ทำไมเก๋ากี้ถึงบำรุงสายตาได้
เหมาะกับยุค มือถือและคอมพิวเตอร์

เก๋ากี้(แดง) 15 กรัม หนึ่งช้อนโต๊ะพูนเล็กน้อย
สารอาหารหลัก
พลังงานประมาณ 52 kcal
โปรตีนประมาณ 2.1 กรัม
ไขมันรวมประมาณ 0.1 กรัม
คาร์โบไฮเดรตประมาณ 11.5 กรัม
ใยอาหารประมาณ 2 กรัม
น้ำตาลธรรมชาติประมาณ 6–7 กรัม
⸻
วิตามินและแร่ธาตุเด่น
• วิตามิน A (จากเบต้าแคโรทีนและซีแซนทิน): ~3,900 IU ✅
• วิตามิน C: ~7 มก.
• ธาตุเหล็ก: ~1.3 มก.
• แคลเซียม: ~29 มก.
• โพแทสเซียม: ~170 มก.
• ฟอสฟอรัส: ~45 มก.
⸻
จุดเด่น – วิตามินเอ
วิตามินเอจากเก๋ากี้ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับอาหารทั่วไป
• เก๋ากี้ 15 กรัม → ~3,900 IU
• แครอทสด 100 กรัม → ~16,700 IU
• ไข่ไก่ 1 ฟอง (50 กรัม) → ~240 IU
• มะม่วงสุก 100 กรัม → ~1,100 IU
ดังนั้น เก๋ากี้เพียง 15 กรัม ให้วิตามินเอมากกว่า ไข่ 1 ฟองถึง 16 เท่า และยังมากกว่ามะม่วงสุก 100 กรัมถึง 3.5 เท่า
⸻
สรุป
แค่ทาน 15 กรัม (ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะพูน) ก็ได้วิตามินเอปริมาณสูงมาก เหมาะกับการบำรุงสายตาและผิว
ปริมาณนี้ยังให้ไฟเบอร์และธาตุเหล็กพอสมควร โดยไม่ให้พลังงานสูงเกินไป
***********
ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้สามารถออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก ได้เกือบทุกสถานการณ์
อะไรสิ่งนั้นน่าจะเป็น “เงิน”
เงินซื้อชีวิตไม่ได้แต่ซื้อความไม่ทุกข์ทรมาณจากการเจ็บป่วยได้
เงินซื้อความสบายใจไม่ได้ทั้งหมด แต่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนส่วนมากได้
คุณจะไม่อดอยากถ้าคุณมีเงิน
คุณจะมีที่อยู่อาศัยที่สุขสบายถ้าคุณมีเงินมากพอ
คุณจะไม่ขาดแคลนยารักษาโรคดีๆแพงๆ ถ้าคุณมีเงิน
คุณสามารถที่จะแต่งตัวดี เป็นที่พึงพอใจของผู้ที่พบเห็น และให้เกียรติคุณ ถ้าคุณมีเงิน
และเงินจะอยู่กับคนที่เห็นคุณค่าของมันเท่านั้น
การเก็บออมจึงเป็นสิ่งสำคัญ และที่สำคัญกว่า คือ เมื่อเก็บออมแล้วต้องลงทุนเป็น
คนที่บอกว่าเงินไม่สำคัญ คือคนที่ไม่เห็นคุณค่าของเงิน และเงินก็จะอยู่กับเขาได้ไม่นาน มันเป็นเช่นนั้นเสมอ
*************
ฟักทอง เป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำแต่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะกับการควบคุมน้ำหนักและดูแลสุขภาพ
สารอาหารหลัก (ต่อฟักทองดิบ 100 กรัม)
(อ้างอิง USDA และฐานข้อมูลโภชนาการไทย TFD)
• พลังงาน: ~26 kcal (พลังงานต่ำมาก)
• โปรตีน: ~1.0 g
• คาร์โบไฮเดรต: ~6.5 g
