วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

อักษรย่อ ที่ใช้ในภาษาโรงแรม

อักษรย่อ ที่ใช้ในภาษาโรงแรม

A = ABLE
B = BAKER
C = CHARLIE
D = DOG
E = EASY
F = FOX
G = GEORGE
H = HOW
I = ITEM
J = JIMMY
K = KING
L = LOVE
M = MIKE
N = NANCY
O = OBO
P = PETER
Q = QUEEN
R = ROGER
S = SUGAR
T = TEAR
U = UNCLE
V = VICTOR
W = WILLIAM
X = X-RAY
Y = YORK
Z = ZEBRA
ISP = Internet Service Provider
VOIP = Voice Over Internet Protocol
BBF= Buffet Breakfast
TRSF = Transfer
BKG = Booking
PAX = Guest / Client / Customer
GTD = Guarantee
SRV = Service Charge
C/I = Check in
C/O = Check Out
ROH = Run Of House
ISO = Instead Of
RD = Rest Day
ADV = Advise
AFT = After
AMT = Amount
ARR = Arrive , Arrival
ATTN = Attention
BEF = Before
CFM = Confirm
CXL = Cancel
DBL = Double
DEP = Depart , Departure
DEPT = Department
FOC = Free Of Charge
GM = General Manager
HO = Head Office
HR = Hour
INFM = Inform
INTL = International
MGR = Manager
MSG = Message
PLS = Please
RM = Resident Manager
RQ = Request
SGL = Single
TKS = Thanks
URG = Urgent
YR = Year ABF. = American Breakfast
INCL. = include
COMP. = Complimentary
RESV. = Reservation
FIT. = Frequent Individual Traveler , Foreign Individual Traveler
COD. = Cash On Departure
COA = Cash On Arrival
FOC = Free Of Charge
CNF = Confirmed
CXL = Cancelled
TBA = To Be Advised
CXL = Cancelled
MIR = Monthly Information Report
CAPEX = Capital Expenditure
ADR = Average Daily Rate
ARR = Average Room Rate
REVPAR = Revenue Per Available Rooms
GOP = Gross Operating Profit
HSIA = High Speed Internet Access
MIS = Management Information System , Manager Information Synthesis
FO = Front Only !
FB = Front and Back !
Wi-Fi = Wireless Fidelity

วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

QSR ในเครือ เซนทรัล

QSR ในเครือ เซนทรัล

มิสเตอร์ โดนัท (Mister Donut)
มิสเตอร์ โดนัท ผู้นำตลาดโดนัทในประเทศไทยที่ยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากกว่าร้อยละ 60 อันเป็นผลมาจากการวิจัยและวิเคราะห์ผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงจุด ความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ถูกใจผู้บริโภคออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการวางแผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ และการมุ่งเน้นการขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
ปี 2555 มิสเตอร์ โดนัท  ได้จัดกิจกรรมขอบคุณลูกค้าและสังคม ภายใต้ชื่อกิจกรรม “ขอบคุณ...ทุกความผูกพัน ที่เคียงข้างกันตลอด 33 ปี”  ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องจากปี 2554 โดยในงานเน้นขอบคุณลูกค้าด้วยการมอบรางวัลจากกิจกรรมชิงโชคให้แก่ลูกค้าผู้โชคดี และกิจกรรมต่างๆให้ลูกค้าร่วมสนุก เช่น พูดคุยกับครอบครัวดาราแฟนพันธ์แท้โดนัท, ร่วมแต่งหน้าโดนัทมุม Donut I Do และพิเศษสุด กับการประมูล ผลงาน Masterpiece ซึ่งทำจากโดนัทของดาราดัง โดยนำรายได้จากการประมูลทั้งหมดนำไปมอบให้กับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ นอกจากนี้เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้า และตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดโดนัทได้มีการจัดกิจกรรมร่วมเฉลิมฉลอง “วันแห่งโดนัท” ขึ้นในเดือนมิถุนายนภายใต้ชื่องาน Mister Donut Let’s Celebrate Donut Day ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยแจกโดนัทสุดฮิต “พอน เดอ ริง” ฟรีสำหรับลูกค้า 200 ท่านเเรกทุกสาขาทั่วประเทศไทย โดยมีมูลค่ากว่าล้านบาท 
สำหรับปี 2555 นี้ มิสเตอร์ โดนัท ประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 จากปีที่ผ่านมา ซึ่งมาจากปัจจัยต่างๆ อาทิ การจัดโปรโมชั่นแคมเปญ  “อร่อยเลือกได้เพียงชิ้นละ 10 บาท”  เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย รวมถึงได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ และตรงใจผู้บริโภค ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการสร้างยอดขายให้กับ มิสเตอร์ โดนัท ประกอบด้วยสินค้าเช่น มิสเตอร์ โดนัท ดีลักซ์ พาเหรด (Deluxe Parade), มิสเตอร์ โดนัท จิบิ โด (JibiDo), มิสเตอร์ โดนัท พิซซ่า โด (PizzaDo) และ มิสเตอร์ โดนัท ช็อคโก เฟียสต้า (Choco Fiesta) รวมถึงได้มีการการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางช่องทางต่างๆ อาทิ โฆษณาทีวี รถไฟฟ้า รวมถึงได้ให้ความสำคัญกับสื่อทางด้านออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า มิสเตอร์ โดนัท ได้มีการจัดโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตรต่างๆ นับเป็นการตอกย้ำการรับรู้แบรนด์ของผู้บริโภคให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากการให้ความสำคัญกับกิจกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว มิสเตอร์ โดนัท ยังมุ่งเน้นและความสำคัญกับลูกค้าสมาชิก โดยมีกิจกรรมและโปรโมชั่นต่อเนื่องตลอดทั้งปี  ในปี 2555 มิสเตอร์ โดนัท มีการขยายร้านสาขาจำนวน 24 สาขา ทำให้มีสาขารวมทั้งสิ้น 289 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ 68 จังหวัดทั่วประเทศ

