ตอนซื้อไม่ได้ใช้กราฟ แต่ใช้การประเมินมูลค่า สนใจหุ้นเมกาช้าไปหน่อยเลยเริ่มซื้อตอนขยับขึ้นมาแล้ว แต่กล้าซื้อแม้ราคาวิ่งขึ้น เพราะมั่นใจในการประเมินมูลค่า
*********
คนที่เป็นเศรษฐี ไม่เคยกังวลว่าจะตายก่อนใช้เงินหมด ไม่เคยกังวลว่าจะตายก่อนได้ใช้เงิน
ส่วนคนที่กลัวว่าจะใช้เงินไม่หมดก่อนตาย จึงไม่เก็บออมและต้องรีบใช้นั้น
ผลที่ได้คือ “จนก่อนตาย” ลำบากไปอีก
หลายๆครั้ง ความสำเร็จเป็นตัวรั้งเราไว้ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า เพราะมัวแต่ยึดคิดกับวิธีการเดิมๆที่เคยทำให้ประสบความสำเร็จ
*****
หุ้นทุกตัว มันมีเวลาของมัน
*****
ระหว่างเส้นทางการลงทุน จะเต็มไปด้วยจุดต่างๆ ที่พร้อมให้นักลงทุนทำผิดพลาดด้วยความเต็มใจของนักลงทุนเองเต็มไปหมด
เปรียบเสมือนการเดินในซอยที่เต็มไปด้วย “ขี้หมา” ถ้าสุ่มสี่สุ่มห้าเดิน โดยไม่ดูาม้าตาเรือ โอกาสเหยียบขี้หมาก็จะมีสูงมาก โดนเฉพาะคนที่ใจร้อนอยากรีบเดินไวๆหรือวิ่งเร็วๆ จะยิ่งมีโอกาสสูงมากที่จะเหยียบขี้หมา
มีแต่คนที่และมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาเท่านั้นที่จะเดินผ่าน ได้อย่างปลอดภัย
*****
ถ้าสังเกตคนที่ลงทุนใน STARK จะเป็นการพยายามลงทุนในหุ้นที่เป็นผู้ชนะ ซึ่งต่างจากการเลือกลงทุนที่พยายามหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสในการแพ้สูง
*****
เราต่างเคยเจอนักลงทุนที่สูงอายุ และเราก็เคยเจอนักลงทุนที่กล้าบ้าบิน แต่ไม่มีนักลงทุนที่กล้าบ้าบิ่นอายุยืน - Howard Marks
*****
ในตลาดหุ้นมันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องอยู่ให้รอดก่อน ถึงจะค่อยคิดถึงเรื่องการทำกำไร
*****
ผลงานใดๆ ที่สามารถทำซ้ำได้บ่อยๆ ทำซ้ำได้อย่างสม่ำเสมอสามารถพูดได้ว่าผลงานเกิดจากทักษะ ความสามารถ
ส่วนผลงานที่เกิดจากโชคนั้น ไม่สามารถทำซ้ำได้หรือทำซ้ำได้ยากมาก
******
อันนี้ คือมุมมองของเรา ที่อาศัยปัจจัยการเมืองมองอนาคต ศก และการลงทุน เป็นมุมมองส่วนตัวเท่านั้น
ศก อนาคตดูสดใสขึ้นกว่าที่ผ่านมามาก ทำให้ภาพครั้งหน้าดูเป็นบวก
ตัวเลข NPL และกรณี STARK ส่งผลให้การปล่อยกู้ น่าจะมีความเข้มงวดมากขึ้น ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นอยู่
ทำให้นักลงทุนต่างๆมีมุมมองที่ค่อนข้างระมัดระวัง
เป็นที่ชัดเจนว่าไม่ใช่ช่วงฟองสบู่
ซึ่งทำให้เหมาะสมที่จะหาหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่า ซื้อสะสมเพื่อการลงทุนระยะยาวได้
*****
การใช้ Leverage ในอัตราที่สูง เพื่อ bet กับโอกาสเพียงเล็กน้อย โดยหวังจะได้กำไรจำนวนมาก มันคือการแบกความเสี่ยงอย่างมหาศาล