• น้ำตาล: ~2.8 g
• ใยอาหาร: ~0.5–0.9 g
• ไขมัน: ~0.1 g (ต่ำมาก)
วิตามิน
• วิตามิน A (จากเบต้าแคโรทีน): สูงมาก (~8513 IU หรือ ~426 µg RAE) → ช่วยบำรุงสายตา
• วิตามิน C: ~9 mg
• วิตามิน E: ~1.1 mg
• วิตามิน K: ~1 µg
• วิตามินบีรวม: B2, B6 และโฟเลตในปริมาณเล็กน้อย
แร่ธาตุ
• โพแทสเซียม: ~340 mg
• ฟอสฟอรัส: ~44 mg
• แคลเซียม: ~21 mg
• แมกนีเซียม: ~12 mg
• สังกะสี: ~0.3 mg
• เหล็ก: ~0.8 mg
จุดเด่น
• พลังงานต่ำ เหมาะกับการลดน้ำหนัก
• เบต้าแคโรทีนสูง → สารต้านอนุมูลอิสระและเปลี่ยนเป็นวิตามิน A ได้
• โพแทสเซียมช่วยควบคุมความดันโลหิต
• ใยอาหารช่วยระบบย่อยอาหาร
สรุป ฟักทองเป็นอาหารที่ไขมันต่ำ พลังงานต่ำ แต่ให้วิตามิน A สูงมาก เหมาะทั้งกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และดูแลสุขภาพสายตา/หัวใจ
**********
นักลงทุนไม่น้อย ลงทุนแบบตอบไม่ได้ ว่าหากเจอเหตุการณ์ black swan จะทำอย่างไร ไม่มีแผนป้องกันอะไรเลย แค่ปล่อยตามยถากรรม รับความเสี่ยงเต็มที่ ถือแบบไม่สนใจอะไรเลย
สาเหตุเพราะ
- ยังไม่เคยผ่าน black swan ของจริง
- ขาดความรู้ ความเข้าใจที่มากพอ
- ขี้เกียจ อ้างแค่ “ไม่มีเวลาศึกษา”
- คิดว่าตลาดหุ้นหมู แค่ “ลอกการบ้าน” ก็รวยได้
- ประสบการณ์น้อย ทำให้มั่นใจเกินเหตุ
- ได้กำไรแล้ว ทำให้ ego พองตัวสูง จนมองข้าม black swan คิดว่าตนเองเอาชนะได้แม้ไม่ต้องใส่ใจ
การลงทุนให้รอดในทุกสถานการณ์สำคัญมาก
***********
ยุคปัจจุบันดูเหมือนจะมีคนที่มี LDL สูง ค่อนข้างมาก การควบคุม LDL ที่ได้ผลที่สุด คือการควบคุมอาหาร การคาร์ดิโอช่วยได้บ้างแต่น้อย
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาดสำหรับผู้ที่มี ค่า LDL (ไขมันเลว) สูง คืออาหารที่มีไขมันอิ่มตัว (Saturated fat) และคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งจะกระตุ้นให้ LDL เพิ่มและลดประสิทธิภาพของ HDL (ไขมันดี)
ด้านล่างคือ 10 อาหารยอดนิยมที่ “ต้องห้าม” หรือควรจำกัดอย่างเข้มงวดที่สุด
1. หมูสามชั้น / เนื้อวัวติดมัน
• เหตุผล: มีไขมันอิ่มตัวสูงมาก (~35–40 g ต่อ 100 g)
• ผล: เพิ่ม LDL โดยตรง และกระตุ้นตับให้สร้างคอเลสเตอรอลเพิ่ม
• ✅ ทางเลือก: เนื้อปลา ดอลลี่, จาระเม็ด, แซลมอน, ปลาซาบะในปริมาณพอดี
⸻
2. ไข่แดง
• เหตุผล: คอเลสเตอรอลสูงมาก (~200–250 mg/ฟอง)
• ผล: แม้ไขมันอิ่มตัวไม่สูง แต่คอเลสเตอรอลส่งผลต่อ LDL โดยเฉพาะในคนที่มี LDL สูงอยู่แล้ว
• ✅ ทางเลือก: ใช้เฉพาะไข่ขาว
⸻
3. เนยสด, เนยเทียม (บางชนิด), มาการีนเก่าแบบแข็ง
