ ระหว่าง รพ กับออกแบบบ้าน ให้สอดคล้องกับทั้งกลุ่มคนวัยทำงานและคนสูงวัย มีศูนย์สุขภาพจากโรงพยาบาลวิมุตตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้าน
ส่วนคอนโด ที่ราคาย่อมเยาว์ มีแบรนด์ พลัมคอนโด
อีกธุรกิจที่เป็นความหวังคือโรงพยาบาลวิมุต มีความตั้งใจจะทำเป็นโรงพยาบาลเครือข่าย และอนาคตจะมีการออกไปต่างประเทศด้วย รวมถึงจะมีการทำศูนย์สุขภาพ wellness และคลินิกขนาดใหญ่
เป็นบริษัทที่มีสภาพคล่องทางการเงินสูง การสร้างโรงพยาบาลวิมุต มูลค่าประมาณ 6,000 ลบ ถ้าบริษัทจะไม่กู้เงินเลยก็สามารถทำได้ ด้วยกระแสเงินสดที่บริษัทมี
SC เป็นเจ้าตลาดบ้านราคา 10 ลบขึ้นไป เน้นบ้านหรู ตกแต่งดี แต่ราคาก็ขยับสูงตาม ครับ คอนโดล่าสุด แถวทองหล่อ ห้องละร้อยกว่าล้าน จุดที่กวนใจผมก็คือออก ESOP หลายรุ่นเหลือเกิน จะปริมาณไม่มากก็ตาม
SPALI เน้นทำอสังหาในแง่ของความคุ้มค่า ชอบสร้างในทำเลที่ไม่ใช่เกรด a ซะทีเดียว หมายถึงอาจจะไม่ได้ติดกับรถไฟฟ้าซะทีเดียว แต่ได้ห้องที่กว้างขึ้นใหญ่ขึ้น มีความคุ้มค่าในการอยู่อาศัยและประโยชน์ใช้สอย มีการกระจายลงทุนไปต่างประเทศและมีกำไรส่งกลับมาอย่างชัดเจนแล้ว มีออกไปต่างจังหวัดด้วย จุดอ่อนในช่วงนี้ก็คือการที่บริษัททำการขายหุ้นซื้อคืน คาดว่าจะกดดันราคาหุ้นจนถึงประมาณกลางปีหน้า
ORI เจ้าตลาดคอนโด มีไอเดียใหม่ๆเยอะ เช่นคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ คอนโด 2 ชั้น คอนโดโซโหสำหรับ sme บ้านเดี่ยวทำผ่าน BRI ทำสไตล์อังกฤษ น้องใหม่โตไว มาแรง
ขยันทำ JV มีทั้ง ทวงหนี้ โลจิสติคส์ รับคริปโต โรงแรม อสังหาให้เช่า อสังหาเพื่อการลงทุน (แฮมส์ตัน) health care ออริ-กัญชง (ไม่แน่ใจว่าครบหรือยัง มีลืมอะไรไหม 😆)
SENA เน้นระดับราคา ประมาณ 0.9 - 1.2 ลบ ส่วนราคาขยับตามขึ้นไปก็มีอยู่บ้าง ไปจนถึงแบรนด์บน อย่าง ปิติ (ผมไม่ชอบชื่อเลย 😂) เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่เพิ่งออก W และก็มี stock option หลายรุ่น จับปริมาณไม่มากแต่ก็น่ารำคาญใจไม่น้อย
จุดไหนผิดพลาดทักท้วงได้นะครับ
**********
ปีเตอร์ ลินซ์ เป็นผู้บริหารกองทุนแมคเจลเลน สามารถทำผลตอบแทนทบต้นอยู่ที่ 29.2% ต่อปี ติดต่อกัน 13 ปี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นผู้บริหาร Berkshire สามารถทำผลตอบแทนทบต้นอยู่ที่ 18.8% ต่อปี ติดต่อกันประมาณ 43 ปี คำนวนจาก ราคา BRK.A (ยังไม่ได้รวมกำไรจาก BRK.B) , 3/7/1979 - 23/6/2022
***********
บันทึกเป็นกรณีศึกษา ของหุ้น IPO
หุ้น ipo ตัวล่าสุดที่เราจำได้ ว่าผู้ถือหุ้นเดิมนำหุ้นสามัญเดิมออกมาขายพร้อมกับการขาย ipo คือ TIDLOR โดยเริ่มต้นซื้อขายวันแรก 10 พฤษภาคม 2564 โดยมีราคา ipo ที่ 36.50 บาท
การที่ผู้ถือหุ้นเดิมขายหุ้นสามัญเดิมออกมาด้วย มันเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง
เช่น บ.ดี มีผลประกอบการดี แต่ราคา IPO อาจจะสูงมาก จนทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมอยากจะขายออกมาเพื่อทำกำไรบ้าง
หรือ ผู้ถือหุ้นเดิมอาจอยากจะใช้เงิน เลยขายหุ้นสามัญเดิมออกมาพร้อมกับการ ipo
หรือ บ.อาจมีสัญญาณชะลอตัวอะไรบางอย่างในอนาคตที่ผู้บริหารมองเห็น แต่คนทั่วไปมองไม่เห็น
แต่ทั้งนี้ทั้งหมดก็ได้แต่เดาเท่านั้น
ในรูปเป็นกราฟ 30 นาที ของช่วงประมาณ 3 วันแรกหลังจาก ipo ของ TIDLOR
ปล.
