วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2562

บริษัทมิตรสิบลิสซิ่งจำกัด มหาชน

บริษัทมิตรสิบลิสซิ่งจำกัด มหาชน ประกอบธุรกิจจำหน่ายและให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถแท็กซี่และรถเพื่อการพาณิชย์ โดยใช้นโยบายให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถแท็กซี่เฉพาะรุ่นที่ได้รับความนิยม ในอุตสาหกรรมรถแท็กซี่มิเตอร์ เช่นโตโยต้า Altis และ Innova  ถ้าในส่วนของยี่ห้อและรุ่นอื่น  บริษัทจะทำตามคำสั่งซื้อของลูกค้าโดยเฉพาะเท่านั้น  รถใหม่ป้ายแดง ระยะเวลาของสัญญาประมาณ 4-5 ปี

รถมือสองระยะเวลาของสัญญา 2 ถึง 5 ปี บริษัทมีให้บริการทำสินเชื่อใหม่หรือรีไฟแนนซ์กับลูกค้า ที่ซื้อรถแท็กซี่ของบริษัท รวมทั้งบริษัทมีการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อกับลูกค้าภายนอก เช่นลูกค้าที่สนใจสินเชื่อจากเต็นท์รถทั่วไป

แหล่งที่มาของรถแท็กซี่มือสอง  1 รถแท็กซี่ยึด  2  รถแท็กซี่รับซื้อ โดยรถแท็กซี่รับซื้อ แบ่งได้ 2 ประเภท  คือรถแท็กซี่ที่ลูกค้าของ บริษัทเองนำรถกลับมาขายคืน และ ในอดีตบริษัทมีการรับซื้อรถมือสองตามแหล่งต่างๆ แต่ปัจจุบันคงเหลือแค่การรับซื้อรถแท็กซี่มือสองที่บุคคลภายนอกนำมาขายให้กับบริษัทเท่านั้น

หากลูกค้ามีความต้องการซื้อด้วยเงินสด บริษัทสามารถให้บริการได้ทันที เนื่องจากบริษัทมีนโยบายในการจัดเตรียมรถแท็กซี่มิเตอร์ป้ายแดงไว้รองรับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลาไม่น้อยกว่า 10 คัน

 บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถเพื่อการพาณิชย์เช่นรถสองแถวประจำทาง รถบรรทุก เนื่องจากผู้ประกอบธุรกิจเหล่านี้ต้องได้รับสัมปทานในการเดินรถทำให้มีรายได้สม่ำเสมอมั่นคง สามารถผ่อนชำระหนี้ได้

    นอกจากนี้ บริษัทยังมีให้บริการเพิ่มเติมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเช่นการต่อภาษีรถยนต์การต่ออายุใช้งานมิเตอร์รถแท็กซี่ การต่ออายุประกันภัยพรบ การให้สินเชื่อกรมธรรม์ประกันภัยแก๊สรถแท็กซี่ บริษัทมีการออกจดหมายแจ้งเตือน เพื่อให้ลูกค้าเตรียมเอกสาร พร้อมทั้งชำระเงินซึ่งทางบริษัทจัดเตรียมชุดเอกสารต่างๆให้แก่ลูกค้า เพื่อไปดำเนินการต่อที่กรมขนส่งด้วยตนเองต่อไป
    ในเดือนเมษายนปี 2561 บริษัทได้เปิดการให้บริการสินเชื่อแบบรับซื้อ บัญชีลูกหนี้การค้ารับโอนสิทธิ์เรียกร้อง factoring ซึ่งเป็นการให้บริการสินเชื่อกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินการ

    ให้บริการรีไฟแนนซ์กับรถแท็กซี่ที่เป็นลูกค้าเดิมของบริษัท และยังไม่ได้ปิดบัญชีหนี้ โดยมีค่าธรรมเนียมในการอนุมัติวงเงินรีไฟแนนซ์ ครั้งละ 3,000 บาท และลูกค้าต้องผ่อนชำระให้เสร็จสิ้น  1 ปีก่อนที่รถดังกล่าวจะไม่สามารถเป็นรถแท็กซี่ได้

    การจัดไฟแนนซ์ รถนอก คือรถที่ไม่ใช่ลูกค้าเดิมของบริษัท หรือเคยเป็นลูกค้าเก่าแต่ได้ปิดบัญชีหนี้เช่าซื้อเดิมไปแล้ว จะมีการคิดค่าธรรมเนียมอนุมัติวงเงินไฟแนนซ์  4,000 บาท และอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ  15-18  ต่อปี  Flat rate  ตลอดอายุสัญญา

   การจัดไฟแนนซ์รถเต็นท์ คือกรณีที่ ผู้ขอสินเชื่อทำการซื้อรถแท็กซี่มิเตอร์ จากเต็นท์ขายรถ และต้องการสินเชื่อ บริษัทคิดค่าอนุมัติวงเงินไฟแนนซ์ครั้งละ 2,500 บาท และอัตราดอกเบี้ย ที่คิดกับลูกค้าร้อยละ 15 ถึง 18  ต่อปี  Flat rate  ตลอดอายุสัญญา

    เงื่อนไขอื่นๆสำหรับการจัดสินเชื่อใหม่ รถแท็กซี่ทุกคันที่จะทำสัญญารีไฟแนนซ์ ที่ยังไม่ได้ติด GPS  ต้องติดสัญญาณ GPS ทุกคันโดยบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ GPS  และค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง รถแท็กซี่รีไฟแนนซ์ถ้าประกันภัยเดิมมีอายุเกิน 3 ปี บริษัทจะใช้กรมธรรม์เดิมที่ติดมากับรถ แต่ถ้าเหลือ อายุกรมธรรม์น้อยกว่า 3 เดือน บริษัทจะทำการต่อกรมธรรม์ฉบับใหม่ให้ เนื่องจากรถแท็กซี่มีอายุรถตามที่กฎหมายกำหนด 9 ปี ดังนั้นบริษัทจะกำหนดระยะเวลาการผ่อนชำระ รถรีไฟแนนซ์  2 ปี  3 ปี และ 4 ปี โดยลูกค้าต้องผ่อนชำระให้เสร็จสิ้น 1 ปีก่อนที่รถดังกล่าวจะไม่สามารถเป็นแท็กซี่ได้