*****
ผลตอบแทนในอนาคตจะยิ่งต่ำลงตามราคาซื้อในปัจจุบันที่แพงขึ้น
*****
สำหรับบุคคลทั่วไป ที่ไม่ได้ศึกษาหุ้นรายตัวแบบจริงจัง ไม่ได้ติดตามกิจการแบบจริงจัง จะเพราะไม่มีเวลาศึกษาหรือไม่มีเวลาติดตามก็แล้วแต่
การซื้อกองทุนหักภาษีโดยเฉพาะกองทุน SSF , SSFX ควรคำนวนว่านอกจากหักภาษีได้แล้ว การโดนบังคับถือ 10 ปีนั้น คุ้มค่าหรือไม่
ลองมองว่าดัชนี SET ณ ปัจจุบันหากผ่านไปสิบปี มีโอกาสที่ดัชนีจะสูงกว่านี้หรือไม่
หากคิดว่ายังไงอีกสิบปีข้างหน้า SET ต้องสูงกว่านี้แน่นอน เหมาะแก่การซื้อกองทุนรวม ถือยาวๆ SSF , SSFX จะได้คือ ได้ลดภาษีและได้ทั้ง Cap Gain ถ้าเลือกกองทุนได้ถูกกอง
แต่สำหรับ คนที่ติดตามหุ้นรายตัวเอง คงค้องเปรียบเทียบ ว่าการซื้อกองทุน ให้กองทุนบริหารเงินให้ + ได้ลดหย่อนภาษี ผลตอบแทนมากกว่าที่ตนเองบริหารเองหรือไม่ หากไม่ ก็ไม่ต้องซื้อ SSF, SSFX ก็ได้
เช่น หากโดนเรทภาษี ขั้นสูงสุดที่ 15% ก็เท่ากับว่าเงินที่ซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีได้ลดภาษี 15% บนระยะเวลาบังคับถือกองทุน 10 ปี เท่ากับได้ลดหย่อนภาษีเฉลี่ยปีละ 1.5%
แล้วนำ ปย ทางภาษีต่อปี มาบวกกับกำไรจาก nav ที่กองทุนทำได้เฉลี่ยต่อปี นั่นคือ ผล ปย ทั้งหมดที่ได้รับจากการซื้อ ssf, ssfx
แล้วจึงนำมาเปรียบเทียบกับผลตอบแทนที่คาดว่าตนเองจะทำได้จากการซื้อหุ้นเอง
ดัชนีตอนนี้ประมาณ 1500
สมมติ อีกสิบปี ดัชนีไปที่แถว 2,000 จุด
เท่ากับเพิ่มมา 33% หรือเฉลี่ย 3.3% ต่อปี (หากซื้อกองอิงดัชนี จะได้ผลตอบแทนประมาณเดียวกับดัชนี)
บวก ผล ปยทางภาษี (สมมติ effective tax rate 15% ) ก็เท่ากับได้ ปย ทางภาษีต่อปีที่ 1.5%
3.3%+1.5% = 4.8% ต่อปี เป็นเวลาสิบปี
หากเป็นไปตามตัวอย่าง แล้วมีทางเลือกอื่น เช่น นำไปค้าขาย ได้กำไรต่อปี มากกว่า 4.8% เราก็ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อ ssf, ssfx
แต่หากไม่ได้นำเงินไปลงทุนอย่างอื่นเลย นอกจากฝากแบงค์ การซื้อ ssf, ssfx เป็นทางเลือกที่ดี
สำหรับคนที่จำเป็นต้องซื้อ
หากต้องซื้อ ssf และไม่อยากลุ้นกับความสามารถของ ผู้จัดการกองทุนก็สามารถเลือกซื้อเป็น กองทุนอิงดัชนีได้
การซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี มีจุดอ่อนอย่างใหญ่หลวงอยู่จุดหนึ่งก็คือ หากไปเจอกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุน “ห่วย”
ผลตอบแทนอาจจะติดลบ แถมด้วยการเสียโอกาสในการสร้างผลตอบแทนไปอีก 10 ปีเลยทีเดียว
คือจะเสียหายทั้งฝั่งเงินทุนและเสียหายทั้งฝั่งโอกาสที่จะได้กำไร เรียกว่า เสียหายสองเด้ง
***********
การเป็นนักลงทุน สิ่งที่ยากยิ่งกว่าการหาความรู้ คือการนั่งนิ่งๆให้เป็น