เคเอฟซี (KFC)
เค เอฟ ซี ผู้นำในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ของประเทศไทย มีจำนวนสาขาภายใต้การบริหารงานของ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด จำนวน  181  สาขา ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 40 จากจำนวนสาขาทั้งสิ้น 464 สาขาทั่วประเทศ
ในปี 2555 เค เอฟ ซี สามารถสร้างการเติบโตของรายได้สูงถึงร้อยละ 17.4%จากปีที่ผ่านมา ภายใต้การมุ่งพัฒนาเมนูใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการ และความพึงพอใจของผู้บริโภคในทุกมื้ออาหาร รวมถึงเติมเต็มช่องว่างทางการตลาดสำหรับผู้บริโภคด้วยเมนูที่เหมาะกับชีวิตและไลฟสไตล์ของผู้บริโภคในสังคมเมืองมากขึ้น  รวมทั้งการจัดเซ็ทเมนูที่หลากหลาย ในราคาเริ่มต้นที่ทุกคนสามารถจ่ายได้ 
สำหรับปี 2555 นับเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จในการสร้างยอดขายอย่างต่อเนื่องจากปี 2554  โดยในปี 2555 นี้ เคเอฟซีได้ให้ความสำคัญในการตอบสนองความต้องการในทุกมื้ออาหาร  เริ่มจากมื้อเช้า โดยมุ่งสู่ตลาดกลุ่มผู้บริโภคอาหารเช้า ทั้งนี้ได้มีการเปิดสาขาที่เริ่มจำหน่ายอาหารเช้า ตั้งแต่เวลา 7-11 โมงเช้า ภายใต้ Branding KFC  a.m. พร้อมเสิร์ฟเมนูหลากหลาย อาทิเช่น โจ๊ก ,ไรสเซอร์,แพลตเตอร์ และบิสกิต จากมื้อเช้าสู่มื้อกลางวัน  เคเอฟซีได้มีการคิดค้นเมนูใหม่ๆสำหรับมื้อเที่ยง  2 เมนู ประกอบไปด้วย “ทวิสเตอร์ (Toasted Twister)” และ “เดอะ บ๊อกซ์ (The Box)” เพื่อตอบสนองไลฟสไตล์ของผู้บริโภคในสังคมเมืองที่ไม่หยุดนิ่ง โดยมีการโปรโมทอย่างยิ่งใหญ่ทั้งทางสื่อดิจิตอลและสื่อโทรทัศน์  นอกจากนั้นทางเคเอฟซียังได้จัดเซ็ทเมนูที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยทำงาน เพื่อเพิ่มการมาทานอาหารในช่วงเวลากลางวันที่ร้านเคเอฟซี  โดยประกอบไปด้วย 6 เซ็ทเมนู ในราคาที่ทุกๆคน สามารถจ่ายได้  รวมทั้งยังมีความหลากหลายของเมนูทั้ง ไก่ทอด, เบอร์เกอร์ หรือเมนูข้าวต่างๆ ให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรตามความชอบ     และอีกหนึ่งมื้อสำคัญนั่นก็คือ มื้อเย็น ซึ่งเป็นมื้ออาหารที่ผู้บริโภค พึงพอใจที่จะใช้จ่ายกับมื้อนี้สูงที่สุด ดังนั้นทางเคเอฟซี จึงเน้นโปรโมท ชุดอาหารที่เป็นเซ็ตขนาดใหญ่ (Bucket) ผ่านทางหนังโฆษณา ที่เน้นความผูกพันของคนในครอบครัว โดยมีเคเอฟซี เป็นส่วนเติมเต็มความสุขเหล่านั้น  เพราะเรามีความตั้งใจว่า “KFC make meaningful moment that make Thais life so good”
นอกจาก 3 มื้ออาหารที่กล่าวมาข้างต้น เคเอฟซี ยังให้ความสำคัญกับ อาหารทานเล่น ที่สามารถทานได้ตลอดทั้งวันโดยได้แบ่งเมนูทานเล่นออกเป็น  2 ส่วน คือ Savory snack และ Sweet snack เพื่อขยายการเข้าถึงของเคเอฟซีในกลุ่ม Student  ที่สามารถเข้ามาใช้บริการที่ร้านได้ ตลอดทั้งวัน  ซึ่งในปี 2555 เคเอฟซีได้สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยการออกเมนูใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลายหลาก และขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ซึ่งก็คือ เมนูเครื่องดื่มทานเล่น  “ครัชเช่อร์ (Krushers)”  ทั้งหมด 5 รสชาติ เพื่อตอบสนองความพึงพอใจในการเลือกทานเครื่องดื่มที่หลากหลายและแตกต่างกัน โดยมีการโปรโมทอย่างยิ่งใหญ่ผ่านทางสื่อดิจิตอล การจัดกิจกรรม ( PR Event) เพื่อสร้างการรับรู้ของผู้บริโภคและโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์    รวมถึงยังคงทำการโปรโมท ”ทาร์ตไข่ (Egg Tart)”  เมนูของหวาน อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี   และอีกส่วนหนึ่งของเมนูทานเล่น  Savory snack เคเอฟซีได้ออกเมนูเบอร์เกอร์ทานเล่น “ชาร์จเจอร์ (Charger)” เบอร์เกอร์ในขนาดที่พอเหมาะกับการทานเป็นอาหารว่าง   ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เคเอฟซีเป็นจุดมุ่งหมายของผู้บริโภคในการมาทานของทานเล่นตลอดทั้งวัน
นอกจากนี้ เค เอฟ ซี ยังมุ่งเน้นการสร้างความผูกพันกับแบรนด์ (Brand Loyalty)  และพันธสัญญาที่มีต่อกลุ่มลูกค้าครอบครัว (Family with Kids) ผ่านหนังโฆษณาชุด Bucket  รวมทั้งรักษา ระดับราคาระหว่าง เค เอฟ ซีและ คู่แข่ง ไม่ให้ต่างกันมาก  ตลอดจนความตั้งใจ ลงทุน ทั้งแรงกาย และเงินทุนสนับสนุน  โครงการลีกฟุตบอลสนามเล็ก 7คน เซเว่น ชู๊ท (7-Shoot Football League) และ การเข้าถึงลูกค้ากลุ่มโรงเรียน (School Tour) ที่ทำให้แบรนด์ เค เอฟ ซี  เข้าถึงชุมชนได้เป็นอย่างดีและทั้งหมดนี้เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกในด้านบวกขึ้นมากมาย   ภายใต้สโลแกนที่ว่า “เค เอฟ ซี โซ กู๊ด (KFC So Good)"  ทั้งนี้ในปี 2555 นี้ เคเอฟซีได้รับการโหวตจากผู้อ่านนิตยสารรีดเดอร์ส ไดเจสท์ ทั่วประเทศให้เคเอฟซีเป็นสุดยอดแบรนด์ "ร้านอาหารสำหรับครอบครัว" ที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจมากที่สุด