    บริษัทให้บริการสินเชื่อ เช่าซื้อรถแท็กซี่รถใหม่ป้ายแดง สำหรับลูกค้าที่สนใจออกรถกับดีลเลอร์รถยนต์ ในประเภทตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ระหว่าง ร้อยละ  6.75  ถึง 7.75 ต่อปี  Flat Rate  และถ้าเลือก ประเภทไม่ตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่างร้อยละ  7.75  ถึง 8.75  ต่อปี  Flat rate  ซึ่งทั้ง 2 แบบจะแตกต่างกันที่อัตราดอกเบี้ยเท่านั้น กรณีที่ทางดีลเลอร์รถยนต์ เป็นผู้ดำเนินการดัดแปลงรถยนต์ ให้เป็นแท็กซี่ ดีลเลอร์สามารถเรียกเก็บ ค่าใช้จ่ายในการดัดแปลงติดตั้งอุปกรณ์ส่วนเพิ่มเติมตามระเบียบกฎหมายใหม่ของกรมการขนส่ง ระบบเชื้อเพลิง จากทางบริษัทได้ตามจริงแต่ไม่เกิน  130,000 บาท

บริษัทให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถโดยสารประจำทาง กับบริษัทที่ได้รับสัมปทานวิ่งรถสาธารณะ คือบริษัทสีสวาทเดินรถจำกัด สายปากน้ำ ศรีเอี่ยม เป็นต้น รถที่ได้รับ การปล่อยสินเชื่อเป็นรถ ที่นิยมทั่วไป เช่นโตโยต้า  Isuzu  ณวันที่ 31 ธันวาคม  2561  บริษัทมีลูกค้าเช่าซื้อรถโดยสารประจำทาง จำนวน 19 สัญญา มูลค่ารวม  4 ล้านบาท

ธุรกิจการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก บริษัทรับจัดไฟแนนซ์ให้กับทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ทั้งรถบรรทุก 6 ล้อและ 8 ล้อและสิบล้อ โดยจะต้องเป็นรถที่ได้รับความนิยมทั่วไปเช่น  Hino  Isuzu  เบนซ์  UD  เป็นต้น ถ้าเป็นรถใหม่จะไม่คิดค่าธรรมเนียมในการอนุมัติวงเงิน ถ้าเป็นรถมือสอง คิดค่าธรรมเนียม ร้อยละ 1 ของวงเงิน ที่ได้รับอนุมัติ หรือขั้นต่ำ 5,000 บาท โดยรถบรรทุกดังกล่าว จะต้องติด GPS  ทางบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ณวันที่ 31 ธันวาคม 2561  บริษัทมีลูกค้าที่เช่าซื้อ จำนวน 1 สัญญา มูลค่า 700,000 บาท


เป้าหมาย
   เป็นศูนย์รวมการจัดจำหน่ายรถแท็กซี่ และการจัดสินเชื่อรถแท็กซี่ รวมถึงการจัดสินเชื่อรถเพื่อการพาณิชย์ แบบ One Stop Service  ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑลรวมถึงหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด โดยยึดหลัก ให้บริการสินเชื่อแบบไม่ตรวจสอบเครดิตบูโร บริการจำหน่ายติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งรถแท็กซี่ และให้คำปรึกษา เรื่องรถแท็กซี่

บริษัทมีแผนเปิดศูนย์ส่งเสริมความรู้ และให้บริการปรึกษาด้านการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์โดยเฉพาะรถแท็กซี่ ทั้งเชื้อเพลิงประเภทแก๊สแบบ LPG หรือ NGV

ณวันที่ 31 ธันวาคม 2561 บริษัทมีหุ้นสามัญ  667 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 50 สตางค์ โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว  500 ล้านหุ้น หุ้นสามัญส่วนที่เหลือจำนวน  167 ล้านหุ้น บริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก  ipo

กลุ่มครอบครัวยงค์สงวนชัย ถือหุ้น 50.69%
กลุ่มครอบครัวมั่งมี ถือหุ้น 9%
กลุ่มครอบครัว เลียวตระกูล ถือหุ้น 5.56%
ผู้ถือหุ้นอื่น  34.75%

บริษัทมิตรสิบลิสซิ่งจำกัดมหาชน ถือหุ้นในบริษัท  App Taxi จำกัด  44.50%

บริษัท App Taxi จำกัด ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท

บริษัทมีขั้นตอนในการจัดเตรียมรถใหม่ให้เป็นรถแท็กซี่ป้ายแดง โดยจะสั่งซื้อรถยนต์ใหม่จากตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ จากนั้นจึงส่งไปทำสีตามประเภทของรถแท็กซี่ จากนั้น จะนำไปติดตั้งอุปกรณ์เสริมตามโครงการ  Taxi OK  ของกรมการขนส่งทางบก เช่น ระบบ gps tracking  เครื่องรูดบัตรพนักงานขับรถ เพื่อแสดงตัวผู้ขับรถ ปุ่มฉุกเฉินสำหรับผู้โดยสาร กล้องบันทึกภาพภายในรถยนต์ แบบ snap shot  ป้ายไฟบนหลังคา มิเตอร์แบบปริ้นใบเสร็จ ป้ายไฟว่าง และอุปกรณ์วิทยุสื่อสาร จากนั้น จะส่งรถไปติดตั้งระบบแก๊สที่อู่แก๊ส ซึ่งระบบแก๊สรถยนต์ของบริษัท ที่ติดตั้งมีอยู่ 4 ระบบ
1. ระบบแก๊สธรรมชาติแบบหัวฉีด NGV
2. ระบบแก๊สปิโตรเลียมเหลวแบบหัวฉีด  LPG
3. ระบบแก๊สธรรมชาติแบบดูด  NGV
4. ระบบแก๊สปิโตรเลียมเหลวแบบดูด  LPG

ปัจจุบันบริษัทมีสถานที่แสดงรถแท็กซี่  1  สำนักงานใหญ่ถนนศรีนครินทร์  2  สาขาปั๊มน้ำมันชัยศิริจิต 3  สาขาศรีนครินทร์แบริ่ง  4 สาขาสุขสวัสดิ์ และ 5 สาขารามอินทรา

การให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อจะดำเนินการชำระเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้จัดจำหน่าย ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ จะเป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ โดยผู้เช่าซื้อ จะสามารถใช้ประโยชน์จากสินค้านั้น และเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ โดยกรรมสิทธิ์ของแท็กซี่นั้นจะถูกโอนเป็นของผู้เช่าซื้อก็ต่อเมื่อ ผู้เช่าซื้อได้ชำระเงินค่างวด ให้แก่ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อครบถ้วนตามสัญญา

รายละเอียดการให้บริการสินเชื่อ
แท็กซี่มิเตอร์ป้ายแดง เงินดาวน์  90,000 บาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ย Flat rate  ร้อยละ  6  ถึง 13 ต่อปี ระยะเวลาการผ่อนชำระ  4 ปีและ 5 ปี

รถแท็กซี่มิเตอร์มือสอง เงินดาวน์  30,000 บาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ย  Flat Rate  ร้อยละ  11-16 ต่อปี ระยะเวลาการผ่อนชำระ  2 ปี  3 ปี  4 ปี หรือ 5 ปี แต่ต้องผ่อนชำระหมดก่อนอายุของรถแท็กซี่ 1 ปี