• เหตุผล: เนยสดมีไขมันอิ่มตัวสูง ส่วนมาการีนรุ่นเก่ามีไขมันทรานส์
• ผล: เพิ่ม LDL และลด HDL
• ✅ ทางเลือก: น้ำมันคาโนล่า หรือมะกอกแบบ light ใช้แต่น้อย
⸻
4. หนังไก่ / หนังเป็ด
• เหตุผล: ไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูงมาก (~90 mg/100 g)
• ✅ ทางเลือก: เนื้ออกไก่ล้วนไม่ติดหนัง
⸻
5. ของทอดในน้ำมันเก่า / ฟาสต์ฟู้ด
• เหตุผล: น้ำมันที่ใช้ซ้ำเกิดไขมันทรานส์
• ผล: เพิ่ม LDL และลด HDL อย่างมีนัยสำคัญ
• ✅ ทางเลือก: ปรุงด้วยสเปรย์น้ำมันคาโนล่า, อบหรือนึ่งแทนทอด
⸻
6. ชีสแข็ง (เช่น เชดดาร์, พาร์เมซาน)
• เหตุผล: ไขมันอิ่มตัวสูง (~18–22 g/100 g)
• ✅ ทางเลือก: คอทเทจชีสไขมันต่ำ หรือโยเกิร์ตไขมัน 0%
⸻
7. เบเกอรี่, ขนมอบ, พาย, ครัวซองต์
• เหตุผล: ใช้เนย, ไข่แดง และบางสูตรมีครีมเทียม → ไขมันอิ่มตัวสูง
• ✅ ทางเลือก: ขนมปังโฮลวีตไม่ใส่ไขมัน
⸻
8. ไส้กรอก, แฮม, เบคอน, หมูกรอบ
• เหตุผล: มีทั้งไขมันอิ่มตัว, โซเดียมสูง, และไนเตรต/ไนไตรต์
• ✅ ทางเลือก: โปรตีนลีน เช่น ปลา เต้าหู้ หรือหมูสับไขมัน 10–15%
⸻
9. นมเต็มมันเนย / ครีม / วิปปิ้งครีม
• เหตุผล: ไขมันอิ่มตัวสูง (~4–7 g/100 mL)
• ✅ ทางเลือก: นมพร่องมันเนย หรือโยเกิร์ต 0%
⸻
10. อาหารกะทิ (แกงกะทิ, ขนมหวานกะทิ)
• เหตุผล: กะทิมีไขมันอิ่มตัวสูง (~18–20 g/100 g)
• ✅ ทางเลือก: ใช้นมถั่วเหลืองหรือนมไขมันต่ำแทน
⸻
สรุปกลุ่มสารอาหารที่ควรจำกัด
ประเภท จำกัดต่อวัน (สำหรับผู้มี LDL สูง)
ไขมันอิ่มตัว (Saturated fat) < 15 g/วัน
คอเลสเตอรอลรวม < 200 mg/วัน
⸻
✅ อาหารที่ช่วยลด LDL (ควรเพิ่ม)
• ปลาไขมันดี (แซลมอน, ซาร์ดีน, ดอลลี่)
• ถั่วเปลือกแข็ง (อัลมอนด์, วอลนัท – ปริมาณพอเหมาะ)
• ข้าวกล้อง, ข้าวโอ๊ต, บักวีต
• ผักสีเขียวเข้ม, อะโวคาโด, ผลไม้ที่มีกากใยสูง (เช่น แอปเปิล, มะละกอ, ส้มโอ)
*********
สิ่งที่มักได้ยินจากมือใหม่
- แค่ประเมินมูลค่าหุ้น ง่ายว่ะ
- แค่ทำ fv pv dcf เองหรอ ง่ายหว่ะ
- แค่ทนถือ สบายมาก ก็ถือแบบลืมๆมันไป ง่ายว่ะ
ง่ายทุกอย่าง แต่ไม่เห็นมันรวยขึ้นเลย
🤣🤣🤣
คนที่ประสบความสำเร็จ ทุกอย่างที่ว่ามา ไม่ง่ายเลย ไม่ทำลวกลวก กว่าจะได้ตัวเลขแต่ละบรรทัด ค้นข้อมูลกันเหนื่อยมาก อ่านกันเยอะมาก วิเคราะห์กันหนักมาก คิดกันหนักมาก เพื่อได้ตัวเลขแค่บรรทัดเดียว  ส่วนพวกที่บอกว่าง่าย ก็ง่ายจริงแหละแค่มโนตัวเลขขึ้นมา จบใน 5 นาที คนที่มักง่ายได้ผลงานแบบมักง่าย แถมยังดูถูกคนที่ประสบความสำเร็จอีกด้วยว่า วิธีเหล่านั้นเป็นวิธีที่ ง่ายง่าย !!!