  อานตี้ แอนส์ (Auntie Anne’s)
ความสำเร็จของ อานตี้ แอนส์ ในปี 2555 ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้สูงถึงกว่าร้อยละ 25% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากความสำเร็จจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีรูปแบบ และรสชาติที่หลากหลาย ภายใต้แนวคิด ”ความรู้สึกพิเศษ ความหลากหลายและคุ้มค่า การคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดตลอดทั้งปี ที่ อานตี้ แอนส์ มอบให้ (Truly Special Widely Selection)” ซึ่งในปี 2555 ได้แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในหลากหลายรสชาติ อาทิ Mozza Italian Sausage Pretzel, Mozza Italian Ham Pretzel, Extra Pretzel Dog Double Cheese, Fantastic 3 Raisin Wonder และ Super Pretzel Bites การขยายช่องทางการขายผ่านช่องทางใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น โรงพยาบาล รวมทั้งการครอบคลุมพื้นที่ที่มีศักยภาพให้มากที่สุด เพื่อการเป็นผู้ครองตลาดเพรทเซล พร้อมทั้ง การโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพผ่านช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ โฆษณาทีวี รถไฟฟ้า การจัดโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตรเพื่อขยายฐานลูกค้า การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมกับกลุ่มสมาชิกเพื่อสร้างความผูกพันกับแบรนด์
ด้วยผลความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ในปี 2555 นี้ อานตี้ แอนส์ ยังได้รับเกียรติจาก Focus Brands Incorporation (ซึ่งได้ซื้อกรรมสิทธิ์แบรนด์ อานตี้ แอนส์ จาก Auntie Anne’s Incorporation เมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา) ให้ประเทศไทยเป็นร้านต้นแบบ และรับรอง อานตี้ แอนส์ สาขา เซ็นทรัล พระราม 9 และ สยาม พารากอน เป็นศูนย์การฝึกอบรมสำหรับแฟรนไชส์ซีประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ปัจจุบัน อานตี้ แอนส์ มีสาขาเปิดให้บริการทั้งสิ้น 101 สาขา