สินเชื่อเพิ่มเติมลูกค้าเดิม กำหนดวงเงินตามเกณฑ์ราคาประเมินกลางตามรุ่นรถปีที่จดทะเบียนและประเภทแก๊ส อัตราดอกเบี้ย Flat Rate ร้อยละ  5-8 ต่อปี ระยะเวลาการผ่อนชำระเมื่อครบแล้ว ต้องเหลือเวลาการเป็นแท็กซี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี

สินเชื่อรถแท็กซี่มือสองลูกค้าเต็นท์
วงเงินตามเกณฑ์ราคาประเมินการตามรุ่นรถ ปีที่จดทะเบียนและประเภทแก๊ส อัตราดอกเบี้ย Flat Rate  ร้อยละ 15 ถึง 18 ต่อปี ระยะเวลาการผ่อนชำระเมื่อครบแล้วต้องเหลือระยะเวลาการเป็นรถแท็กซี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี

รถแท็กซี่มิเตอร์ป้ายแดงจากดีลเลอร์รถยนต์ เงินดาวน์ร้อยละ 15 ถึง 30  ชำระตรงกับผู้แทนจำหน่ายรถ อัตราดอกเบี้ย  Flat rate ร้อยละ 6.7 5 ถึง 7.75 ต่อปี ในกรณีที่ตรวจสอบเครดิตบูโร และอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.7 5-9  ต่อปี ในกรณีไม่ตรวจสอบเครดิต ระยะเวลาการผ่อนชำระ  2-4 ปี และ 5 ปี

การค้ำประกันของทุกประเภทสินเชื่อ หากผู้ค้ำประกันมีรายได้สุทธิมากกว่า  18,000 บาท ทางบริษัทจะอนุญาตให้ใช้ผู้ค้ำประกันเพียงคนเดียว แต่ถ้าผู้ค้ำประกันมีรายได้สุทธิน้อยกว่า  18,000 บาท แต่ต้องไม่น้อยกว่า 15,000 บาท ทางบริษัทจำเป็นต้องใช้ผู้ค้ำประกันจำนวน 2 คน
กรณีการจัดไฟแนนซ์ใหม่  refinance  ไม่ถึงร้อยละ 60 ของราคากลาง รับจัดไฟแนนซ์ตามรุ่นรถ ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน แต่การจัดไฟแนนซ์ กับ dealer นั้น ผู้ค้ำประกันต้องมีรายได้ขั้นต่ำ  23,000 บาทขึ้นไป
กรณีจัดไฟแนนซ์รถโดยสารประจำทาง ผู้ค้ำประกันจะเหมือนรถแท็กซี่ทุกประการ
กรณีรถบรรทุกมือหนึ่งป้ายแดงผู้ค้ำประกันต้องมีรายได้สุทธิจำนวน 40,000 บาทขึ้นไป และสำหรับรถบรรทุกมือสอง หรือรถบรรทุกรีไฟแนนซ์ ใช้ผู้ค้ำประกัน 1 ราย และผู้ค้ำจะต้องมีรายได้สุทธิจำนวน  20,000 บาทขึ้นไป หากผู้ค้ำประกันมีรายได้ไม่เกิน 18,000 บาท จะต้องใช้ผู้ค้ำประกันจำนวน 2 คน

สินเชื่อ Factoring อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ร้อยละ 8 ถึง 15 ต่อปี บริษัทจะคิดค่าธรรมเนียมการอนุมัติวงเงิน ในอัตราร้อยละ 0.5 ถึง 2 ต่อปี และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินแต่ละครั้ง และค่าธรรมเนียมรักษาวงเงิน ณวันที่ 31 ธันวาคม 2561  บริษัทมีการให้บริการสินเชื่อแฟคตอริ่งกับลูกค้าจำนวน 2 สัญญา มูลค่ารวม  2.25 ล้านบาท

บริษัทมีจุดแข็งในการให้บริการสินเชื่อดังนี้ ไม่ตรวจสอบเครดิตบูโร ระยะเวลาในการอนุมัติสั้น การให้บริการครบวงจร การให้บริการหลังการขาย

ลูกค้าของบริษัท
ลูกค้าบุคคลผู้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ เป็นลูกค้าเป้าหมายหลักของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 95  ของลูกค้าทั้งหมด

กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบอาชีพปล่อยรถแท็กซี่ให้เช่า คือบุคคลที่เช่าซื้อรถแท็กซี่จากบริษัทเพื่อนำไปปล่อยให้เช่าต่อ ซึ่งบุคคลเหล่านี้สามารถเช่าซื้อรถจากบริษัทได้มากกว่า 1 คัน กลุ่มนี้เป็นผู้มีศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้ได้

กลุ่มลูกค้าบุคคลหรือนิติบุคคลผู้ประกอบกิจการรถโดยสารประจำทาง กลุ่มนี้มักเป็นลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำเนื่องจากได้รับสัมปทานในการเดินรถ ทำให้สามารถคาดการณ์รายได้จากการประกอบธุรกิจของลูกค้า เพื่อประเมินความสามารถในการจ่ายชำระ

กลุ่มลูกค้าบุคคลหรือนิติบุคคลผู้ประกอบกิจการรถบรรทุก บริษัทกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้ประกอบการขนส่งหรือรับจ้าง ที่จะต้องมีความสามารถในการชำระหนี้สินที่เกิดขึ้นได้

กลุ่มลูกค้าบุคคลหรือนิติบุคคลผู้ประกอบกิจการต่างๆที่มีสัญญาว่าจ้างหรือการให้บริการและมีความประสงค์ต้องการใช้เงินทุนระยะสั้นเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ

จำนวนแท็กซี่ใหม่ที่จดทะเบียนปี 2561  มีจำนวน 
14,844 คัน แบ่งเป็นรถบุคคลธรรมดา  861 คัน เป็นรถนิติบุคคล จำนวน 13,983 คัน ( เนื่องจากรถแท็กซี่ต้องมีอายุไม่เกิน 9 ปี ดังนั้น รถแท็กซี่ชุดนี้จะหมดอายุการใช้งานในปี 2570)