คู่ควรแล้ว ที่จะได้ผลงานแบบง่ายง่าย 🤣
***********
ถ้าตลาดหุ้นปิดช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แล้วมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น
เหตุการณ์ที่ทำให้คุณกังวลใจ กังวลกับพอร์ตหุ้น เครียด จนนอนหลับไม่สนิท
คุณควรรู้ไว้ว่า การจัดพอร์ต หรือหลักการลงทุนของคุณกำลังมีอะไรบางอย่างที่ผิดพลาดอยู่
คุณต้องหามันให้เจอไม่ว่ามันจะเป็นการ over trade , การไม่ได้วางแผนรับมือกับความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด หรืออะไรก็แล้วแต่
คุณต้องหาจุดอ่อนของตัวเองให้เจอแล้วก็แก้ไขมันซะ
********^^^^
ดื่มน้ำเป็นยา
ทานปลาเป็นหลัก
ทานผักเกินครึ่ง
ไข่ไก่ฟองหนึ่ง
อย่าพึ่งกาแฟ
อย่าแก่ของเค็ม
อย่าเข้มของหวาน
อย่าทานของทอด
อย่ากอดแต่เหล้า
อย่าเฝ้าสูดควัน
เมามันออกกำลังกาย
ยืดเส้นยืดสายเป็นนิจ
และสุดท้าย ปล่อยวางให้เป็น
…………………………………
เงินต้นคือชีวิตของนักลงทุน อย่าให้มันหาย ไม่มีเงินต้นก็เป็นนักลงทุนไม่ได้
กฎข้อแรก อย่าเสียเงินต้น กฎข้อสอง อย่าลืมกฎข้อแรก”
ฟังดูเหมือนง่าย แต่นี่คือหัวใจสำคัญที่สุดของการลงทุน
ลองคิดดูนะ ถ้ามีเงิน 100,000 บาท แล้วขาดทุนไป 50% จะเหลือเพียง 50,000 บาท แต่ถ้าอยากได้เงินคืนเป็น 100,000 บาท ต้องทำกำไร 100% จาก 50,000 บาท ซึ่งยากกว่ามาก!
สิ่งที่ควรทำ
เลือกลงทุนในสิ่งที่มีความเสี่ยงต่ำ มั่นคง
อย่าเสี่ยงเงินทั้งหมดในที่เดียว
ถามตัวเองก่อนลงทุนทุกครั้งว่า “ถ้าขาดทุน จะรับได้ไหม?”
………………………
นักลงทุนที่ไม่ศึกษาข้อมูลด้วยตัวเอง สังเกตง่าย
มักจะถามหาหุ้นตัวใหม่เสมอ เพราะว่าหุ้นตัวเก่าไม่กล้าซื้อเต็มที่ ที่ไม่กล้าซื้อเต็มที่เพราะไม่มั่นใจ ที่ไม่มั่นใจเพราะขาดซึ่งความรู้ ความเข้าใจต่อบริษัท
พอได้หุ้นตัวใหม่ก็จะถามหาแต่หุ้นตัวใหม่ไปเรื่อย เพราะว่าเมื่อได้หุ้นตัวใหม่มาก็ไม่กล้าซื้อเต็มที่เหมือนเดิม
ก็จะวนเวียนอยู่แค่การถามหาหุ้นไปเรื่อยเรื่อย
คนที่ศึกษาบริษัทมาดี ก็กล้าที่จะโฟกัส กล้าที่จะลงทุนอย่างมีน้ำหนัก
การหาหุ้นตัวใหม่สำหรับลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเจอแล้วควรลงทุนให้มีน้ำหนักที่สมควร
…………………
เป็นนักลงทุน อย่ายึดติดกับต้นทุนของคนอื่น ในบริษัทที่มีการเติบโตมูลค่าของหุ้นย่อมขยับสูงขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านไป
นักลงทุนหลายคนยึดติดกับต้นทุนที่คนอื่นซื้อได้ แต่ลืมไปเมื่อเวลาผ่านไป แม้ราคาจะขยับขึ้นมา แต่ส่วนต่างระหว่างราคากับมูลค่าอาจมากขึ้นกว่าตอนที่คนอื่นซื้อก็เป็นไปได้
เราลงทุนเพื่อหวังผลกำไร ไม่ใช่ลงทุนเพื่อจะเอาชนะคนอื่น มันตลกเกินไปหากต้องคอยกังวลกับต้นทุนของคนอื่น
………………………