เปปเปอร์ ลันช์ (Pepper Lunch)
เปปเปอร์ลันซ์ ร้านอาหารสเต๊กจานร้อนสไตล์ญี่ปุ่น เปิดดำเนินการมาเป็นปี่ที่ 5 โดยในปี 2555 เปปเปอร์ลันซ์ มีอัตราการเติบโตของรายได้ ร้อยละ 34 จากจำนวนร้านสาขาทั้งสิ้น 16 สาขา โดยมีการเปิดเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 3 สาขา
แผนการดำเนินงานของเปปเปอร์ลันซ์ ในปีที่ผ่านมา ได้เน้นในเรื่องการปรับภาพลักษณ์การบริการ โดยได้เริ่มปรับรูปแบบการบริการ แบบ Counter Service เป็นการบริการแบบ Table Service และได้ทยอยปรับไปแล้วทั้งหมด 13 สาขา และจะปรับรูปแบบนี้ให้ครบภายในไตรมาสแรกของปี 2013 ทั้งนี้เพื่อสร้างความสะดวกในการใช้บริการให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น เปปเปอร์ลันซ์ ยังคงเน้นความหลากหลายของการสร้างสรรค์เมนูอาหาร ในแบบ “The Original D.I.Y. Teppan Restaurant” โดยได้นำเสนอเมนูหลักของปี 2012 ที่ประกอบไปด้วย กลุ่ม Premium Steak เน้นเมนูสเต๊กริบอาย จากออสเตรเลีย, กลุ่มข้าวแกงกะหรี่สูตรใหม่เฉพาะของเปปเปอร์ลันซ์, กลุ่มพาสต้าเมนู โดยเฉพาะพาสต้าซีฟู้ดจานร้อน กลุ่มข้าวเปปเปอร์ โดยได้ปรับส่วนผสมของเนื้อในเมนู ข้าวเปปเปอร์เนื้อ ที่เป็นเมนูที่ขายดีที่สุด ให้มีส่วนผสมของเนื้อที่มาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อเสริมให้ข้าวมีรสชาติที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้มีเมนูที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในส่วนของการสร้างภาพลักษณ์ และประชาสัมพันธ์แบรนด์ ก็ได้มีการทำอย่างต่อเนื่องผ่านการร่วมโปรโมชั่นกับพันธมิตรทางด้านการค้าต่างๆ, การทำกิจกรรมกับลูกค้าผ่านทางเฟสบุ๊ค, การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์อย่างต่อเนื่องตลอดปี