******
คนที่ไม่เรียนรู้จากอดีต ก็มักจะทำผิดซ้ำซากอยู่ร่ำไป
*****
นักเก็งกำไรที่คิดว่าสามารถเป็นนักลงทุนระยะยาวได้ สุดท้ายแล้วจะเปลี่ยนการขาดทุนชั่วคราว ให้กลายเป็นการขาดทุนถาวร
*****
คนที่ซื้อหุ้นตามเซียน บางครั้งไม่เคยรู้ว่าเซียนเค้าคุมความเสี่ยงที่จะส่งผลเสียหายต่อพอร์ตไว้ เช่น หุ้นที่เสี่ยงสูง บางทีเซียนอาจซื้อแบบเหมือนวางเดิมพัน(แบบหวังถูกรางวัลที่หนึ่ง) ซื้อด้วยสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับพอร์ตรวม อาจซื้อจะแบบ 2% ของพอร์ต โดยหวังถ้าเป็นตามที่คิดอาจกำไรหลายเด้งจากราคาหุ้น
แต่คนที่ซื้อตามเซียนอาจไม่รู้ แล้วไปซื้อตามแบบมั่นใจเพราะเห็นเซียนซื้อ เลยอัดซื้อไป 50% ของพอร์ต
พอความเสียหายเกิดขึ้น เช่น ราคาหุ้นลงไป 30% เซียนแทบไม่รู้สึก อาจเสียหายสัก -0.6% ของพอร์ตรวม (2% * -30%)
แต่คนซื้อตามจะเสียหายมากถึง 15% ของพอร์ตรวม (50% * -30% )
ราคาหุ้นลงเท่ากันแต่เซียนรอด คนซื้อตามเจ็บหนักกว่ามาก เพราะเชื่อใจเซียน ส่วนเซียนเค้าจะรู้ดีว่าความเสี่ยงมากแค่ไหน ควรซื้อในสัดส่วนเท่าไร เพราะคำนวนเอง หาข้อมูลเอง (ไม่งั้นคงไม่รอดมาจนเป็นเซียน) ส่วนคนซื้อตามอาจไม่ได้ทำการบ้านมากพอ ไม่รู้ลึกมากพอ ทำให้มองข้ามความเสี่ยง มีแต่ความมั่นใจในตัวเซียนมากเกินเหตุ
money management ต่างกัน risk/reward ต่างกัน เพราะความมั่นใจต่างกันจากข้อมูลที่รู้ต่างกัน
**********
มนุษย์เราเป็นนักสะสมความผิดพลาด เพียงแต่มีสองสิ่งที่สำคัญ คือ
1. จะต้องไม่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ฝืนมโนธรรมมากเกินไป
2. เมื่อผิดพลาดแล้วต้องปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำสอง
แต่จะมีมนุษย์อีกกลุ่มนึงแพ้ใจตนเอง แล้วถูกล่อลวงให้ทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยสิ่งที่ชอบ
******
หุ้นที่เป็นผู้ชนะที่อยู่ในพอร์ตมันจะดูแลตัวมันเองได้ คุณเพียงแต่ดูแลหุ้นที่เป็นผู้แพ้อย่าให้เสียหายหนักได้ก็พอ
*****
เวลาโยนเหรียญ โอกาสออกหัวและก้อย จะเป็น 50:50 แต่บนความเป็นจริง เมื่อโยนเหรียญด้วยจำนวนครั้งที่น้อยๆ เช่น 5 ครั้ง ผลที่ได้อาจออกหัวทั้ง 5 ครั้งเลยก็ได้ แต่หากโยนเหรียญสักพันครั้ง โอกาสออกหัวออกก้อยจะกลับมาเป็น 50:50
ผลลัพธ์ระยะสั้นอาจผิดเพี้ยนไปจากความน่าจะเป็นระยะยาวได้ และมันเป็นอะไรที่เจอได้บ่อยจนเป็นเรื่องปกติ
ดังนั้นการสร้างพอร์ตหุ้นจึงควรให้พอร์ตสามารถอยู่ได้ในระยะยาวจนมันกลับสู่ความน่าจะเป็นที่เราคำนวนได้ ดังนั้นการสร้างพอร์ตโดยให้เวลาอยู่ข้างเดียวกับเราจึงเป็นสิ่งสำคัญ
และรวมถึงพอร์ตควรทนทานพอที่จะรองรับความผิดปกติในระยะสั้นให้ได้ด้วย