วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สรุป AKARA

สรุป AKARA จาก Filing  9/6/2557

2554 NP  1,384 ลบ
2555 NP  2,536 ลบ
2556 NP  1,751 ลบ

จำนวนหุ้นทั้งหมดหลังIPO  1,095 ล้านหุ้น(เป็นหุ้นสามัญ 1029.3ล้านหุ้น,เป็นหุ้นบุริมสิทธิ์ 65.7ล้านหุ้น)
กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ ทรัพยากร / เหมืองแร่


    บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทจากัดภายใต้กฎหมายไทยเมื่อปี 2536 บริษัทเป็นเจ้าของและเป็นผู้ประกอบการโครงการเหมืองแร่ชาตรีคอมเพล็กซ์ในประเทศไทย โดยบริษัทได้รับอนุมัติประทานบัตรหลายฉบับ เอเชีย โกลด์ ในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมที่เสนอขายหุ้นในครั้งนี้ เป็นบริษัทที่คิงสเกทซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศออสเตรเลีย (ASX) ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100

ปี 2556
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2556 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2556 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทดาเนินการในเรื่องดังต่อไปนี้
 แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจากัด
 เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ จากเดิมหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 0.50 บาท
 เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจานวน 78,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจานวน 512,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จานวน 590,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจานวน 646,000,000 หุ้น และ หุ้นบุริมสิทธิจานวน 534,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชน
โดยบริษัทได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนและเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จากัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2556

บริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจานวนไม่เกิน [71,000,000] หุ้น ในต่างประเทศทั้งจานวน โดยนักลงทุนในต่างประเทศจะต้องลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวในรูปของเอ็นวีดีอาร์ เอเชีย โกลด์ แบ่งการเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่ 1 เป็นการเสนอขายต่อประชาชนในประเทศ จานวนไม่เกิน [246,375,000] หุ้นสามัญ และส่วนที่ 2 เป็นการเสนอขายให้กับบุคคลในวงจากัดในต่างประเทศจานวนไม่เกิน [175,375,000] หุ้นสามัญ ผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) โดยในวันแรกที่หุ้นของบริษัทเริ่มทาการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยนักลงทุนในต่างประเทศจะต้องลงทุนซื้อหุ้นสามัญดังกล่าวในรูปของเอ็นวีดีอาร์

บริษัทเป็นเจ้าของและประกอบธุรกิจเหมืองแร่ทองคาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยพิจารณาจากปริมาณสินแร่ (ore reserves) และการผลิตทองคาของโครงการเหมืองแร่ชาตรีคอมเพล็กซ์ โดยโครงการเหมืองแร่ชาตรีคอมเพล็กซ์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 280 กิโลเมตร และอยู่ในเขตพื้นที่ของจังหวัดพิจิตรและจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งอยู่บริเวณภาคกลางของประเทศไทย โครงการเหมืองแร่ชาตรีคอมเพล็กซ์ประกอบด้วย (1) โครงการเหมืองแร่ชาตรีใต้ ซึ่งเริ่มดาเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนพฤศจิกายน 2544 (2) โครงการเหมืองแร่ชาตรีเหนือ ซึ่งเริ่มดาเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนพฤศจิกายน 2551 (3) โรงประกอบโลหกรรมชาตรี และ (4) บ่อกักเก็บกากแร่










ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับธุรกิจของบริษัท


  • ผลประกอบการของบริษัทขึ้นอยู่กับราคาทองคาและความสมบูรณ์ของทองคาในสินแร่ของบริษัทเป็นสาคัญ
  • ปริมาณการผลิตทองคา ณ โครงการเหมืองแร่ชาตรีคอมเพล็กซ์อาจลดลง และต้นทุนการผลิตต่อหน่วยอาจสูงขึ้นในอนาคต
  • กฎหมายและกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความเข้มงวดมากขึ้น หรือมีการบังคับใช้อย่างเข้มงวดมากขึ้น อาจทาให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม หรือต้องปรับเปลี่ยนลักษณะการดาเนินงานของบริษัท
  • ความเสี่ยงจากการตีความ พรบ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
  • การประกอบกิจการเหมืองแร่มีระยะเวลาสิ้นสุด และการปิดเหมืองเมื่อเลิกกิจการมีค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงเกี่ยวกับการติดตามตรวจสอบ การฟื้นฟูสภาพ และการปฏิบัติตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่ต้องดาเนินการอย่างต่อเนื่อง
  • ระดับและขอบเขตความคุ้มครองของประกันภัยของบริษัทอาจไม่เพียงพอ
  • บริษัทเข้าไปเกี่ยวข้องในคดีความหลายคดี คาพิพากษาที่ถึงที่สุดที่เป็นผลเสียกับบริษัทอาจส่งผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสาคัญต่อธุรกิจ ฐานะการเงิน ผลการดาเนินงานและโอกาสทางธุรกิจของบริษัท
  • สภาพอากาศที่เลวร้ายอาจมีผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสาคัญต่อการดาเนินงานและธุรกิจของบริษัท
  • อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทและเงินดอลลาร์สหรัฐ และอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทและเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย อาจส่งผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสาคัญต่อความสามารถในการทากาไรและกระแสเงินสดของบริษัท