  เบียร์ด ปาปาส์ (Beard Papa’s)
เบียร์ด ปาปาส์ ขนมครีมพัฟที่ดีที่สุดในโลก  ซึ่งบริษัทฯเริ่มดำเนินกิจการเมื่อปี 2552 ในปี 2555 นี้  เบียร์ด ปาปาส์ สามารถสร้างการเติบโตของรายได้สูงกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 28    โดยในปี 2555 นี้ เบียร์ด ปาปาส์ ยังคงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเช่นเคย อาทิ ม็อคคา อัลมอนด์ ครีมพัฟ(Mocha Almond Cream Puff), ครีมพัฟไส้ชาเขียวญี่ปุ่น (Matcha Cream Puff), ครีมพัฟไส้รอยัล มิลค์ที (Royal Milk Tea Cream Puff)  นอกจากนี้ เบียร์ด ปาปาส์ไม่เพียงแต่นำเสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับลูกค้าในทุกวันศุกร์ (Friday Bonus) แต่ยังมีการทำบัตรสมาชิกด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับการต้อนรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี   เบียร์ด ปาปาส์ ยังมีการทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในหลากหลายช่องทางเช่นกัน เช่น สื่อออนไลน์  สกู๊ปแนะนำร้านอาหารในสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ  การร่วมโปรโมชั่นกับพันธมิตรทางการค้าต่างๆ  นอกจากนี้ เบียร์ด ปาปาส์ ได้ขยายการเปิดสาขาเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค และสร้างการรับรู้แบรนด์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยขณะนี้มีสาขาเปิดให้บริการทั้งสิ้น 17 สาขา ในเขตกรุงเทพมหานคร

ชาบูตง (Chabuton)
ชาบูตง  " ราเมนต้นตำรับจากญี่ปุ่น โดยสุดยอดเชฟราเมน ทีวีแชมป์เปี้ยน "  เจ้าแรกในประเทศไทย  ซึ่งทางบริษัทฯ ได้เปิดบริการตั้งแต่ปี 2553 ชาบูตงมีต้นกำเนิดจากเชฟราเมนชื่อดังที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากรายการทีวีแชมป์เปี้ยน (TV Champion) และยังเป็นราเมนเจ้าแรกและเจ้าเดียว ที่ได้รับเกียรติตีพิมพ์ลงในนิตยสาร MICHELIN Guide  ซึ่งเป็นนิตยสารแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมมากในสหรัฐอเมริกา   ชาบูตงได้รับความนิยมอย่างมากและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง  ในหมู่ผู้ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นประเภทราเมนในประเทศไทย  ส่งผลให้ชาบูตงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 
โดยมีการเติบโตของรายได้สูงกว่าปีทีผ่านมาร้อยละ 59 ชาบูตงมีเมนูราเมนต้นตำรับ เช่น ราเมนในน้ำซุปกระดูกหมูรสเข้มข้น (Tonkotsu Ramen), ราเมนในน้ำซุปกระดูกหมูรสกลมกล่อม (Shio Tonkotsu Ramen),  ราเมนในน้ำซุปซีอิ๊วญี่ปุ่น (Shoyu Ramen), ราเมนเย็นสไตล์ดั้งเดิมกับซอสซารุร้อนที่ปรุงจากซีอิ๊วญี่ปุ่น (Shoyu Zaru Ramen), และราเมนในน้ำซุปกระดูกหมูผสมซุปมิโซะ (Tonkotsu Miso Ramen). นอกจากนี้ยังมี ท็อปปิ้งหลากชนิดให้ลูกค้าได้เลือกชิม
ในปี2555 ชาบูตงได้พัฒนาเมนูใหม่ๆเพิ่มเติม เช่น  ราเมนเย็นท๊อปปิ้งด้วยไก่อบชิ้นนุ่ม แตงกวา ขิง และ เนื้อปลาโออบแห้ง (Wafu Hiyashi Torisoba), ราเมนในน้ำซุปไก่ เสริ์ฟพร้อมคอลลาเจนบอล (Tori Uma Ramen), และเส้นราเมนผสมสาหร่ายสไปรูลิน่าในน้ำซุปผัก (Spirulina ramen) ให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลอง  ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน 
นอกจากนี้ชาบูตงได้มีการขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 5 สาขาจากเดิม 7 สาขา   โดยปัจจุบันมีสาขารวมทั้งสิ้น 12 สาขาในปี 2555ในเขตกรุงเทพมหานคร