สินเชื่อรถแท็กซี่มิเตอร์เป็นกลุ่มลูกค้าแบบเจาะจง ปัจจุบันมีการแข่งขันไม่รุนแรงมากเท่ากับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ การให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์แบบไม่ตรวจสอบเครดิตบูโร มีการแข่งขันที่สูงขึ้น เนื่องจากมีผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า บริษัทคู่แข่ง เช่น บริษัทเคเอสเจลิสซิ่งจำกัด บริษัท ไทยเอซลิสซิ่งจำกัด บริษัท มีนาลิสซิ่งจำกัด บริษัทเอวีลิสซิ่งจำกัด สหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ สหกรณ์แท็กซี่ไทย สหกรณ์แท็กซี่อาสาสมัคร สหกรณ์ราชพฤกษ์แท็กซี่ สหกรณ์มิตรแท้แท็กซี่ สหกรณ์แท็กซี่เพชรเกษม   เป็นต้น

สินเชื่อรถบรรทุก มีคู่แข่ง ที่ปล่อยสินเชื่อทั้งแบบตรวจสอบเครดิตบูโร เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด มหาชน บริษัทราชธานีลิสซิ่งจำกัดมหาชน เอเชียเสริมกิจลิสซิ่งจำกัดมหาชน ธนาคารทิสโก้จำกัดมหาชน ตะวันออกพานิชลิสซิ่งจำกัดมหาชน เซ็นเตอร์ออโต้ลีสจํากัด และที่ไม่ตรวจสอบเครดิตบูโร ได้แก่บริษัทไทยเอซแคปปิตอลจำกัด บริษัทดีเลิศธุรกิจจำกัด บริษัทเดอะทรัคลิสซิ่งจำกัด
อนึ่งประเทศไทย กำลังขยายการก่อสร้างทางรถไฟฟ้าให้เป็นระบบรางคู่ ซึ่งจะทำให้การขนส่งสินค้าทางรถไฟได้รับความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อันอาจทำให้การขนส่งทางรถบรรทุก ได้รับความนิยมลดลงได้ แต่ข้อจำกัดของการขนส่งทางรถไฟคือไม่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ มีความจำเป็นในการใช้รถบรรทุกในการกระจายสินค้า อีกทอด

ในปี 2560  บริษัทมีสัดส่วน เงินทุน มาจาก ส่วนของผู้ถือหุ้นร้อยละ 25.62 และส่วนของเงินกู้ยืมร้อยละ  73.06

31 ธค 2561
รวมสินทรัพย์ 1,174.03 ล้านบาท      100%
รวมหนี้สิน         860.76 ลบ            73.32%
ส่วน ผถห          313.27 ลบ             26.68%

                          2559          2560          2561
รายได้             366.34      282.89      303.32
กำไรขั้นต้น      160.92      170.47      193.60
EBIT                 99.10         78.61       107.72
NET PROFIT   62.27         39.37         56.76
ROE                  23.72%      14.65%      19.92%
BV                          0.56            0.51           0.63
BV (Fully Diluted) 0.42        0.38         0.47



















วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2562

ALL ipo

ALL ipo
บมจ ออล์ อนสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ALL
ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยทั้งโครงการคอนโดมิเนียม low rise และไฮไลท์ และทาวน์โฮม ภายใต้ชื่อ The Excel , Rise , Impression, และ The Vision รวมถึงประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนและนายหน้าในการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับต่างประเทศ ของกลุ่มบริษัท และของผู้ประกอบการอสังหารายอื่น

ปัจจุบันมีบริษัทย่อย 4 บริษัท
1. บจ. ไทย ดี เรียลเอสเตท ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนและนายหน้าขายอสังหาสำหรับตลาดต่างประเทศ
2. บจ. Rise Estate ประกอบธุรกิจลงทุนและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จโดยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายย่อยอื่นๆ
3. บจ. All Property Service  ประกอบธุรกิจให้บริการ บริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุดที่เป็นโครงการของบริษัท
4. บจ. ALL LUX ONE ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมแบบ luxury

Condominium ณ สิ้นปี  2018
ก่อสร้างเสร็จแล้วและปิดการขายแล้ว 5 โครงการ ก่อสร้างเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างโอน 3 โครงการ กำลังก่อสร้างและกำลังขาย 1 โครงการ เปิดจองแล้วและกำลังรอการก่อสร้าง  7 โครงการ
ทาวน์โฮม กำลังก่อสร้างและกำลังขาย 1 โครงการ รวมทั้งสิ้น 17 โครงการ

แบรนด์ The Excel เป็นกลุ่มลูกค้าช่วงอายุ 25 ถึง 35 ปีที่มีระดับรายได้ต่อเดือนประมาณ 25,000 - 50,000 บาท

แบรนด์ Rise เป็นกลุ่มลูกค้าช่วงอายุ 25 ถึง 35 ปีที่มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 40,000 ถึง 80,000 บาท

Brand impression  เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติที่มีรายได้ต่อเดือน  150,000 บาทขึ้นไป

แบรนด์ The Vision เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่อเดือน 40,000 ถึง 100,000 บาท เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัว

โครงการทันสมัยจัดตั้งในทำเลที่เป็นที่ต้องการของทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ มีทีมงานขายและการตลาดที่เข้าถึงความต้องการของลูกค้าชาวต่างชาติเนื่องจากบริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติได้แก่ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และมาเลเซีย บริษัทได้จัดทีมขายและการตลาดผ่านระบบตัวแทนขายย่อย sub agent ที่เป็นคนท้องถิ่นในแต่ละประเทศเป็นผู้นำเสนอขายโครงการ และจัดทำโรดโชว์

ปัจจุบันบริษัทมีร่วมทุนทั้งหมด  3 บริษัท ได้แก่
1.บจ ออลล์ อนสไปร์-ฮูซิเออร์ เกิดจากการร่วมทุนกับ Hoosiers Asia Pacific ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่น โดยปัจจุบันบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 51%  พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อโครงการ The Excel Hideaway  สุขุมวิท 50
2. บจ.เอเอชเจ เอกมัย AHJ Ekkamai เกิดจากการร่วมทุนกับ Hoosiers Asia Pacific และ Kyushu Railway Company ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรถไฟฟ้าและธุรกิจหลายด้านในญี่ปุ่นโดยปัจจุบันบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 51% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ ชื่อโครงการ Impression Ekkamai
3. บจ. เอจี ทองหล่อ 12 เกิดจากการร่วมทุนกับ Ground Property ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ โดยปัจจุบันบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 62%  พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ทองหล่อ (ทองหล่อ 16)

บริษัทมีกำไรทุกปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิในปี 2016 ที่ 11 ล้านบาท ปี 2017 ที่ 81 ล้านบาท ปี 2018 ที่ 343 ล้านบาท โดยปี 2017 มีสาเหตุการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิกว่า 633 % yoy ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากรายได้การขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมต่อเนื่องจากปี 15 จำนวน 2 โครงการ อีกทั้งมีการรับรู้รายได้ใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 โครงการ

