วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2565

หากอนาคตมีสงคราม จีน-ไต้หวัน เราจะขายหุ้นลดพอร์ตหรือไม่ ???

สมมติ หากอนาคตมีสงคราม จีน-ไต้หวัน เราจะขายหุ้นลดพอร์ตหรือไม่ ??? 

(ถามตัวเอง ตอบตัวเอง แต่แบ่งปันความคิด 🤣)

- คือถ้ารู้อย่างนี้แน่นอนว่าจะมีสงครามเวลาไหน ใครๆก็คงอยากจะขายก่อนล่วงหน้า เพื่อที่จะได้มีเงินไว้ช้อนซื้อหุ้นที่ราคาถูก 

- ประเด็นก็คือไม่มีใครรู้อนาคต หากขายไปแล้วยังไม่เกิดสงคราม แล้วราคาหุ้นวิ่งต่อ แปลว่าจะเสียหุ้นดีในมืออย่างถาวรเลยนะ รับได้ไหม

ถ้ารับจุดนี้ได้ ก็ขายเล่นรอบเก็งกำไรได้ แต่ต้องรู้ว่ามันคือการเก็งกำไรแล้วนะ

บางคนก็จะบอกว่า ถ้าซื้อตัวเดิมไม่ได้ก็รอซื้อตัวอื่นสิ แต่อย่าลืมหาตลาดหุ้นขึ้นต่อ หุ้นภาพรวมมันก็จะแพงขึ้นทุกตัว ไม่มีตัวดีๆถูกๆลงมาให้เก็บง่ายๆ 

การถือเงินสดเสีย 2 ต่อ เสียเพราะเงินเฟ้อ และเสียทั้งกำไรและปันผลที่ควรจะได้จากหุ้นในบริษัทที่เราควรจะได้ถือ 

- แล้วถ้าไม่ขาย หากเกิดสงครามแล้วราคาหุ้นลงล่ะ หากราคาหุ้นลง แต่สินค้าของบริษัทยังขายได้ดีอยู่ ยังมีความแข็งแกร่ง ผู้บริหารก็ยังบริหารได้ดี ไม่มีทีท่าว่าจะล้มละลาย ไม่ได้มีหนี้สินเกินตัว ยอดขายอาจจะซบเซาตามภาวะเศรษฐกิจไปบ้าง ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรให้ขายหุ้นออกมา รวมทั้งในภาวะสงครามเงินเฟ้อจะพุ่งสูง การถือเงินสดอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเสมอไป 

- งั้นจะขายหุ้นเมื่อไหร่ล่ะ
ขายหุ้นเมื่อราคาแพงเกินมูลค่าไปมากๆ หรือเมื่อเจอตัวอื่น พี่มีโอกาสที่ดีกว่ามากพอสมควร ต้องอย่าลืมว่าหุ้นตัวไหนที่อยู่กับเรามานาน เราจะรู้เราจะเข้าใจถึงแผนการธุรกิจและวิธีการคิดของผู้บริหาร มากกว่าหุ้นตัวใหม่ ดังนั้นหากมีโอกาสใกล้เคียงกัน เราก็เลือกที่จะถือหุ้นตัวเก่า ที่เรารู้จักมันดี

- ถ้าอย่างนั้นแบ่งขายลดพอร์ตบางส่วนดีไหม ก็ทำได้นะ อย่างน้อยที่สุดก็ช่วยลดแรงกดดันทางจิตใจ แต่ถ้าหากมีเงินสดในมือพอสมควรอยู่แล้ว หรือมีรายได้เข้ามาเป็นประจำอยู่แล้ว การแบ่งลดพอร์ตอาจไม่ใช่เรื่องจำเป็นก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลเป็นหลัก