โคล สโตน ครีมเมอรี่ (Cold Stone Creamery)
Cold Stone Creamery (โคล สโตน ครีมเมอรี่) ไอศกรีม มิกซ์-อิน ระดับซูเปอร์พรีเมียมรายแรกของอเมริกา ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งรสชาติเข้มข้นสไตล์อเมริกัน และลีลาการเสิร์ฟไอศกรีมที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศลำดับที่ 15 และนับเป็นประเทศที่ 6 ในเอเชีย
ทางบริษัทฯ ได้นำ Cold Stone Creamery มาเปิดสาขาแรกในประเทศไทย  เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2553 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์  ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก จึงได้ขยายเพิ่มอีก 3 สาขาในปีเดียวกัน คือสาขาเซ็นทรัลบางนา, อาคารสยามกิตติ์ และเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ รวมทั้งสิ้น 4 สาขาในสิ้นปี 2553
สำหรับปี 2555 Cold Stone Creamery ได้วางกลยุทธ์หลายด้านในการพัฒนาแบรนด์ ทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีหลากหลายมากขึ้น และอิงกับกระแสในเทศกาลต่างๆ เช่น การเปิดตัว Ice Cream Mooncake ขนมไหว้พระจันทร์สอดไส้ไอศกรีมมิกซ์-อินเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก, การทำการตลาดเชิงรุก โดยได้นำ Social Network Marketing มาสร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ในรูปของเกมส์ออนไลน์ จนสามารถเพิ่มจำนวน Fans Page จาก 5,000 คน เป็น 37,000 คน ภายในระยะเวลา 6 เดือน รวมถึงการจัด Event Workshop Marketing โดยให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ และวางจำหน่ายจริง ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับการตลอดรับที่ดีมาก จึงขยายผลต่อในรูปของการทำกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) โดยการนำยอดขายส่วนหนึ่งมอบให้มูลนิธิเด็กโรคมะเร็ง เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ และที่   แบรนด์ดำเนินการอย่างต่อเนื่องคือการรักษาฐานลูกค้าเดิมด้วยโปรแกรม CRM ต่างๆ และการขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยได้เปิดสาขาเพิ่มอีก 2 สาขาด้วยกัน คือ เซ็นทรัลพระราม 2 และ เมกาบางนา ทำให้ในปีนี้ได้รับรางวัลจาก IPS (International Partner Summit) ถึง 3 รางวัล คือ  รางวัล Best Community Focused Charity Program, รางวัล Most Successful Marketing Promotion และรางวัล Golden Spade สาขาเซ็นทรัลบางนา
8)ริว ชาบู ชาบู (RYU Shabu Shabu)
ชาบู–ชาบู สไตล์ญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซปต์ “ Osaka Mix Shabu Shabu All You Can Eat “  ให้บริการแบบบุฟเฟ่ต์   ซึ่งทาง บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด ได้พัฒนาแบรนด์ขึ้นเอง  โดยเปิดให้บริการต่อผู้บริโภคในปี 2553 ที่สยามสแควร์ ซอย 3     ริวบุฟเฟ่ต์ชาบู-ชาบู   เป็นชาบู ชาบู สไตล์โอซาก้า    รวมเมนูอาหารชื่อดังจากโอซาก้า   พร้อมเสิร์ฟทุกเมนูบนบุฟเฟ่ต์ไลน์  อาทิ ซูชิ บ๊อกซ์ และข้าวปั้นนานาชนิด   ความพิเศษของ ริว ชาบู ชาบู คือ เป็นชาบู บุฟเฟต์สไตล์แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ที่มีน้ำซุปสูตรเด็ดให้เลือกอร่อย 2 ชนิด  Katsuo Bushi Dashi Soup (น้ำซุปปลาแห้ง)  สูตรเฉพาะ ต้นตำรับที่ได้จากการพิถีพิถันในการผลิตเป็นอย่างดี  และ Kombu Dashi Soup (ซุปสาหร่ายคอมบุ) น้ำซุปที่นำสาหร่ายทะเลกับกระดูกหมูเคี่ยวรวมกันพร้อมกับผัก เป็นสูตรต้นตำรับที่หาชิมได้ที่นี่ที่เดียว  อีกทั้งน้ำจิ้มที่มีให้เลือกรับประทานถึง 3 แบบ Gomadare (น้ำจิ้มงาขาว),  Ponzu Sauce (น้ำจิ้มพอนซึ),  Red Sauce (น้ำจิ้มสุกี้) เพิ่มรสชาติความอร่อยให้อาหาร ในรูปแบบและรสชาติที่แตกต่าง ตามความหลากหลาย สไตล์ โอซาก้า ริว ชาบู ชาบู ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภค โดยเฉพาะในเรื่องของรสชาติ ความสดใหม่ ในราคาที่คุ้มค่า   นอกจากนี้ ริว ชาบู ชาบู ได้ออกแคมเปญอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น มา4จ่าย3 หรือ มาครบ 4 รับส่วนลด 15% เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มเป้าหมาย การทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในหลากหลายช่องทาง  อาทิ แนะนำร้านอาหารผ่านสื่อออนไลน์ และหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ การร่วมโปรโมชั่นกับพันธมิตรทางการค้าต่าง ๆ เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี