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในช่วงปี 16-18  มีอัตราหนี้สินต่อทุนเท่ากับ 2.13 4.22  และ 6.78 เท่าตามลำดับ ด้วยการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของอัตราหนี้สินต่อทุนมีสาเหตุมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และการออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่อนำเงินมาใช้ในการพัฒนาโครงการและเป็นทุนหมุนเวียน

อัตราส่วนสภาพคล่องในช่วงปี 16-18  มีอัตราส่วนสภาพคล่องเท่ากับ  3.31  1.46  และ 1.19  เท่าตามลำดับ การลดลงอย่างต่อเนื่องของอัตราส่วนสภาพคล่อง เป็นผลมาจากสินทรัพย์หมุนเวียน ที่จากปีก่อนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่เงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกําหนดชําระภายในหนึ่งปีเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 ล้าน เงินกู้ยืมระยะสั้นเพิ่มขึ้นประมาณ 396 ล้าน และหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีเพิ่มขึ้นประมาณ  338 ล้านบาท

อัตราผลตอบแทนจากทรัพย์สินรวมในช่วงปี  16-18  มีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวมเท่ากับ  1.1 8%  4.22 เปอร์เซ็นต์ และ 8.0 3%  ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวมมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตสุทธิ ของกำไร เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น

รายได้หลักประมาณ 84 เปอร์เซ็นต์ มาจากโครงการคอนโดมิเนียม

ในช่วงปี  2016-2018 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ  98%  89 เปอร์เซ็นต์ และ 84% ตามลำดับ

กรมธนารักษ์กระทรวงการคลังได้ประเมินราคาที่ดินในเขตกทมในช่วงปี 2016-2019 ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 16 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงปี  2012-2015 โดย 5 อันดับแรกได้แก่ เขตพระโขนง เขตจตุจักร เขตบางกะปิ เขตลาดพร้าว และเขตลาดกระบัง เป็นปัจจัยเสี่ยงเนื่องจากบริษัทไม่มีนโยบายซื้อที่ดินเก็บไว้เพื่อรอการพัฒนาโครงการ

ปัจจุบันกลุ่มครอบครัว ธนวริทธิ์ ถือหุ้นในบริษัท เป็นสัดส่วน 100%  ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ทั้งนี้ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชน ครอบครัวธนวริทธิ์ จะถือหุ้นในบริษัทประมาณ 73 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท

หลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน  ipo  ครั้งนี้ จำนวน  150 ล้านหุ้น จะมีจำนวนหุ้นเรียกชำระเพิ่มขึ้น  560 ล้านหุ้น เป็นจำนวนหุ้นที่คิดเพิ่ม ขึ้นมาเป็นสัดส่วน 27 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชําระแล้วทั้งหมด เงินที่ได้จากการ ipo ครั้งนี้ บริษัทมีแผนใช้เงินเพิ่มทุนตามสัดส่วน ที่ได้จากเงินเพิ่มทุนดังนี้  1 เพื่อเป็นทุนในการพัฒนาโครงการ  2 เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม  3 เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของกำไรสุทธิ ของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้และเงินสำรองต่างๆทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท

ที่มาของข้อมูล
credit CGS

วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2562

มารู้จัก DoHome กัน


DO
ดูโฮม มีศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านแบบครบวงจร One Stop Home Product destination  รู้จักกันในนามมหานาจักรบ้าน พื้นที่ขายและพื้นที่คลังสินค้า  35000 ถึง 65000 ตารางเมตร มี 9 สาขาใน 9 จังหวัด จังหวัดอุบล จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปทุมธานี ขอนแก่น อุดรธานี สมุทรสาคร บางบัวทองนนทบุรี ลำพูน และฉะเชิงเทรา มีสินค้ามากกว่า 100,000 sku  บริษัทแบ่งเป็น 3 กลุ่ม 

1 กลุ่มวัสดุก่อสร้าง  2 สินค้ากลุ่มวัสดุซ่อมแซมและ 3 สินค้ากลุ่มวัสดุตกแต่ง 

รายได้หลักมาจากการขายและค่าบริการ ส่วนรายได้อื่นมาจากการให้เช่าพื้นที่บริเวณรอบอาคาร บริษัทมีทีมงานพัฒนาสินค้าภายใต้ ตราสินค้าของกลุ่มบริษัท  House Brand และมีมากกว่า 14,000 SKU

ปี 2560  รายได้จากการขายสินค้าภายใต้ตราสินค้าอื่น  85.2 เปอร์เซ็นต์ รายได้จากสินค้าภายใต้เฮ้าส์แบรนด์  14.8 เปอร์เซ็นต์ โดยที่รายได้จากการขายสินค้า House Brand  ปี 2558 อยู่ที่ 7.1 เปอร์เซ็น ปี 2559 อยู่ที่ 11.4 เปอร์เซ็นต์

รายได้จาก การขาย และค่าบริการจากสินค้า House Brand มากกว่าร้อยละ 55  มาจากสินค้ากลุ่มวัสดุซ่อมแซม

บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสินค้าภายใต้ House Brand ที่ 20 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากการขายและบริการภายในปี 2563

การให้บริการ บริษัทมีบริการจัดส่งสินค้า มีบริการบำรุงรักษาและซ่อมแซม ลูกค้าสามารถนำเครื่องมือหรืออุปกรณ์ช่างมาแจ้งซ่อมผ่านสาขาได้ มีบริการประกอบและติดตั้ง สินค้าจำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าสุขภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ 

มีบริการให้คำปรึกษาและดำเนินการออกแบบตกแต่ง เช่นห้องน้ำห้องครัว 
และมีบริการจัดหาสินค้าพิเศษ ในกรณีที่ลูกค้าต้องการเลือกรูปแบบสีและขนาดก่อนการสั่งซื้อ

บริษัทมีประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและอาคารมากกว่า 35 ปี

บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 4 สาขา ได้แก่สาขาเพชรเกษม สาขาสุราษฎร์ธานี สาขาชลบุรีและสาขาพิษณุโลกภายในปี 2565

บริษัทมีแผนปรับปรุงสาขาเดิม และบริษัทมีแผนเพิ่มร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างที่เป็นพันธมิตร

ในส่วนของพื้นที่คลังสินค้า แวร์เฮ้าส์ ลูกค้าสามารถนำรถ เข้ามาจอดเพื่อรับสินค้าบรรทุกขึ้นรถกลับได้ทันที

บริษัทได้พัฒนาช่องทางจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ www.dohome.co.th ลูกค้าสามารถเลือกวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่องทางทางเว็บไซต์สามารถให้บริการเต็มรูปแบบภายในปี 2562

กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ลูกค้ารายย่อย ลูกค้าประเภทค้าช่วง ลูกค้าผู้รับเหมาก่อสร้างและงานโครงการ ลูกค้าหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ

