ALL ipo
บมจ ออล์ อนสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ALL
ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยทั้งโครงการคอนโดมิเนียม low rise และไฮไลท์ และทาวน์โฮม ภายใต้ชื่อ The Excel , Rise , Impression, และ The Vision รวมถึงประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนและนายหน้าในการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับต่างประเทศ ของกลุ่มบริษัท และของผู้ประกอบการอสังหารายอื่น
ปัจจุบันมีบริษัทย่อย 4 บริษัท
1. บจ. ไทย ดี เรียลเอสเตท ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนและนายหน้าขายอสังหาสำหรับตลาดต่างประเทศ
2. บจ. Rise Estate ประกอบธุรกิจลงทุนและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จโดยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายย่อยอื่นๆ
3. บจ. All Property Service ประกอบธุรกิจให้บริการ บริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุดที่เป็นโครงการของบริษัท
4. บจ. ALL LUX ONE ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมแบบ luxury
Condominium ณ สิ้นปี 2018
ก่อสร้างเสร็จแล้วและปิดการขายแล้ว 5 โครงการ ก่อสร้างเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างโอน 3 โครงการ กำลังก่อสร้างและกำลังขาย 1 โครงการ เปิดจองแล้วและกำลังรอการก่อสร้าง 7 โครงการ
ทาวน์โฮม กำลังก่อสร้างและกำลังขาย 1 โครงการ รวมทั้งสิ้น 17 โครงการ
แบรนด์ The Excel เป็นกลุ่มลูกค้าช่วงอายุ 25 ถึง 35 ปีที่มีระดับรายได้ต่อเดือนประมาณ 25,000 - 50,000 บาท
แบรนด์ Rise เป็นกลุ่มลูกค้าช่วงอายุ 25 ถึง 35 ปีที่มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 40,000 ถึง 80,000 บาท
Brand impression เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติที่มีรายได้ต่อเดือน 150,000 บาทขึ้นไป
แบรนด์ The Vision เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่อเดือน 40,000 ถึง 100,000 บาท เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัว
โครงการทันสมัยจัดตั้งในทำเลที่เป็นที่ต้องการของทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ มีทีมงานขายและการตลาดที่เข้าถึงความต้องการของลูกค้าชาวต่างชาติเนื่องจากบริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติได้แก่ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และมาเลเซีย บริษัทได้จัดทีมขายและการตลาดผ่านระบบตัวแทนขายย่อย sub agent ที่เป็นคนท้องถิ่นในแต่ละประเทศเป็นผู้นำเสนอขายโครงการ และจัดทำโรดโชว์
ปัจจุบันบริษัทมีร่วมทุนทั้งหมด 3 บริษัท ได้แก่
1.บจ ออลล์ อนสไปร์-ฮูซิเออร์ เกิดจากการร่วมทุนกับ Hoosiers Asia Pacific ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่น โดยปัจจุบันบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 51% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อโครงการ The Excel Hideaway สุขุมวิท 50
2. บจ.เอเอชเจ เอกมัย AHJ Ekkamai เกิดจากการร่วมทุนกับ Hoosiers Asia Pacific และ Kyushu Railway Company ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรถไฟฟ้าและธุรกิจหลายด้านในญี่ปุ่นโดยปัจจุบันบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 51% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ ชื่อโครงการ Impression Ekkamai
3. บจ. เอจี ทองหล่อ 12 เกิดจากการร่วมทุนกับ Ground Property ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ โดยปัจจุบันบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 62% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ทองหล่อ (ทองหล่อ 16)
บริษัทมีกำไรทุกปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิในปี 2016 ที่ 11 ล้านบาท ปี 2017 ที่ 81 ล้านบาท ปี 2018 ที่ 343 ล้านบาท โดยปี 2017 มีสาเหตุการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิกว่า 633 % yoy ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากรายได้การขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมต่อเนื่องจากปี 15 จำนวน 2 โครงการ อีกทั้งมีการรับรู้รายได้ใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 โครงการ
อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในช่วงปี 16-18 มีอัตราหนี้สินต่อทุนเท่ากับ 2.13 4.22 และ 6.78 เท่าตามลำดับ ด้วยการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของอัตราหนี้สินต่อทุนมีสาเหตุมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และการออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่อนำเงินมาใช้ในการพัฒนาโครงการและเป็นทุนหมุนเวียน
อัตราส่วนสภาพคล่องในช่วงปี 16-18 มีอัตราส่วนสภาพคล่องเท่ากับ 3.31 1.46 และ 1.19 เท่าตามลำดับ การลดลงอย่างต่อเนื่องของอัตราส่วนสภาพคล่อง เป็นผลมาจากสินทรัพย์หมุนเวียน ที่จากปีก่อนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่เงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกําหนดชําระภายในหนึ่งปีเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 ล้าน เงินกู้ยืมระยะสั้นเพิ่มขึ้นประมาณ 396 ล้าน และหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีเพิ่มขึ้นประมาณ 338 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนจากทรัพย์สินรวมในช่วงปี 16-18 มีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวมเท่ากับ 1.1 8% 4.22 เปอร์เซ็นต์ และ 8.0 3% ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวมมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตสุทธิ ของกำไร เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น
รายได้หลักประมาณ 84 เปอร์เซ็นต์ มาจากโครงการคอนโดมิเนียม
ในช่วงปี 2016-2018 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 98% 89 เปอร์เซ็นต์ และ 84% ตามลำดับ
กรมธนารักษ์กระทรวงการคลังได้ประเมินราคาที่ดินในเขตกทมในช่วงปี 2016-2019 ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 16 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงปี 2012-2015 โดย 5 อันดับแรกได้แก่ เขตพระโขนง เขตจตุจักร เขตบางกะปิ เขตลาดพร้าว และเขตลาดกระบัง เป็นปัจจัยเสี่ยงเนื่องจากบริษัทไม่มีนโยบายซื้อที่ดินเก็บไว้เพื่อรอการพัฒนาโครงการ
ปัจจุบันกลุ่มครอบครัว ธนวริทธิ์ ถือหุ้นในบริษัท เป็นสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ทั้งนี้ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชน ครอบครัวธนวริทธิ์ จะถือหุ้นในบริษัทประมาณ 73 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท
หลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ipo ครั้งนี้ จำนวน 150 ล้านหุ้น จะมีจำนวนหุ้นเรียกชำระเพิ่มขึ้น 560 ล้านหุ้น เป็นจำนวนหุ้นที่คิดเพิ่ม ขึ้นมาเป็นสัดส่วน 27 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชําระแล้วทั้งหมด เงินที่ได้จากการ ipo ครั้งนี้ บริษัทมีแผนใช้เงินเพิ่มทุนตามสัดส่วน ที่ได้จากเงินเพิ่มทุนดังนี้ 1 เพื่อเป็นทุนในการพัฒนาโครงการ 2 เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม 3 เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของกำไรสุทธิ ของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้และเงินสำรองต่างๆทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท
ที่มาของข้อมูล
credit CGS