  เดอะ เทอเรส (The Terrace)
บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด ได้ทำการซื้อลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า “เดอะ เทอเรส” มาบริหารงานภายใต้ CRG ในปี 2553 ซึ่งมีสาขาทั้งสิ้น 6 สาขาภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล   โดย ซีอาร์จี ได้มีการพัฒนาแบรนด์ ด้วยการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์, โลโก้,  ดีไซน์ร้าน, ยูนิฟอร์ม, เมนูรูปเล่มใหม่ ภายใต้  แนวคิด  “Feel the Greenery” (สัมผัสความรู้สึกแห่งโลกสีเขียว)
ในปี 2555 เดอะเทอเรส ทำกิจกรรมต่างๆในการพัฒนาแบรนด์ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดทำเมนูแคมเปญแนะนำอาหาร ที่เป็นเมนูยอดนิยมของเดอะเทอเรส และพัฒนาเมนูใหม่ๆ เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภค อาทิ เมนูแคมเปญ ’เผ็ดร้อนจัดจ้านถึงใจ’ (Spicy) เป็นเมนูรสจัดจ้าน   เมนูแคมเปญ ‘เสริฟ์ร้อนเสริฟ์ความสดด้วยอาหารทะเล’ (Seafood)   เมนูแคมเปญ ‘อร่อยเพื่อสุขภาพ’ (Let’s Be Healthy ) เป็นต้น    นอกจากนี้ เดอะเทอเรสยังมีการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) โดยมุ่งเน้นการสร้างภาพลักษณ์ของร้านอาหารไทยภายใต้คอนเซปต์  “Feel Greenery Feel The Terrace” ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ผ่านการทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในหลากหลายช่องทาง อาทิ รายการสกู๊ปแนะนำร้านอาหารในทีวี เคเบิ้ลทีวี สื่อออนไลน์ต่างๆ  การร่วมโปรโมชั่นกับพันธมิตรทางการค้าต่างๆ  เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี  นอกจากนั้นยังได้เปิดสาขาตามแนวคิด  “Feel the Greenery”  (สัมผัสความรู้สึกแห่งโลกสีเขียว)   เพิ่มขึ้นจำนวน 2 สาขา ที่เซ็นทรัล แกรนด์ พระราม 9  และ เซ็นทรัล พระราม 3  จากทั้งหมด 10 สาขา
  

คาเฟ่ อันโดนัน (Café Andonand)
เป็นร้าน กาแฟและโดนัท (Coffee & Donut) สไตล์ญี่ปุ่น ที่นำเสนอกาแฟคุณภาพเยี่ยมและฟิวชั่นโดนัท  ทุกเมนูจะสะท้อนผ่านความพิถีพิถันในทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นการคัดสรรเมล็ดกาแฟชั้นเลิศ จากแหล่งปลูกกาแฟอันเลื่องชื่อระดับโลก และการเลือกสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยม มาปรุงแต่งเป็นโดนัทในรูปแบบต่างๆ ที่เสิร์ฟร้อนทุกชิ้น โดยเฉพาะเมนูเด่นของร้านคือ  “เอสเพรสโซ่/ราสเบอร์รี่ อัฟโฟกาโต” (Espresso/Raspberry Affogato)  โดนัทร้อนๆ สอดไส้คัสตาร์ดครีมหอมหวาน ราดด้วยโฟมวิปครีมนุ่มและอัลมอนด์อบ/หรือซอสราสเบอร์รี่ ทานคู่กับกาแฟดับเบิ้ลเอสเพรสโซช็อต   ซึ่งได้สูตรลับรสชาติต้นตำรับส่งตรงจากญี่ปุ่น  “บลูเบอร์รี่ ชีส โดนัท” (Blueberry Cheese Doughnut) โดนัทสอดไส้ครีมชีส ท็อปปิ้งด้วยบลูเบอร์รี่โยเกิร์ต พร้อมโรยหน้าด้วยโดนัทซูการ์ และบลูเบอร์รี่อบแห้ง,  “เวรี่ สตรอเบอร์รี่ โยเกิร์ต โดนัท” (Very Strawberry Yoghurt Donut)  โดนัทท็อปปิ้งด้วยสตรอเบอร์รี่โยเกิร์ต พร้อมตกแต่งลายเส้นด้วยดาร์กช็อกโกแลต และสตรอเบอร์รี่สไลด์    บรรยากาศภายในร้านและองค์ประกอบต่างๆ ล้วนรังสรรค์จากการรักสิ่งเวดล้อม ให้ความรู้สึกอบอุ่น และดื่มด่ำไปกับสุนทรียภาพแห่งรสชาติได้อย่างแท้จริง   ร้านคาเฟ่ อันโดนัน ตั้งอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 6