บริษัทไม่มียอดขายให้แก่ลูกค้ารายใดรายหนึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกินกว่า 5 % ของรายได้จากการขาย

ทำเลที่ตั้งบางสาขาของบริษัท อยู่บนถนนสายหลักที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศได้โดยตรง เพื่อนประเทศลาว 

การรับชำระสินค้า
1.รับชำระเป็นเงินสด ซึ่งรวมถึงการรับชำระด้วยเงินโอนเช็คบัตรเครดิตและรับชำระสินค้าปลายทาง
2. การให้สินเชื่อทางการค้า ขึ้นอยู่กับการประเมินความน่าเชื่อถือทางการเงินของลูกค้าและฐานะทางการเงินและเอกสารหลักฐานสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์ มูลค่าหลักประกัน รวมถึงประวัติการชำระเงินในอดีต

ในปี 2558  บริษัทมีสัดส่วน รายได้จากการให้สินเชื่อทางการค้า 37%  และ ในปี 2560  33%

ปี 2559  ร้านค้าวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ Modern Trade  มีส่วนแบ่งการตลาด 24.5 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ 5 ราย มีส่วนแบ่งรายได้ ดังนี้ Homepro  มีสัดส่วนรายได้  44.7 % ไทวัสดุ มีสัดส่วนรายได้ 17%  Global  มีสัดส่วนรายได้ 16.7% ดูโฮม มีสัดส่วนรายได้  16.3 % และเมก้าโฮมมีสัดส่วนรายได้ 5.4%

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2562

oppday XO 20/2/2562

oppday XO 20/2/2562
ก่อตั้งในปี 1999
บริษัทขายของเข้า consumer market  ใบ certificate ต่างๆจึงมีความสําคัญ
ครอบครัวจันทรัชถือหุ้นอยู่ 61 เปอร์เซ็นต์
ตลาดซอสปรุงรสต่างๆ

ซอสทาบาสโก้ ปี 2017  ยอดขายอยู่ที่ 7,600 ล้านบาท
คิกโคแมนซีอิ้วจากญี่ปุ่น ปี 2018 ยอดขายอยู่ที่ 128,000 ล้านบาท
ซอสไฮน์ ยอดขายปี 2018  อยู่ที่ 840,000 ลบ
ฮ่วยฟง ซอสศรีราขาตราไก่ ของอเมริกา ปี 2017 ยอดขาย 3,500 ลบ สร้าง รงใหม่ ใหญ่ขึ้นสิบเท่าตัว
ซอสหอยนางรมลีกุมกี่ ยอดขายปี 2017 อยู่ที่ 98,000 ลบ  ยอดขายแค่ 5 บริษัทนี้ ต่อปีเกิน 1 ล้านล้าน

มูลค่าการส่งออกซอสไทยไปต่างประเทศ เป็นข้อมูลที่พยายามรวบรวมมาอาจไม่ถูกต้องทั้งหมด
2014  ส่งออก 13,000 ลบ  เราเป็น 3.6%
2015 ส่งออก 13,500 ลบ เราเป็น 3.6%
2016 ส่งออก 14,000 ลบ เราเป็น 4.1%
2017 ส่งออก 12,700 ลบ เราเป็น 5.3%
2018 ส่งออก 13,300 ลบ เราเป็น 6.7%

XO มีสินค้า 5 กลุ่ม
1.น้ำจิ้มไก่ ซอสพริก มียอดขายเป็น 79% ของ บ.ในปลายปี 2018 กลุ่มนี้มี margin มากกว่า margin เฉลี่ยของบริษัท กำไรของบริษัทจะดีไม่ดีขึ้นอยู่ตรงนี้เป็นหลัก target ของบริษัทคือต้องขายสินค้าในกลุ่มนี้ให้ได้มากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ของบริษัท
2. เครื่องแกงกะทิ ยอดขาย 11% ของยอดขายรวม
3. กลุ่มน้ำ น้ำอโรเวร่า โกจิเบอร์รี่ น้ำมะพร้าว กลุ่มนี้ ไม่มีกำไร สอดายอยู่ที่ประมาณ 1.5% ของยอดขายทั้งหมด
4. อาหารสำเร็จรูป แกงกระป๋อง 1.2% ของยอดขาย
5. กลุ่มซื้อมาขายไป เช่น เส้นก๋วยเตี๋ยว ผักผลไม้กระป๋อง  6.1 เปอร์เซ็นต์ มีกลุ่มนี้ เพื่อให้เป็น One Stop
ของบริษัทมี 7 ยี่ห้อ Exotic ,Thai Pride, Flying Goose, COCO water Aloe water Goji water COCO LOTO



 เราขายของให้กับดิสทริบิวเตอร์มากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ดิสบิวเตอร์ จะไปวางขายให้กับห้างค้าปลีกอีกที ทำให้สินค้าของเรามีวางอยู่มากกว่า 5,000 outlet ทั่วโลก การออกงานแสดงสินค้าปีละ 12-15 ครั้ง เป้าหมายของลูกค้าใหม่ 1 คนต่อหนึ่งงาน
 เริ่มทำออนไลน์มาร์เกตติ้ง ได้ปีสองปี เน้นสร้างแบรนด์ สร้างคอมมูนิตี้ ช่วยเพิ่มยอดขายได้ค่อนข้างดี

 ทวีปยุโรปยอดขาย 84% อเมริกา 2%  อัฟริกา 1% ออสเตรเลียกับหมู่เกาะแถวนั้น 6% เอเชีย 5.8%

2018 มีนิวมาร์เกต จีน, มัลดีฟ, เมียนม่า ไต้หวัน ออสเตรเลีย ฟิจิ บัลแกเลีย เชค ไซปรัส นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ รัสเซีย สเปน อิสราเอล อาร์เจนติน่า แคนนาดา

New product ศรีราชาวาซาบิ, ศรีราชาแบลคเอ้าท์ (เผ็ดมาก)

ยอดขายตามน้ำหนัก
 2017  : 13,500 ตัน
 2018  : 15,000 ตัน

2018 ส่งออกเป็นเงินบาท 56%, usd 35% , uro 9%

ที่ขายเป็นเงินบาทได้เพราะขายแบรนด์ตัวเองเป็นหลัก ทำให้เรามีกำลังต่อรอง  บ.จะขายแบรนด์ตัวเองไม่ต่ำกว่า 85% แต่ตอนนี้อยู่ที่ 91%

สินค้าซอสปรุงรส เป็นสินค้าที่มี GP สูงสุดของ บ.
วัตถุดิบหลัก น้ำตาลและกระเทียม
2018 เป็นปีแรกที่ใช้โรงงานใหม่ที่อมตะซิตี้เต็มปี