TLI ไทยประกันชีวิต จะขายหุ้น ipo ทั้งหมดไม่เกิน 19.3% ของหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญ "เพิ่มทุนไม่เกิน" 7.4% ที่เหลือจะเป็นหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม
รวมถึงอาจพิจารณามีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน เพิ่มเติมอีกไม่เกิน 14.5% ของจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายในครั้งนี้
กรุงเทพประกันชีวิต
BLA เบี้ยประกันภัยปีแรก (ลบ)
2559 : 11,149
2560 : 11,947
2561 : 8,101
2562 : 6,198
2563 : 6,550
2564 : 6,262
ไทยประกันชีวิต
TLI เบี้ยประกันภัยรวม ปีแรก (ลบ)
2562 : 19,455.3
2563 : 17,396.0
2564 : 11,367.3
TLI เบี้ยประกันชีวิตแบบสามัญ ปีแรก
2562 : 16,544.9
2563 : 14,030.6
2564 : 7,895.9
**********************
เขื่อนที่ปล่อยน้ำตลอดเวลาเป็นประจำเป็นสิบปี แม่น้ำที่รับน้ำจากเขื่อน ย่อมมีระดับสูงกว่าตอนที่เขื่อนไม่ได้ปล่อยน้ำ
เรือที่ลอยในแม่น้ำ ย่อมลอยสูงตามระดับน้ำในแม่น้ำ ผู้คนย่อมเคยชินกับระดับน้ำที่สูงมาเป็นสิบปี วันไหนน้ำลด คนก็จะบอกว่าเดวน้ำก็ขึ้นมาใหม่ เพราะดูจากสถิติค่าเฉลี่ยย้อนหลังเป็นสิบ ก็บอกแนวโน้มไว้แบบนั้น
แต่ถ้าวันใดที่น้ำลด เพราะเขื่อนหยุดปล่อยน้ำอย่างถาวร
จะมีคนที่เคยชินกับค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่เคยดู แล้วบอกว่า เดวน้ำก็จะกลับมาอยู่ในระดับสูงเหมือนเดิม โดยลืมคิดไปว่า สถิติค่าเฉลี่ยย้อนหลัง แม้จะเป็นสิบปีก็ตาม มันใช้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว เนื่องจากมีตัวแปรสำคัญเปลี่ยนไป คือ เขื่อนหยุดปล่อยน้ำแบบถาวรแล้ว
ถ้าเขื่อนคือ เฟด , น้ำที่เขื่อนปล่อยคือ QE (เงินง่าย) , เรือ คือ ราคาหุ้น และค่าสถิติย้อนหลัง คือ P/S , P/E
???????
***********
มันสำคัญมากที่จะต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา
ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งเรียนรู้มากขึ้น ยิ่งมีประโยชน์ต่อการลงทุนมากขึ้น
**********
ล้มเหลวจนได้ดี - โธมัส เอดิสัน
ความล้มเหลวเป็นบทเรียนสู่ความสำเร็จ
***********
DXY
US dollar index ดัชนีวัดความแข็งของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินต่าง ๆ
โดยปกติสกุลเงินแข็งค่าขึ้น มีค่ามากขึ้น ก็ต่อเมื่อเป็นที่ต้องการมากขึ้น
หาก US Dollar Index เพิ่มขึ้นสูงกว่า 100 จุด หมายความว่า ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน
หาก US Dollar Inde xลดลงต่ำกว่า 100 จุด หมายความว่า ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน
ปกติแล้วทรัพย์สินใดๆก็ตามหากเป็นที่ต้องการสูง ก็ย่อมจะมีราคามีค่ามากขึ้น เงินดอลลาร์ก็เช่นกัน ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าเงินดอลลาร์จะกลายเป็นแบงค์กงเต๊ก เพราะมีแต่คนอยากได้และเป็นที่ต้องการ
ปล. ในรูปทำแพทเทิร์น w shape แถมเบรคแล้วด้วย หากว่ากันตามแพทเทิร์นมีโอกาสไปถึง 116 โดยประมาณ
***********
ช่วงประมาณปี 2008 เกิดวิกฤตซับไพร์ม SET ไหลลงอย่างรวดเร็วตามวิกฤตที่เกิดขึ้น ธปท ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพื่อพยุงเศรษฐกิจ
จากปี 2009 เป็นต้นมาเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว (นอนว่าดัชนีชี้นำล่วงหน้ากว่าคิดจริง)
พอช่วงกลางปี 2010 ฟื้นตัวได้ดีแข็งแรงแล้ว ธปท ก็เริ่มมีการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย (เส้นสีฟ้า) จะสังเกตได้ว่าจากกลางปี 2010 SET (เส้นสีส้ม) วิ่งขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงประมาณกลางปี 2013 จุดนี้พอจะบอกได้ว่าเศรษฐกิจเป็นตัวผลักดันดัชนีขึ้นไป การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น เพื่อลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ ไม่ให้ร้อนแรงเกินไป
โดยรวมคือ
แม้ดอกเบี้ยนโยบายจะขึ้นก็ตาม แต่สิ่งที่เป็นเจ้ามือหลักในการผลักดันดัชนี SET คือ "เศรษฐกิจจริงที่ฟื้นตัวเติบโต" และการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ไม่ได้ส่งผลกระทบให้ดัชนีลดลง
สรุป ให้ติดตามภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจริงจะดีกว่าคอยกังวลกับเรื่องดอกเบี้ยนโยบายที่จะปรับขึ้นหรือไม่