โยชิโนยะ (Yoshinoya)
บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด   เปิดตัวแบรนด์  "โยชิโนยะ (Yoshinoya)” เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2554 ณ เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว
โยชิโนยะ “สุดยอดต้นตำหรับข้าวหน้าเนื้อและข้าวหน้าญี่ปุ่น” โดย โยชิโนยะ มีข้าวหน้าเนื้อหรือที่รู้จักกัน
”กิวด้ง” ซึ่งเป็นข้าวหน้าเนื้อที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาในสมัยเมจิ ในปี ค.ศ. 1899 หรือ 113 ปี ในปัจจุบันมีสาขาทั่วโลกมากกว่า 1,700 สาขา ใน 8 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น, อเมริกา, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, ฮ่องกง และประเทศไทย
ในปี 2555 โยชิโนยะ ได้มีการนำเสนอเมนูต่างๆเพิ่มขึ้นไว่จะเป็น ข้าวหน้าเนื้อ/หมูสไปซี่ ยากินิขุ  ไก่คาราเกะสไปซี่ เพื่อตอบสนองรสชาติของผู้บริโภคชาวไทย ตลอดจนการจัดชุดโปรโมชั่น ต่างๆ โยชิโนยะได้มีการเจริญเติบโตจากปีที่ผ่านมา จาก 3 สาขา มาเป็น 9 สาขา ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่งผลทำให้ โยชิโนยะ มียอดขาย ถึงกว่า 100 ล้านบาท

โอโตยะ (Ootoya)
ปี 2555 เป็นปีที่ 2 ของร้านอาหารญี่ปุ่นโอโตยะภายใต้การบริหารของบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หลังจากเข้าซื้อกิจการและสิทธิ์การบริหารแบรนด์ โอโตยะ ในประเทศไทยทั้งหมด และสิทธิ์การขยายสาขาแบรนด์โอโตยะในเขตภูมิภาคเอเซีย
โอโตยะเป็นแบรนด์อาหารญี่ปุ่นในระดับพรีเมี่ยมภายใต้แนวคิด Home Cooking Japanese Restaurant (อาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด) ที่ลูกค้าชาวไทยให้การต้อนรับเป็นอย่างดี นอกจากที่จะให้บริการที่ร้านแล้ว ยังมีบริการส่งอาหารถึงบ้าน ผ่านทางเบอร์โทร 02-6633888 โดยมีการขยายโซนให้ครอบคลุมกรุงเทพให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้บริการตอบรับเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อรักษาฐานลูกค้าญี่ปุ่นไว้ด้วย ส่วนการให้บริการที่ร้าน ก็มีโปรโมชั่น และกิจกรรมทางการตลาดทางสื่อออนไลน์ เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ และสร้างความเป็นที่รู้จักให้กับแบรนด์ด้วยสื่อที่ทันสมัยซึ่งจะเป็นแผนต่อเนื่องในปี 2013
ปัจจุบันมีสาขาในประเทศไทย ขณะนี้มีทั้งหมดรวม 36 สาขา ให้บริการทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ ร้านโอโตยะ โกฮังโดโคโระ ให้บริการแบบร้านอาหารเต็มรูปแบบ, ร้านโอโตยะ คิชเช่น  ให้บริการแบบร้านอาหารบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส, ร้านโอโตยะ เดลี่ ให้บริการแบบอาหารซื้อกลับบ้าน  สาขาล่าสุดได้เปิดดำเนินการในปี 2555 คือ เมกา บางนา ชั้น 2 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2555