ถ้าปี 2019 สามารถรักษา product Mix ได้ที่ระดับนี้ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์บวกลบนิดหน่อย

ค่าใช้จ่ายในการขายในปี 2018 อยู่ที่ 6.6 เปอร์เซ็นต์ ในอนาคตคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้หรือถ้าเพิ่มขึ้นก็อาจจะไม่เกิน 7 เปอร์เซ็นต์
ROE 34.4% ROA 25.3%

2019 OUTLOOK บริษัทตั้งเป้าจะโต 10-15 เปอร์เซ็นต์  3 ปีที่แล้วปรับราคาลูกค้า 1.5 ถึง 6.5 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ได้มาประมาณ 2-3 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ที่ปรับขึ้นราคา มีการปรับสกุลเงินที่ขายจากเงิน US เป็นเงินบาท ซึ่งจะส่งผลดีต่อ q1 Q2 ปีนี้  (2019) เพราะ q1 Q2 ปีที่แล้วยังไม่ได้ปรับ
ราคาของวัตถุดิบ มีการล็อกเอาไว้ยาวเลยได้อานิสงส์ ว่าได้กำไรสูงขึ้น fix น้ำตาล ไปจนถึง First half 2020 กระเทียมพริกได้จนถึง Second half ปี 2020
Target gp 2019 ที่ประมาณ 40% + -

เราจะมีรายได้เป็นเงินบาท 70 ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ใน Q2 2019

เราจะขายลูกค้าเดิมเพิ่มขึ้น เราจะหาลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่มยอดขาย เราจะเพิ่มสินค้าใหม่ขายลูกค้าใหม่ ตลาดซอสปรุงรสทั่วโลก ใหญ่มากๆ และแบรนด์ใหญ่จริงๆเพราะขายเยอะมากๆ เราเทียบกับเขาแล้วเรายังไปไม่ถึงไหนเลย Outlet ที่เรามีอยู่หลาย Outlet ยังสามารถเพิ่มยอดขายได้อีก ถ้าเราสามารถย้าย Section ได้เราก็สามารถเพิ่มยอดขายได้ซึ่งบริษัทก็พยายามทำอยู่ ซึ่งเราเคยทำอย่างนี้มาแล้วที่ประเทศนิวซีแลนด์ ปีที่ยอดขายน้ำจิ้มไก่เพิ่มขึ้น 200-300 เปอร์เซ็นต์   by joe789

 ปี 2019 กำไรคาดว่าจะเบรคไฮอีก
 4-5 ปีที่ผ่านมาอาหารญี่ปุ่นมาแรง ณตอนนี้อาหารไทยเริ่มมา อาหารไทยเริ่มเข้า mainstream Media แล้ว เพราะเทรนด์ของคนทั่วโลกชอบกินอาหารที่ Healthy มากขึ้น อาหารไทยจะเป็น The Next Mega Trend
 Kitchen of the world รัฐบาลไทยส่งเสริมอาหารไทยมาทุกยุคทุกสมัย นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกปี จะทำให้รู้จักอาหารไทยมากขึ้น  เราเป็น One Stop brand และเรามี certificate มากมายทำให้สามารถนำสินค้าเข้าซุปเปอร์ต่างๆได้

สินค้าใหม่ๆที่บริษัทออกยอดขายจะไม่ได้มาทันทีแต่จะค่อยๆโต มีคุยกับลูกค้าที่จะทำโปรเจคใหม่ๆในการเพิ่มยอดขาย

ลูกค้ามีหลายเจ้า การสั่งของของลูกค้าแต่ละช่วงจะไม่เหมือนกัน เวลาสั่งจะสั่งเป็นล็อต บางคนจะสั่งช่วงนี้เยอะบางคนจะสั่งช่วงนั้นเยอะ อย่างเช่นฝรั่งเศสชอบทำ Chinese new year promotion  เพราะฉะนั้นใครที่ขายไปฝรั่งเศส ก็ต้องการทำโปรโมชั่นอันนี้ส่วนคนที่ขายในประเทศอื่นเขาก็จะไม่สนดังนั้นเวลาสั่งออเดอร์บางทีก็จะมาพร้อมกันเยอะแยะบางครั้งก็จะมาน้อยหน่อยดังนั้นถ้าจะอยู่ดูยอดขายของบริษัทน่าจะดูแบบทั้งปี ปีชนปี แต่ถ้าจะดูเป็นรายไตรมาสต้องโตอาจจะไม่ใช่แนวของบริษัทเรา

กฎหมายแรงงานที่เพิ่มจาก 300 วันเป็น 400 วันตั้งสำรองเพิ่ม 2.5 แสนบาท ค่าแรงของพนักงาน พี่เป็นของบริษัทเราไม่รวมเอาซอสทั้งในส่วนของโรงงานและในส่วนของออฟฟิศ อยู่ที่ประมาณ 100 ล้านถึง 120 ล้านบาท

ปีนี้คิดว่าจะไปที่ยุโรป Eastern Europe  เพราะว่าเราเคยขาย Western ยุโรปค่อนข้างเยอะแล้ว  70-80 เปอร์เซ็นต์ ยกตัวอย่างประเทศโปแลนด์ มีประชากรประมาณ 70 ล้านคน คล้ายๆประเทศเยอรมันมีแต่ที่เยอรมันนีเราขายดีมาก และวิธีทานอาหารคล้ายๆกัน คือทางโปแลนด์และเยอรมันกินอาหารรสชาติของจะเกิดข้างๆจืดๆ
ไปปีที่แล้ว ออสเตรเลีย เริ่มขายดี
ยอดขายส่วนใหญ่ 97.5 เปอร์เซ็นต์มาจากลูกค้าเก่าและเป็นลูกค้าใหม่เพียง 2.5%
ส่วนใหญ่ลูกค้าเราจะขายอยู่ในประเทศเขาเพราะเขาเป็นดิสทริบิวเตอร์อยู่ในประเทศเขา บางทีอาจมีการส่งขายไปยังประเทศอื่นที่ไม่สามารถ Import เองได้บ้าง เวลาเขาสั่งไปเพิ่มขึ้นนั่นแปลว่าเขามี point of sale เพิ่มขึ้น หรือยอดขายในปทเขาเพิ่มขึ้น

ที่โรงงานใหม่เราแทบไม่มีแรงงานที่เป็นรายวันเลย เป็นแรงงานเป็นเงินเดือน ทำให้อัตราการเทิร์นโอเวอร์ต่ำลงมาก รับเป็น skill worker ทั้งหมด turn over Rate จาก 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ลดเหลือ 2-3 เปอร์เซ็นต์ การที่พนักงานอยู่นานมีการเรียนรู้การทำงานมี Learning Curve ทำให้ overall activity ของเราดีขึ้นไม่ต้องสอนงานใหม่ตลอดเวลา

อเมริกาเรามีไปงาน trade fair ปีละ 2-3 รอบ เราก็พยายามอยู่ วันหนึ่งเราก็จะต้องขายได้เหมือนกับหลายๆประเทศที่เราพยายามไปแล้วเราไปจนขายได้

เงินที่ได้จาก xo w1  ที่ออกไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วตอนแรกตั้งใจจะไปทำ Due M&A แต่ดิวนั้นก็ไม่สำเร็จ ก็จะนำเงินนั้นเอาไว้ลงทุนในโรงงานเพิ่ม

เราไม่อยากซื้อกิจการเพียงแค่เพราะว่าอยากซื้อ แล้วให้มานั่งตามแก้ปัญหาทีหลัง

ตอนนี้มีไปทำโรงงานชั่วคราวดองพริกอยู่ที่จังหวัดสุโขทัยซึ่งเป็นแหล่งพริกที่ออกที่สุโขทัยเลยเพิ่งเริ่มทำไป รอให้จบหน้าฤดูพริกก่อนถึงจะเห็นผลงาน เล่าให้ฟังอีกทีนึงใน of Day ครั้งหน้า

Line Pet ใหม่ที่ลงที่อมตะลงเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว เริ่มตรวจระบบต่างๆไปแล้วเริ่มมีส่งออกแล้วในเดือน 3 นี้กำลังจะทดลองผลิตสินค้าอื่นเพิ่มขึ้นเราค่อยๆทำทีละตัวสองตัวเพื่อให้ stable

จะขายคาดว่าจะเติบโต 10 ปี 15 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ส่วนกำไรถ้าจะเติบโตเกินกว่า 15% คาดว่าจะทำได้ไม่น่าจะยาก

ปีที่แล้วมีค่าใช้จ่ายจากการใช้กำลังการผลิตไม่ถึงเป้าอยู่ประมาณ 16 ล้านบาท  ถ้าโรงงานใหม่มีกำลังการผลิตเกิน 80% ค่าเสื่อมราคาเกี่ยวกับโรงงานก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

บริษัทเปิดมา 20 ปียอดขายเคยตก 2 รอบ ครั้งแรกตกเพราะเราขาย oem เยอะ แต่พอขอต่อราคาแล้วเราไม่ให้ยอดขายก็ตก ครั้งที่ 2 คือยุโรปเข้าสู่ช่วง  recession  ถ้าเป็นเพราะเราขาย retail เยอะ ทำให้ยอดขายตกไม่มาก จริงๆแล้วถ้า GDP ไม่ดียอดขายและอาจเพิ่มขึ้นก็ได้ คือทางที่ควรจะไปกินตามร้านก็จะซื้อมาปรุงอาหารทานเองมากขึ้น

อาจจะมีการตั้งสำรองด้อยค่า เครื่องจักรของเครื่องดื่ม ในกรณีที่เราไม่ทำเครื่องดื่มแล้ว ถ้าจะต้องมีการตั้งสำรองจริงๆคิดว่าไม่เกิน 5 ล้านบาท เราจะเลิกโฟกัสน้ำเราจะขายซอสเป็นหลัก

สินค้าเราไปเข้าทาง Tesco UK เยอะขึ้น ทุก Format Tesco มีประมาณ 3000 Outlet ที่ UK  แล้วเขาได้ถึงประมาณ 50-60% น้องสาขาเข้าได้หลาย sku บางสาขาก็ sku เดียว

สินค้าเรามีอยู่ประมาณ 700 SKU
Top 5 ของดิสทริบิวเตอร์ ทำยอดขายให้เราประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์

ขนาดจีนตอนนี้ยังขายน้อยมากยังไม่ถึง 0.5% เลยยังมีคุยกันอยู่และยังพยายามทำอยู่ คาดว่าในตลาดจีนปีนี้น่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นได้ ตลาดจีนเน้นขอราคาถูกๆก่อนเลย แล้วมีแผนกเซลล์อยู่ 4 คนมีอยู่ 2 คนคุยอยู่

วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2562

Oppday CPN 1/3/2019

Oppday CPN
-กำไรขั้นต้นลดลงมาเป็นผลจากธุรกิจปล่อยเช่า ธุรกิจปล่อยเช่ามีอัตรากำไรต่ำกว่าธุรกิจศูนย์การค้า เป็นเรื่องของการปรับเปลี่ยนโครงสร้างรายได้ 
- ธุรกิจศูนย์การค้าภาพรวมโตปีละ 8% 
- รายได้จากอาหารและเครื่องดื่มเติบโตตามจำนวนห้างที่เปิดเพิ่ม 
- cost and service เพิ่มมากกว่ารายได้จากการต่อสัญญาเช่าที่ดินเซ็นทรัลพระราม 2 และค่าธรรมเนียมในการโอนคอนโด ของธุรกิจ Residence รวมถึงค่าธุรกรรมในการซื้อจีแลนด์ทำให้ sg&a บวมขึ้นมา 
- รายได้ธุรกิจโรงแรมเปลี่ยนวิธีการบันทึกจากเดิมบันทึกที่กำไรสุทธิเปลี่ยนมาเป็นบันทึกรายได้และบันทึกค่าใช้จ่าย 
- residential กำไรขั้นต้น 43% ดีกว่าที่คาด 
- ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มตามจำนวนศูนย์การค้าที่เพิ่ม 
- แผนงานไปทางมิกซ์ยูสและไปต่างประเทศมากขึ้น 
- เซ็นทรัลภูเก็ตมี อควาเรียม และมีไตรภูมิ 
- ctw ปรับปรุงเสร็จแล้ว และจะเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ที่สำคัญของ cpn 
- residential จะเปิดอย่างน้อย 3 โครงการต่อปี 
- ยังคงพัฒนาที่ดินตรงพลโยธินที่ร่วมทุนกับ BTS 
- โครงสร้างอัตราการเติบโตของรายได้ที่ 13 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ในช่วงปีต่อต่อไปนี้ 
- Big C ในเวียดนามเป็นของกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่ง การที่ cpn มีแผนการลงทุนในเวียดนาม จะได้ประโยชน์ จากการร่วมมือกับเซ็นทรัล ที่ได้ไปลงทุนอยู่ในเวียดนามก่อนหน้านี้แล้ว 
-แผนการดำเนินการเกี่ยวกับ Gland 
-เพิ่มรายได้ , เติมพื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์, เพิ่ม Occupancy , ขายคอนโดที่ยังเหลืออยู่ประมาณ 40 ห้อง 
-คาดว่าจะมี contribute เข้ามา CPN 2-3%
-Manage ต้นทุนที่ซ้ำซ้อนกับ CPN เพื่อให้เกิด Economy of scale